บทที่ 154 เรื่องซุบซิบของราชวงศ์ (๒)

นางสนมแพทย์อัจฉริยะ

บทที่ 154 เรื่องซุบซิบของราชวงศ์ (๒)
“เชื่อเขาเถอะ ทุกอย่างจะเรียบร้อย อวี่เหวินหยวนฮั่วไม่ใช่คนที่รู้เพียงแต่เรื่องรบ เขาฉลาดมาก” เฟิ่งชิงเฉินมองไม่เห็นทุกสิ่ง แต่ก็ไม่ใช่ว่าไม่เข้าใจทุกอย่าง แม้ว่าตอนนั้นนางอาจไม่เข้าใจ แต่หลังจากนั้นนางจะกระจ่างด้วยตนเอง
อวี่เหวินหยวนฮั่วใจดีกับนางมากจนเกินไป ไม่ใช่แค่เพราะตัวตนเฟิ่งชิงเฉินของนางเอง นางทราบดี…
“เจ้ารู้ก็ดี ข้าเกรงว่าเจ้าจะไม่พร้อม หรือมุ่งเข้าไปยุ่งเรื่องของเขา เจ้าไม่ควรแตะต้องเรื่องของเขามากจนเกินไป คนเบื้องบนไม่ทำกระไรเขาหรอก แต่เจ้าแตกต่างจากเขา แม้ว่าตระกูลอวี่เหวินจะมีเขาเพียงผู้เดียว แต่เขามิใช่คนไม่มีรากฐาน หากเกิดอะไรขึ้นกับเขา คนในกองทัพมากกว่าครึ่งที่จะให้เกียรติเขา และมีเกือบครึ่งที่ยอมอุทิศทั้งครอบครัวเพื่อปกป้องเขา แต่เจ้าไม่เหมือนกัน เจ้าเป็นคนที่ไร้รากฐานของจริง หากมีอะไรเกิดขึ้นจริงๆ ไม่มีใครยอมอุทิศทั้งครอบครัวเพื่อปกป้องเจ้าหรอก”
แม้ว่า หวังจิ่นหลิงจะเป็นผู้ดูแลตระกูลหวัง แต่เขาก็จะไม่อุทิศทั้งตระกูลเพื่อปกป้องนางเช่นกันตระกูลชั้นผู้ดีนั้นมีรากฐานมานานและมีหลายสิ่งมากมายที่จะต้องคอยกังวลและตระหนักถึง
เฟิ่งชิงเฉินยิ้มและไม่พูดกระไร
เรื่องบางเรื่องนางได้เข้าไปยุ่งเกี่ยวก่อนที่จะรู้ตัว หากจะถอนตัวตอนนี้ คงมิใช่เรื่อง่าย
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่หวังชีพูด นางเก็บไปครุ่นคิดแล้ว
หากเกิดเรื่องขึ้นมา ไม่มีใครปกป้องนาง
เมื่อเห็นว่าเฟิ่งชิงเฉินไม่พอใจ หวังชีจึงเร่งเปลี่ยนเรื่องคุย “ไปกันเถอะ ไม่พูดถึงเรื่องเหล่านี้แล้ว ข้าจะพาเจ้าไปเดินรอบสวนป๋ายฉ่าว ได้ข่าวว่าวันนี้องค์ชายชุนหยูกำลังออกล่าอยู่บนเนินเขาอีกฝั่ง”
ท่านอ๋องมีนามเรียกเพียงหนึ่งคำ องค์ชายมีนามเรียกสองคำ ที่เขาว่ากันหนึ่งตัวอักษรเป็นอ๋อง สองตัวอักษรรองลงมาจากอ๋องหมายถึงขนบธรรมเนียมนี้นั่นแหละ
“องค์ชายชุนหยูใครหรือ? ” เฟิ่งชิงเฉินพยายามนึกเรื่องของบุคคลนี้ แค่กลับล้มเหลวและยังนึกเรื่องที่เสด็จอาเก้าอยู่ที่นี่ขึ้นมาหรือว่ามานัดขององค์ชายชุนหยูนั่น?
“องค์ชายชุนหยูเป็นหลานชายของจักรพรรดิ พ่อของเขาเสียชีวิตตั้งแต่เขายังเล็ก เขาได้รับการเลี้ยงดูในพระราชวัง เมื่อไม่นานนี้เพิ่งแยกจวนออกมา เขาได้รับความโปรดปรานอยู่เสมอ ฝ่าบาททรงโปรดเขาอย่างมาก” ขณะที่หวังชีกล่าวถึงองค์ชายชุนหยูนั้น สีหน้าของเขาอึดอัดเล็กน้อย
“ดูเหมือนจักรพรรดิจะมีหลายเพียงคนเดียวใช่หรือไม่?” เฟิ่งชิงเฉินได้ยินมาก่อนแล้วว่า หลังจากที่จักรพรรดิขึ้นครองบัลลังก์ เขาได้สังหารพี่น้องทั้งหมด แม้กระทั่งองค์ชายสิบที่ยังนุ่งผ้าทารกอยู่ เสด็จอาเก้าเป็นข้อยกเว้น ไม่คิดว่าจะมีองค์ชายชุนหยูอีกคน
หวังฉีดึงเฟิ่งชิงเฉินออกไปและกล่าวอย่างเก้อเขินว่า “มีข่าวลือว่าองค์ชายชุนหยูนี้เป็นพระโอรสของจักรพรรดิ เป็นบุตรของจักรพรรดิกับพระชายาเหลียนอ๋อง”
“เป็นเช่นนี้นี่เอง” เฟิ่งชิงเฉินพยักหน้า ไม่ใช่เรื่องแปลกที่จะมีการแย่งพี่สะใภ้กันในราชวงศ์
“เจ้าอย่าเอาไปพูดข้างนอกเชียวนะ นี่เป็นเพียงข่าวลือ อย่างไรก็ตาม การที่จักรพรรดิเหลือหลานชายไว้เพียงคนเดียว จึงน่าสงสัยอย่างมาก ตอนนั้นพระชายาเหลียนอ๋องและจักรพรรดิก็ดูมีเรื่องมีราวที่ซับซ้อนอยู่”
“คุณชายเจ็ด เจ้าอยู่ที่นี่เองหรือ เราตามหาเจ้าอยู่นานมา ไปกันเถิด….” ชายหนุ่มเสื้อสีม่วงตะโกนเสียงดังเมื่อเห็นหวังชี และพยายามจะให้หวังชีไปกับพวกเขา
การพูดเรื่องซุบซิบของพระราชวงศ์ในตอนกลางวันแสกๆ มักจะรู้สึกประหม่าอยู่เสมอ ทั้งหวังชีและเฟิ่งชิงเฉินต่างก็ตกตะลึงอย่างมาก หวังชีไม่ทันได้ตั้งตัว ก็ถูกดึงตัวไป เขาหันกลับมามองเฟิ่งชิงเฉิน เฟิ่งชิงเฉินโบกมือให้เขาและปล่อยให้เขาไป หากว่าเขาอยู่เป็นเพื่อนนางทั้งงานก็คงไม่เหมาะเท่าไหร่
เมื่อหวังชีเห็นรูปลักษณ์ที่ทะเล้นของเฟิ่งชิงเฉิน หวังชีคิดว่านางคงจะไม่โดยรังแกหรอก เขาจึงยิ้มและเดินจากไป
เฟิ่งชิงเฉินยืนอยู่สักครู่ จากนั้นรู้สึกอยากจะเข้าห้องสุขา จึงตามหา
ทันทีที่นางก้าวเท้าออกไป เหล่าคุณหนูที่เดินนำโดยคุณหนูเวินต่างก็หาข้ออ้างออกจากงาน และเดินตามนางมาตลอดทาง แล้วดักเฟิ่งชิงเฉินเอาไว้ที่มุมของห้องสุขา
เอ่อ……
เฟิ่งชิงเฉินมองไปที่สีหน้าของพวกนางที่ไม่เป็นมิตรเท่าไหร่นัก แล้วนางก็อมยิ้ม
ดักคนที่ห้องน้ำ นี่มันเป็นวิธีที่มีมาแต่ไหนแต่ใดแล้วเนี่ย…….
“เฟิ่งชิงเฉิน เจ้ายิ้มกระไร” คุณหนูเวินเจียตะลึงกับรอยยิ้มของเฟิ่งชิงเฉิน จนลืมไปเลยว่าตนกำลังจะกล่าวอะไร
“>วันนี้อากาศดีจริงๆ” เฟิ่งชิงเฉินเหลือบมองไปทางซ้ายและขวา และพบว่าสถานที่พวกนางเลือกนั้นดีเสียจริง เป็นมุมตันที่คนผ่านไปมาค่อนข้างน้อย
อืม สะดวกมากสำหรับการดักตี
“เฟิ่งชิงเฉิน มิต้องมองซ้ายมองขวาแล้วพูดจาไร้สาระ ใกล้จะคายแล้วเจ้ายังปากแข็งอีกหรือ?” สีหน้าของคุณหนูเวินแย่อย่างมาก ผ้าในมือของนางบิดจนเป็นเกลียว
“ตาย? เหล่าคุณหนูจะฆ่าข้าหรือ?” เฟิ่งชิงเฉินพูดอย่างใจเย็นพร้อมหยอกล้อเล็กน้อย
“เฟิ่งชิงเฉิน หากเราอยากจะฆ่าเจ้า มันก็ง่ายเหมือนฆ่ามด” ความดุร้ายแวบผ่านใบหน้าที่สวยงามของคุณหนูเวิน
“เฟิ่งชิงเฉิน เราไม่อยากสังหารเจ้า เพราะมันจะทำให้มือของเราสกปรก เจ้าอย่าคิดว่ารักษาคุณชายใหญ่จนหายได้ ก็จะสามารถได้รับความชื่นชมจากคุณชายใหญ่ และสามารถทำให้ตระกูลหวังขอบคุณและซาบซึ้งในตัวเจ้า เจ้าไม่ดูสารรูปตัวเองเลย คนเยี่ยงเจ้าไม่มีสิทธิ์ยืนเคียงข้างคุณชายใหญ่ หึ อย่าคิดว่าวันนี้คุณชายใหญ่เขียนบทกวีให้เจ้า ก็คิดว่าท่านชื่นชมเจ้า ข้าจะบอกให้ว่า คุณชายใหญ่ก็แค่สงสารเจ้า เฟิ่งชิงเฉิน หากว่าเจ้ารู้ความ ก็อยู่ห่างๆ คุณชายใหญ่เสีย คนอย่างเจ้าไม่มีแม้แต่สิทธิ์ที่จะคอยถือรองเท้าให้คุณชายใหญ่”
ที่แท้ มาเพราะชายที่เอง
“หากข้าปฏิเสธล่ะ?” เฟิ่งชิงเฉินกล่าวอย่างเย็นชา
“ปฏิเสธหรือ? เจ้ามีคุณสมบัติอะไรที่จะปฏิเสธ? เวินอี้ มิต้องพูดกับนางมากมาย ผลักนางตกลงไปเสีย ข้าจะคอยดู หากว่านางเลอะเทอะสกปรก นางจะยั่วยวนคุณชายใหญ่อย่างไร” หญิงที่ยืนอยู่ทางด้านซ้ายของคุณหนูเวินกล่าวด้วยความดุร้าย
คนอื่นๆ ก็กล่าวเช่นเดียวกัน เมื่อเห็นว่ามีพวกเขากำลังจะลงมือ เฟิ่งชิงเฉินเองไม่รีบ นางกล่าวเพียงแค่ว่า “ข้าขอเตือนคุณหนูให้คิดทบทวนให้ดี ประเดี๋ยวหากพลาดขึ้นมาแล้วเข้าตัวเอง เช่นนั้นคงจะแย่อย่างมาก”
“เจ้าขู่พวกข้าหรือ? ทำไมรึ? เจ้ากล้าฟ้องหรือ?” คุณหนูเวินกล่าวพร้อมก้าวเข้าไป
“ฟ้องหรือ? เฟิ่งชิงเฉินไม่เคยฟ้องใคร ข้าเกรงว่าพวกเจ้าจะฟ้องต่างหาก” เฟิ่งชิงเฉินดึงเชือกออกจากแขนเสื้อของราวกับเล่นมายากล จากนั้นนางก็มัดแขนเสื้อที่ใหญ่กว้างเอาไว้ และเดินถอยหลังเล็กน้อย ดูท่าทีของนางเหมือนกลัวอย่างมาก แต่อันที่จริงนางกำลังอยู่ในท่าพร้อมต่อสู้
“ห้องหรือ? ตั้งแต่สิบขวบมา เวินอี้ไม่เคยฟ้องใคร เฟิ่งชิงเฉิน ข้าว่าดีๆ เจ้ามิชอบ เจ้าอยากเป็นหญิงมากความสามารถนักใช่หรือไม่? ดีเลย ข้าจะทำให้เจ้าสมหวัง”
เวินอี้ก้าวไปข้างหน้าและผลักเฟิ่งชิงเฉินเข้าไปในห้องน้ำ
ร่างของเฟิ่งชิงเฉินหายไป รอยยิ้มบนใบหน้าของนางก็จางลง และเธอก็ก้าวไปข้างหน้า “คุณหนูเวิน หากเป็นเช่นนี้อย่าโทษว่าข้าใจร้ายแล้วกัน”
นางคว้าแขนของเวินอี้เอาไว้ แล้วล้มนางลงไป เสียงดัง “ตู้ม” คุณหนูเวินล้มลงกับพื้น
“เอ่อ ช่วยด้วย ตีกันแล้ว”
“เฟิ่งชิงเฉินลงมือแล้ว”
คุณหนูคนอื่นๆ ช่วยกันตะโกน ดูเหมือนว่าเฟิ่งชิงเฉินจะมิได้ยินนางก้าวเข้าไป เมื่อเห็นว่าพวกนางตื่นตระหนกอย่างมากและไม่รู้จะรับมืออย่างไร นางจึงล้มพวกนางทีละคน
คิดว่านางจะกลัวเหล่าผู้หญิงที่อ่อนแอไม่มีแรงยกของอย่างพวกนางหรือ?
นางเล่นตามกฎของงานกวี เพราะให้เกียรติหวังจิ่นหลิงและจวนเซี่ย พวกนางคิดจริงหรือว่าตนกลัว?
เฟิ่งชิงเฉินไม่สบอารมณ์
มุมตันของห้องสุขานั้น อยู่ห่างไกลจากผู้คน พวกนางจะตามใครมาช่วยได้
เฟิ่งชิงเฉินมองดูผู้หญิงที่ล้มนอนอยู่บนพื้น แววตาของนางเย็นชา “หากเสียงดังอีก ข้าจะเตะพวกเจ้าเข้าห้องสุขาให้หมด พวกเจ้าอยากเป็นตัวข้าสกปรกมิใช่หรือ? ตอนนี้ข้าให้พวกเจ้าสมใจอยากแล้ว ดูให้พอใจเลย”
นางดึงเวินอี้ขึ้นมาและลากเข้าห้องสุขา
“ไม่ ไม่ ไม่ เฟิ่งชิงเฉิน ข้าผิดแล้ว ข้าผิดเอง ข้าขอโทษ อย่า อย่าโยนข้าลงไปในที่สกปรกนั่น” เวินอี้ร้องไห้อย่างน่าสมเพช ใบหน้าของนางเต็มไปด้วยน้ำตา สีหน้าของนางหวาดกลัวและตะลึงอย่างมาก
“กลัวแล้วหรือ? ตอนที่พวกเจ้าวางแผนโยนข้าเข้าไป พวกเจ้ามีความสุขอย่างมากมิใช่หรือ?”