บางทีนี่อาจเป็นคำถามที่ทุกคนต้องการคำตอบ
หลงเจี่ยรู้เห็นเรื่องนี้และจงใจปิดบังเพื่อปกป้องสมาชิกวงหรือไม่
“ชิ ฉันได้ยินว่าหลงเจี่ยเป็นคนที่แจ้งความจับสี่คนนี้เองนะ พวกเธอได้ยินกันหรือยัง ทางเดียวที่ตำรวจจะรู้เรื่องทั้งหมดนี้ได้ก็เพราะมีบางคนไปแจ้งความ แล้วฉันก็รู้มาว่าคนคนนั้นก็คือหลงเจี่ย! อีกอย่างทีมงานของทางรายการที่เอสเอเจไปถ่ายทำก็บอกว่าหลงเจี่ยเป็นคนเดียวที่เพิ่งรู้ความลับเมื่อไม่นานมานี้…ทันทีที่เธอรู้ก็ตัดขาดกับพวกเขาทันทีเลย…”
“เธอต้องปวดใจและผิดหวังมากแน่ๆ! ”
“ที่พูดมาก็ดูเป็นไปได้นะ…”
นี่เป็นเหตุผลที่ถังหนิงจับกุมทั้งสี่คนที่โรงแรม เพราะเธอต้องการล้างมลทินให้หลงเจี่ย
เพราะเป็นเช่นนั้นไม่ว่าจะเป็นเอสเอเจหรือจู้ซิงมีเดีย ก็เป็นเรื่องของหม่าเวยเวยกับหันซิวเช่อทั้งนั้น ไม่เพียงแต่หลงเจี่ยจะไม่มีความผิดแต่ยังถูกมองว่าเป็นเหยื่อที่ได้รับผลกระทบเต็มๆ อีกด้วย!
แม้ว่าจะไม่มีใครออกมาชี้แจงเรื่องนี้อย่างชัดเจน คนที่ติดตามเรื่องในวงการก็เริ่มเข้าใกล้ความจริงมากขึ้นเรื่อยๆ ด้วยการคาดเดาและคนส่วนใหญ่ก็เชื่อเช่นนั้น
ระหว่างนั้นเองพี่ชายของหันซิวเช่อและต้นสังกัดของหม่าเวยเวยพยายามอย่างหนักเพื่อแก้ข่าวล้างชื่อให้กับพวกเขา พวกเขาอ้างว่าทั้งสองไม่ได้สนิทสนมกันและเป็นไปไม่ได้ที่จะแอบมีความสัมพันธ์กันอย่างลับๆ และยังขอให้คนภายนอกเลิกคาดเดาไปต่างๆ นานา
ในขณะนั้นเองหันซิวเช่อและหม่าเวยเวยยังคงติดอยู่ในสถานีตำรวจเพื่อรอการสอบสวน
“สมาชิกทั้งสี่คนอธิบายทุกอย่างโดยละเอียดแล้ว พวกเขาช่วยกับปกปิดเรื่องนี้มาตั้งแต่สมัยเรียนมหาวิทยาลัยและมีส่วนร่วมทางธุรกิจด้วยกัน คุณรู้เรื่องนี้หรือเปล่าครับ คุณหัน” เจ้าหน้าที่ตำรวจถามหันซิวเช่อพร้อมสายตาเฉียบคม “ถึงบทลงโทษของพวกเขาจะเป็นแค่การส่งไปสถานสงเคราะห์ พวกเขาก็จะไม่มีวันได้เป็นบุคคลสาธารณะอีก ในเมื่อคุณและคุณหม่ารับผิดชอบดูแลบริษัทอยู่ก็ควรชี้แจงกับเราทุกคนด้วยนะครับ”
“หลงมั่นเป็นคนที่ปั้นวงนี้ขึ้นมา เธอรู้ทุกอย่างมาตั้งแต่ต้นครับ…” หันซิวเช่อเอ่ยเสียงเรียบ “เธอสร้างศิลปินพวกนี้มาด้วยมือของตัวเอง ไม่ได้หมายความว่าผมฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายกับเธอได้เหรอครับ”
“คุณหันครับ คนเราก็ควรมีสติบ้างนะครับ” เจ้าหน้าที่ว่าเย้ยหยัน “คุณหลงมีจุดยืนและหลักการของตัวเอง เธอเลยเป็นคนที่แจ้งความเรื่องนี้กับตำรวจเองด้วยซ้ำ เธอมาให้การเหตุการณ์ทั้งหมดแล้วด้วยครับ
“คุณไม่คิดว่าตัวเองหน้าด้านที่พยายามโยนความผิดให้เธอบ้างเหรอครับ”
ในขณะที่ตำรวจกำลังจ้องมองเขา หันซิวเช่อดึงตัวหม่าเวยเวยมาก่อนเอ่ย “ไปกันเถอะ”
“แต่ว่าทีนี้เราจะทำยังไงกันดีล่ะ” หม่าเวยเวยถามอย่างตื่นตระหนก “พอถังหนิงกลับมาปักกิ่ง เธอก็ขุดหลุมพรางเบ้อเร่อดักเราไว้ทันที เราจะสู้กลับกันยังไงล่ะ”
“ค่อยมาคุยกันหลังจากไปจากที่นี่ได้เถอะ” หันซิวเช่อยืนเสียงหนักอย่างใจเย็น “ผมลากคุณมายุ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้ ผมจะเป็นคนจัดการเอง กลับบ้านไปพักผ่อนเถอะ”
“หันซิวเช่อ! กว่าฉันจะมาถึงทุกวันนี้มันไม่ง่ายเลยนะ ฉันไม่อยากสูญเสียทุกอย่างไป” หม่าเวยเวยพูดด้วยท่าทีจริงจังพลางจ้องหันซิวเช่อเขม็ง
“ผมรู้น่า” หันซิวเช่อพยักหน้าให้ จากนั้นจึงเตือนให้เธอออกไปทางประตูหลัง เขาจะรับหน้ากับนักข่าวที่ด้านหน้าเอง
ในขณะที่เขามองกองทัพนักข่าวด้านนอกสถานีตำรวจ หันซิวเช่อก้าวออกมาโดยไม่มีทีท่าหวาดกลัวแต่อย่างใด
“ผมต้องขอโทษทุกคนด้วยนะครับ แต่ข่าวลือในโลกออนไลน์มันไม่ใช่เรื่องจริง หม่าเวยเวยกับผมไม่ได้สนิทสนมกัน ส่วนเรื่องเอสเอเจ ผมเองก็เพิ่งรู้เมื่อไม่นานมานี้และรู้สึกผิดเช่นกันครับ”
“ถ้าพวกคุณไม่ได้สนิทสนมกัน ทำไมคุณถึงโอนหุ้นของจู้ซิงมีเดียกับเธอล่ะคะ”
“เอ่อ เรื่องนั้น…”
“ให้คำตอบกับพวกเราด้วยครับ! ”
“เพราะผมต้องการใช้หม่าเวยเวยและถังหนิงในการสร้างกระแสให้จู้ซิงมีเดียไงครับ ถึงแม้วิธีที่ผมใช้จะไม่ถูกต้องนัก แต่ผมก็ไม่ได้มีความสัมพันธ์อย่างนั้นกับหม่าเวยเวยอย่างที่ทุกคนคิดหรอกครับ ถ้าคุณไม่เชื่อผมจะตามสืบเรื่องนี้ก็ได้ครับ
“หม่าเวยเวยไม่ได้เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ทั้งหมดนี้ กรุณาหยุดทำร้ายเธอด้วยนะครับ
“ส่วนเรื่องข่าวลือในโลกออนไลน์ พวกคุณคิดว่ามันจะมาจากใครได้ล่ะครับ วงการบันเทิงไม่เคยมีคนที่ได้รับคำตอบที่อยากรู้อยู่แล้ว ผมจะบอกพวกคุณให้ว่าข่าวลือทั้งหมดเป็นเพราะว่าถังหนิงกลับมาจีนแล้วยังไงล่ะครับ! ”
เมื่อทุกคนได้ยินดังนั้นพวกเขาก็ถึงกับอึ้งไป
ถังหนิงกลับมาแล้ว!
ว่าแต่นี่มันเกี่ยวอะไรกับถังหนิงกันล่ะ
“ถ้าคุณนึกถึงความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับหม่าเวยเวย ก็จะรู้ว่าผมไม่ได้สร้างเรื่องขึ้นมา”
หันซิวเช่อกำลังพยามบอกว่าถังหนิงเป็นคนที่ปั่นหัวประชาชนอย่างนั้นหรือ
“เป็นไปไม่ได้หรอกครับ เราไม่ได้เห็นถังหนิงมานานมากแล้ว แค่คุณบอกว่าเธอกลับมาไม่ได้หมายความเธอจะกลับมาจริงๆ สักหน่อยครับ” นักข่าวคนหนึ่งสวนกลับใส่หันซิวเช่อ
“พวกคุณคอยดูแล้วกันครับ ถังหนิงจะทำให้หม่าเวยเวยทุกข์ทรมานยิ่งกว่านี้อีก แค่เพราะว่าเธอหน้าตาคล้ายกันเท่านั้น ผมไม่เคยเห็นผู้หญิงคนไหนโหดร้ายเท่าถังหนิงมาก่อนเลย”
หลังพูดจบ หันซิวเช่อก็เดินฝ่าออกไป
เพราะคำพูดของหันซิวเช่อ เหตุการณ์ทุกอย่างกลับกลายเป็น ราโชมอน*[1]*** ในชีวิตจริง อย่างไรก็ตามเรื่องทุกอย่างเกี่ยวกับถังหนิงและหลงเจี่ยเป็นเพียงข่าวลือที่ไม่มีหลักฐาน ทว่าหันซิวเช่อกลับเป็นคนออกมาพูดเรื่องนี้ด้วยตัวเอง…
“หันซิวเช่อคนนี้นี่โกหกหน้าตายเก่งจริงๆ ที่แท้เขาก็เป็นคนที่จิตใจแข็งแกร่งมากเลยนะคะ” หลินเฉี่ยนหัวเราะออกมาขณะที่มองหันซิวเช่อกำลังตอบคำถามนักข่าว “ฉันว่านักเขียนการ์ตูนเองก็คงรูจักซัดทอดความซวยให้พ้นจากตัวเองเหมือนกัน”
“ความจริงเขาก็เป็นคนฉลาดคนหนึ่งเลยนะ” ถังหนิงตอบ
“ทีนี้เราจะทำยังไงกันล่ะคะ”
“ถ้าฉันพยายามสู้เพื่อจู้ซิงมีเดียกับเขา ฉันก็จะกลายเป็นผู้หญิงโหดร้ายอย่างที่เขาอ้าง” ถังหนิงหัวเราะ “แล้วเขาก็มีจะเหตุผลในการใส่ร้ายฉันต่อไป”
“เป้าหมายของเขาก็คือคุณนะคะ เขาต้องการล่อให้คุณออกมาแล้วทำให้คุณโกรธ! ดูจากที่เขาออกมาปกป้องหม่าเวยเวย ถ้าเรายังโจมตีเธอต่อไป เราเองจะเป็นฝ่ายตกหลุมพรางของเขาซะเอง เราเลยต้องถอยออกมาสักหน่อยนะคะ”
“โดยเฉพาะยิ่งสื่อกำลังพยายามยืนยันว่าฉันกลับจีนมาแล้วจริงหรือเปล่าด้วย”
“หันซิวเช่อจะต้องพยายามหาทางบังคับให้คุณเปิดเผยตัวออกมาแน่ๆ เลยค่ะ! ”
“พอคนเราได้หน้าด้านแล้วใครก็เอาไม่ลงเลยจริงๆ ! ”
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ถังหนิงเจอคนอย่างนี้และเรื่องแบบนี้ อย่างไรก็ตามไม่มีครั้งไหนที่น่ารังเกียจเท่านี้
เขาแย่งจู้ซิงมีเดียไปและทำร้ายหลงเจี่ยไม่พอ ยังจะมีหน้าโทษว่าเป็นความผิดของเธออีก
หันซิวเช่อคนนี้ทำให้เธอรู้สึกอยากเอาชนะเสียจริง
ทว่าเมื่อประธานโม่พยายามยื่นมือเข้าช่วยเหลือ ถังหนิงกลับยืนกรานปฏิเสธเขา
“ฉันรับปากว่าจะทำให้ไอ้หมอนี่พ่ายแพ้โดยที่เขาจะไม่ได้เห็นหน้าฉันสักนิด ไม่อย่างนั้นฉันจะอยู่ในวงการต่อไปได้ยังไงกันคะ”
[1] ภาพยนตร์ญี่ปุ่นเรื่องหนึ่งของผู้กำกับอากิระ คุโรซาวา เกิดจากการผูกนิยายสองเรื่องเข้าด้วยกันให้กลายเป็นเรื่องใหม่