ณ ขุนเขาหลักเมฆาวิเวก

กู่ฉิงซานได้กลับมาแล้ว

ในเวลานี้ ขุนเขาหลักดูมีชีวิตชีวาเป็นอย่างยิ่ง

ปรมาจารย์ขุนเขาจากขุนเขารุ่งอรุณโบราณ ขุนเขาสดับวิญญาณ ขุนเขาเมฆาพยศ และขุนเขากระเรียนเทา กำลังนั่งอยู่บนเวที เบื้องหน้าเป็นลานกว้าง

โดยมีสาวกจำนวนมากกำลังวุ่นอยู่ในลานกว้าง คาดว่านี่น่าจะเป็นการก่อสร้างลานจัดประลอง

“ศิษย์พี่ใหญ่”

“ศิษย์พี่ใหญ่”

เมื่อเห็นกู่ฉิงซาน เฉินหยางกับหวงซานก็รีบวิ่งมาทันที คล้ายกับพานพบที่พึ่งพิง

“เป็นอะไรไป? ข้าดูออกนะว่าพวกเจ้ากำลังตึงเครียดน่ะ” กู่ฉิงซานหัวเราะ

หวงซานกล่าว “เหล่าปรมาจารย์ขุนเขากล่าวว่าพวกเราจะต้องไปสู้กันบนลานประลอง”

เฉินหยางกล่าว “ถึงแม้ว่าเราจะมีกันแค่สามคน แต่พวกเขาบอกว่า เรื่องนี้มันเกี่ยวพันกับการเลือกสรรของเทพวิญญาณ ดังนั้นไม่ว่าอย่างไรพวกเราก็ต้องสู้”

กู่ฉิงซานมองข้ามทั้งสองคนไป สำรวจผู้ฝึกยุทธคนอื่นๆ ที่กำลังวุ่นอยู่ในลาน “โอ้ ที่นี่มิใช่ว่าเป็นขุนเขาหลักหรอกหรือ? ข้าจดจำได้ว่าตามกฎของนิกายแล้ว ห้ามมิให้สาวกจากขุนเขาอื่นๆ เข้ามากระทำการไม่เหมาะสม แล้วนี่อะไร? ผู้ใดกันอนุญาตให้พวกเจ้าสร้างลานประลองขึ้นที่นี่?”

ทว่าเหล่าผู้ฝึกยุทธกลับยังคงทำงานของพวกตนต่อไป คล้ายไม่นำพาคำกล่าวเมื่อครู่มาใส่ใจ

ขณะที่ปรมาจารย์ขุนเขาส่งสายตาให้กัน เผยให้เห็นถึงสีหน้าชวนขบขัน

กู่ฉิงซานปรากฏรอยยิ้มเย็น

เจ็ดปี

นี่เป็นครั้งแรกเลยในรอบเจ็ดปีที่เขายื่นมือออกไปในความว่างเปล่า และคว้าจับดาบยาวของตนออกมา

รังสีดาบกะพริบไหว!

หัวของ สิบสองสาวก ลอยกระเด็นขึ้นไปบนฟ้า!

สีหน้าของทุกคนแปรเปลี่ยนกลับกลาย

นั่นเพราะมันรวดเร็วเกินไป

คมดาบนี้ว่องไวนัก ว่องไวจนไม่มีผู้ใดทันได้ตอบสนอง!

ก็แล้วสาวกคนไหนมันจะไปทันคิด ทั้งๆ ที่ปรมาจารย์ขุนเขาเองก็อยู่ที่นี่ แต่พวกเขากลับถูกลงทัณฑ์อย่างกะทันหัน!

เดิมทีเหล่าปรมาจารย์ขุนเขา คิดว่าจะสามารถจัดการกับรุ่นเยาว์ทั้งสามได้อย่างง่ายดาย โดยพวกเขาแค่มานั่งที่นี่ขำๆ กล่าววาจาสองสามประโยค และคุมสถานการณ์ได้อย่างง่ายดาย

แต่ใครจะรู้ ว่ากู่ฉิงซานกลับเริ่มลงมือสังหารผู้คนทันที นี่มันไร้ความปรานียิ่งกว่าเซี่ยกู่หงส์ซะอีก!

“บังอาจ!”

ปรมาจารย์ขุนเขารุ่งอรุณคำรามคลั่ง

เพียงเสียงสะท้อนของอีกฝ่าย ก็อัดกระแทกกู่ฉิงซานจนกระเด็นพลิกคว่ำไปหลายสิบจั่ง

“เจ้ากล้าดีอย่างไรถึงได้ทำการสังหารเหล่าสาวกต่อหน้าทุกคน รู้หรือไม่ว่ากระทำเช่นนี้ ต่อให้อาจารย์เจ้าสามารถกลับมา แต่เขาก็มิอาจช่วยเจ้าได้!” ปรมาจารย์ขุนเขารุ่งอรุณตะโกนด้วยความโกรธ

อีกหลายปรมาจารย์ขุนเขาเร่งหยุดเขาทันที

เรื่องราวในวันนี้ ไม่ว่าอีกฝ่ายหรือพวกตนจะมีปฏิกิริยาอย่างไรก็ตาม แต่หากลูกศิษย์ของเซี่ยกู่หงส์ถูกสังหารลงต่อหน้าทุกคน นี่แน่นอนว่าย่อมจักเป็นเหตุสำคัญที่สั่นสะเทือนไปทั้งโลกแห่งการฝึกยุทธ

ไม่เพียงแต่นิกายหลายแห่งจะเข้ามาตรวจสอบ แต่กระทั่งเทพวิญญาณก็คงจะเข้ามาเอ่ยถามถึงเรื่องนี้เป็นการส่วนตัว

หากเรื่องราวดังกล่าวถูกเผยต่อหน้าสาธารณะ ไม่ว่าจะเป็นผู้ใดในที่แห่งนี้ ถึงเวลานั้นก็คงไม่มีใครพบจุดจบที่ดี

นอกจากนี้ ยังมีอีกในกรณีหนึ่ง

ในกรณีที่ว่าเซี่ยกู่หงส์ยังไม่ตาย…

ปากของปรมาจารย์ขุนเขารุ่งอรุณโบราณแสยะยิ้ม เขาถอนกำปั้นและกล่าว “ในเมื่อเจ้าสังหารสาวกในที่สาธารณะ เช่นนั้นข้าจักรายงานเรื่องนี้แก่เทพวิญญาณ และข้าสาบานเลยว่าเทพวิญญาณจะต้องให้ศิษย์ของเซี่ยกู่หงส์ชดใช้ด้วยราคาที่เหมาะสมอย่างแน่นอน”

ปรมาจารย์ขุนเขาเมฆาพยศกำลังขวางเขา ตะโกนไปทางกู่ฉิงซาน “หากมีเหตุผลอื่นใด ขอเจ้าจงเอ่ยมันออกมาอย่างช้าๆ ถึงแม้ว่าเจ้าจะเป็นศิษย์พี่ใหญ่ของนิกาย ทว่าการสังหารสาวกเช่นนี้อย่างไรก็นับว่าเป็นความผิด สิ่งที่เจ้าทำมันไม่ถูกต้อง”

“ฮี่ๆ…”

กู่ฉิงซานกระอักเลือดออกมา เผยให้เห็นถึงรอยยิ้มเย็น

แล้วเขาก็หยิบเอาของบางอย่างออกจากแขนเสื้อ

เป็นใบหยกผู้นำนิกาย

ก่อนหน้าที่เซี่ยกู่หงส์จะออกเดินทาง เขาได้มอบมันให้แก่ตน

นี่คือใบหยกสูงสุดของนิกาย ที่แม้จักถูกส่งทอดต่อๆ กันมาหลายหมื่นปีแล้วก็ตาม ทว่าอำนาจสูงสุดของมันยังคงอยู่ กว่าจะถูกทำลายลง ก็ต้องไปถึงรุ่นของเซี่ยเต๋าหลิง

กู่ฉิงซานกุมใบหยก กระตุ้นพลังวิญญาณลงไปในมัน

ใบหยกเปล่งประกายสดใส

“ผู้พิทักษ์นิกาย อสูรวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ทั้งสี่เอ๋ย จงมายังที่นี่เพื่อปกปักขุนเขา!” กู่ฉิงซานร่ายคำราม

เปรี้ยง!

ตลอดทั้งสวรรค์และโลกเกิดการสั่นสะเทือน

สายน้ำไหลย้อนกลับ ลมและเมฆส่งเสียงหวีดปั่นป่วนรุนแรง

อีกฟากหนึ่งของเส้นขอบฟ้าอันห่างไกล แสงสลัวพลันปรากฏขึ้น

ลึกลงใต้มวลเมฆ เปลวเพลิงลอยฟุ้งลุกลามไปทั่วผืนฟ้า

ในสุดปลายของสายน้ำทางทิศเหนือ เสียงคำรามของอสูรร้ายสั่นสะเทือนทั้งโลกหล้า

แม่น้ำขุนเขาทั้งเจ็ดสายกระเพื่อมไหวอย่างรุนแรง คล้ายกับว่าบางสิ่งอย่างกำลังถูกปลุกให้ตื่นขึ้นมา

ในบัดดล สีหน้าของทุกคนแปรเปลี่ยนกลับกลาย

“กู่ฉิงซาน หยุดเดี๋ยวนี้นะ!” ปรมาจารย์ขุนเขาสดับวิญญาณตะโกน

ทว่ายิ่งได้ยิน ก็ราวกับยิ่งถูกกระตุ้น กู่ฉิงซานอัดพลังวิญญาณลงไปในมันอีกครั้ง

ใบหยกนิกายยิ่งนานยิ่งสาดประกายเจิดจ้า

รัศมีแสงหลากสีสันระเบิดกวาดไปตลอดทั้งขุนเขาทั้งหมด

“ผู้พิทักษ์เอ๋ย!”

กู่ฉิงซานควบคุมใบหยก

ผืนดินของขุนเขาหลักเริ่มพลิกตลบ

ตัวอักษรสีทองดำที่แฝงไปด้วยกลิ่นอายลึกลับไม่รู้จบปรากฏขึ้นบนพื้นดินอย่างไม่หยุดยั้ง ภายใต้การควบคุมของกู่ฉิงซาน มันได้ช่วยห่อหุ้มคุ้มครองตัวเขา รวมไปถึงหวงซานกับเฉินหยางอีกด้วย

ใบหน้าของปรมาจารย์ขุนเขาทั้งหลายแปรเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง

“กู่ฉิงซาน เจ้าคิดจะทำอะไร!”

“กล้าดีอย่างไรถึงเข้าควบคุมใบหยกผู้นำนิกาย!”

“ผู้ใดอนุญาตให้เจ้าใช้อำนาจของใบหยก? ยังไม่รีบหยุดมืออีก!”

พวกเขาตะโกนดุด่า

ทว่าเหตุการณ์ดังกล่าวนี้มันใหญ่โตเกินไป ส่งผลให้ทุกผู้คนล้วนตื่นตระหนก

เมื่อเรื่องมันดำเนินมาถึงจุดนี้ ปรมาจารย์ขุนเขาหลายคนก็เริ่มรู้สึกใจเสีย

บัดซบ!

เซี่ยกู่หงส์มันคิดอะไรอยู่ ถึงได้มอบเจ้าสิ่งนั้นให้แก่ลูกศิษย์ตัวเอง?

นี่มันบ้าไปแล้ว!

กู่ฉิงซานปาดคราบเลือดตรงมุมปาก แต่มิได้เหลียวมองเหล่าปรมาจารย์ขุนเขาเลย

ด้วยค่ายกลขุนเขาพิทักษ์นี้ ตนและคนอื่นๆ ย่อมปลอดภัย มิจำเป็นต้องกังวลถึงความอันตรายใดๆ อีก

“ศิษย์พี่ใหญ่…”

เสียงที่สั่นเทาดังขึ้นเบื้องหลังเขา

กู่ฉิงซานหันหน้ากลับไปมอง

เห็นแค่เพียงหวงซานกับเฉินหยางที่กำลังดูเขาด้วยความตื่นตระหนก

กู่ฉิงซานยิ้มแย้ม “มันไม่เป็นไรหรอก เมื่อท่านอาจารย์ได้ออกไป เขาได้มอบหมายใบหยกนี่ให้แก่ข้า ให้ข้าช่วยจัดการเรื่องเล็กๆ น้อยๆ แทนในนามของเขา”

ระหว่างกล่าว เมฆครึ้มบนท้องฟ้าก็ได้เข้าปกคลุมขุนเขา

มังกรที่แท้จริงสาดแสงสลัวอยู่เบื้องบน ยื่นหัวของมันลงมาจากก้อนเมฆ

ทันทีหลังจากนั้น กิเลนที่รอบตัวถูกปกคลุมไปด้วยชั้นเปลวเพลิงคำรนก็ปรากฏกายขึ้น

หงส์ทะยานขึ้นมาจากเบื้องล่าง เต่ายักษ์เองก็กระโดดขึ้นมาจากแม่น้ำ

พวกมันครอบคลุมทุกฟากส่วนของท้องฟ้า  สายตามองมายังขุนเขาหลักเมฆาวิเวก

“เป็นผู้ใดกันที่เรียกหาข้าและตนอื่นๆ” มังกรเอ่ยถาม

“เป็นข้า”

กู่ฉิงซานชูใบหยกขึ้น

“เพราะเหตุใด?” กิเลนเอ่ยถาม

“เพราะต้องการปกป้องนิกาย” กู่ฉิงซานกล่าว

“แล้วเจ้าคิดจะให้พวกเราทำสิ่งใด?” หงส์เอ่ยถาม

กู่ฉิงซานเปล่งออกมาเพียงคำเดียวสั่นๆ “ฆ่า”

“ช้าก่อน!” ปรมาจารย์ขุนเขารุ่งอรุณโบราณตะโกน ไปทางสี่อสูรวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ที่อยู่บนท้องฟ้าและกล่าว “เด็กหนุ่มคนนั้นแสดงพฤติกรรมไม่สมควรออกมา เขาสังหารสาวกด้วยกันเองอย่างมุทะลุ ในยามนี้ยังคิดเข้าควบคุมใบหยกผู้นำนิกาย เพื่อหมายจะทำลายวังสวรรค์เมฆาวิเวกของพวกเรา หวังว่าท่านสี่ผู้พิทักษ์จะมอบความเป็นธรรมด้วย”

สี่ผู้พิทักษ์อสูรวิญญาณรับฟังอย่างเงียบๆ พวกมันหันไปมองกู่ฉิงซาน

กู่ฉิงซานชูใบหยกผู้นำนิกายในมือ ปากเปล่งเสียงอ่อนโยน “ข้าคือศิษย์ของผู้นำนิกาย และใบหยกนี้ เป็นท่านอาจารย์ได้มอบความไว้วางใจ ให้ข้าถือครองมันเป็นการส่วนตัว นี่คือมรดกของวังสวรรค์ ซึ่งสอดคล้องกับกฎทั้งมวลของนิกาย”

มังกรส่งเสียงดังกึกก้อง “เขามิได้โกหก”

หงส์กล่าว “ใบหยกแห่งวังสวรรค์ คือกฎเกณฑ์สูงสุดของนิกาย เป็นมรดกที่แท้จริง นี่ยังไม่ต้องกล่าวถึงในเรื่องที่เขาครอบครองใบหยกในมือ”

เต่ายักษ์ขบคิดและกล่าว “ใบหยกผู้นำนิกาย มันเกี่ยวพันโดยตรงกับความอยู่รอดของวังสวรรค์ ฉะนั้นย่อมไม่มีทางถูกส่งต่อโดยไร้เหตุผล”

ใบหยกในมือของกู่ฉิงซานเปล่งเสียงอันกระจ่างชัด คล้ายกับว่ามันกำลังตอบสนองต่อคำกล่าวของเต่า

หลังจากที่อสูรวิญญาณศักดิ์สิทธิ์รับฟัง พวกมันก็ตัดสินใจได้แล้วโดยไม่ต้องสงสัย

กิเลนขบคิด “ข้าและตนอื่นๆ ล้วนเชื่อฟังคำสั่งจากใบหยกเท่านั้น และในเมื่อเป็นเช่นนี้ …”

มังกร “เจ้าจงเอ่ยคำสั่งมา”

พวกมันต่างจับจ้องกู่ฉิงซาน

กู่ฉิงซานมองไปยังเหล่าปรมาจารย์ขุนเขา

“ใบหยกผู้นำนิกายอยู่กับข้า ฉะนั้นโปรดจงสังหารพวกเขาเพื่อข้าด้วยเถอะ”

“รับคำสั่ง”

“รับคำสั่ง”

“รับคำสั่ง”

“รับคำสั่ง”

สี่ผู้พิทักษ์อสูรวิญญาณกล่าวเป็นเสียงเดียวกัน

สายลมแรงพัดกระพือ มวลเมฆกวาดขยายออกไป

ตลอดทั้งร่างของสี่อสูรวิญญาณผู้พิทักษ์เอ่อล้นไปด้วยเจตนาฆ่า ท่วมทับไปทั่วผืนฟ้า บดบังไปทั้งแผ่นดิน

พวกเขาจะไม่รับฟังคำร้องขอเมตตาใดๆ และตัดสินใจแล้วว่าจักต้องสังหารอีกฝ่ายลง

เหล่าปรมาจารย์ขุนเขาตื่นตระหนกยิ่ง

พวกเขาไม่เคยคาดคิดมาก่อนเลย ว่าการแค่ตนเองคิดจะเล่นลูกไม้นิดๆ หน่อยๆ มันกลับทำให้พวกตนต้องตกอยู่ในห้วงชีวิตและความตายเช่นนี้

ในหัวใจของปรมาจารย์ขุนเขารุ่งอรุณโบราณฟุ้งไปด้วยความหวาดกลัว เขาตะโกนลั่นไปเบื้องบนท้องฟ้าอีกครั้ง “ท่านเทพแห่งชีวิต ได้โปรดช่วยข้าด้วย!”

พริบตานั้นมวลเมฆสีขาวบริสุทธิ์พลันสาดลงมา เบิกชั้นฟ้า แสงศักดิ์สิทธิ์หยดย้อยลงจากก้อนเมฆราวธารน้ำตก

รังสีแสงนี้ทะลุผ่านทุกค่ายกลปกปักขุนเขา สาดตกลงมาใจกลางขุนเขาหลัก

เสียงเปี่ยมบารมีดังขึ้น “สี่อสูรวิญญาณ พวกเจ้าและคนอื่นๆ ล้วนมีหน้าที่รับผิดชอบในการปกป้องขุนเขา เหตุใดในวันนี้จึงคิดสังหารผู้ฝึกยุทธเผ่ามนุษย์!?”

มังกร กิเลน หงส์ และเต่ายักษ์ เกาะกลุ่มรวมกันอยู่ภายใต้ทะเลเมฆ

พร้อมกันกับร่างของชายคนหนึ่งที่ดูขึงขัง และเปี่ยมไปด้วยความน่าเคารพ ปรากฏลงมาจากเบื้องบนผืนฟ้า

แสงศักดิ์สิทธิ์เหลืออนันต์ห้อมล้อมรอบตัว เหนือคิ้วขึ้นไปสาดแสงจรัสสีทอง ลุกไหม้คล้ายดั่งเปลวเพลิง!

เทพวิญญาณได้ปรากฏกายขึ้นต่อหน้ากู่ฉิงซานแล้ว!

………………………..