“ไอ้ระยำ”

เมื่อนายน้อยลี่ได้ยินแบบนี้ เขาก็เคลื่อนไหวร่างกายพร้อมมือที่อยู่ในรูปร่างคล้างกรงเล็บ โจมตีเข้าใส่เจียงหยวน

“ฮื้ม คิดจะลงมือกับข้ารึ”

เจียงหยวนยิ้มเยาะกลับไปทีหนึ่ง ก่อนจะปล่อยรังสีแห่งการฆ่าฟันพลางจับจ้องไปที่นายน้อยสกุลลี่ที่พุ่งเข้ามา นี่ทำให้เขาขนลุกขนชันในทันที

“อ๊า….”

นายน้อยตระกูลลี่ในตอนนี้ตกอยู่ในสภาพราวกับเป็นภูติผีปีศาจ ร่างกายของเขาสั่นเทา และร่างกายที่หยุดเคลื่อนไหวยอย่างสุดกำลังจนมีท่าทางแปลกประหลาดอย่างที่สุด

แต่ก็เหมือนการหยุดรถเกวียนที่ไม่สามารถหยุดได้ในทันที และนี่ทำให้เขาเลือกที่จะใช้ใบหน้าของเขาหยุดร่างกายของตนเองแทนจนหน้าของเขาไถลไปกับพื้นเป็นเส้นตรงที่เหยียดยาว

“ฮ่าฮ่าฮ่า ขยะขนานแท้ วิ่งเองล้มเองนักเลงพอจริงๆ”

“สาวน้อยตรงนั้นน่ะ พานายน้อยของเจ้าจากไปเถิด อย่าให้เขาทำตัวเองขายหน้าไปมากกว่านี้เลย”

“นั่นสิ ชายคนนี้ไม่สมควรอยู่ที่นี่ให้ชาวบ้านต้องขบขันหรอกนะ แต่พวกเราเองก็พึงพอใจมากจริงๆกับการได้เห็นขยะเช่นเขาเขวี้ยงตัวเองลงข้างทางแบบนี้”

เมื่อเห็นฉากนี้ คนที่สัมผัสไม่ได้ถึงจิตสังหารของเจียงหยวนล้วนแล้วแต่คิดว่านายน้อยแซ่ลี่วิ่งเล่นไถลกับพื้นด้วยตัวเอง

“เจียงหยวน ทำไมเจ้าอยู่ที่นี่ เจ้ามาอยู่ที่นี่แล้วทำไมไม่ไปหาข้าบ้างล่ะ”

เป็นตอนนี้ที่เสียงแหลมเล็กหนึ่งได้ดังขึ้นมาจากข้างถนน

เจียงหยวนได้หันไปมองก็พบก็หญิงสาวที่มีขนตางอนยาว ผิวผรรณที่ขาวไม่ค่อยกับพื้นที่ท้องถนน รูปร่างที่เย้ายวนไม่สมกับคนในวัยของนาง

เจียงหยวนที่เห็นก็จดจำได้ในทันที เธอคนนี้คือองค์หญิงลำดับที่หก

ย้อนกลับไปตอนที่ราชาของประเทศไปเยี่ยมเยือนเขาถึงที่บ้าน องค์หญิงคนนี้เองก็ติดตามไปเยี่ยมเยือนเขาได้

*อึ๊ก*

เมื่อเห็นร่างที่ยั่วยวนของสาวน้อยคนนี้ ไม่ว่าใครต่างก็พากันกลืนน้ำลายกันทุกคน

“องค์หญิงหก”

“เป็นองค์หญิงลำดับที่หก ที่องค์ราชาทรงโปรดปรานมากที่สุด”

“ช่างงดงามนัก”

“เทพธิดา ช่างงดงามนัก ช่างเป็นรูปร่างที่สมบูรณ์แบบอะไรเช่นนี้”

“เด็กนี่รู้จักองค์หญิงลำดับที่หกด้วย”

ทุกคนในตอนนี้ต่างก็จับจ้องเจียงหยวนด้วยใบหน้าที่แสดงออกมาว่าอิจฉาตาร้อนอย่างที่สุด

เจียงหยวนที่เห็นก็เผยรอยยิ้มก่อนจะพูดออกมา “อ่า….พอดีข้าเห็นท่านวุ่นๆอยู่ก็เลยไม่คิดจะไปกวนท่านไง อีกอย่าง ข้าได้ยินมาว่าสี่สำนักใหญ่กำลังจะเป็นรับศิษย์ ข้าก็เลยว่าจะไปลองดูหน่อยก็เท่านั้น”

เมื่อได้ยินแบบนั้น องค์หญิงลำดับที่หกก็ได้เดินเข้าไปหาเจียงหยวนอย่างใกล้ชิด ก่อนจะเผยรอยยิ้มหวานแล้วพูดออกมา

“อะไรกัน เจ้าต้องการจะเข้าเป็นศิษย์สี่สำนักใหญ่หรอกเหรอ ข้าเองกำลังจะไปอยู่พอดี ไปกับข้าสิ”

“ไอ้ฉิบ..ไอ้ระ…เทพธิดาของพวกเราช่างใกล้ชิดกับชายคนนี้นัก”

“ไอ้ฟักทองนี่มาจากไหนเนี่ย ทำไมองค์หญิงของเราถึงได้ให้ความสนิทสนมแบบนี้”

“ไอ้เวรตะไล”

“คืนเทพธิดาของพวกเรามานะ”

เมื่อเห็นว่าองค์หญิงลำดับที่หกยืนเคียงข้างเจียงหยวนอย่างสนิทชิดใกล้ เหล่าผู้คนที่เห็นต่างก็เป็นเดือดแค้น พร้อมกับส่งสายตาอำมหิตใส่เจียงหยวนอย่างไม่ขาด

เจียงหยวนผู้ซึ่งยังไม่คุ้นเคยกับสถานที่ก็ได้เอ่ยปากพูดออกมา “ก็ดีน่ะสิ พูดจริงๆนะ ข้าเองยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าสี่สำนักใหญ่ตอนนี้เขารับคนกันอยู่ที่ไหน”

“ไอ้เวรนั่นไปกับองค์หญิงหกจริงๆด้วย”

“ทำไมองค์หญิงหกไม่พาข้าไปบ้างงงง”

“ไอ้ฟักทางนั่นมันมาจากไหนกันแน่เนี่ย”

เมื่อได้มองเห็นเจียงหยวนเดินเคียงคู่กับองค์หญิงลำดับที่หกจากไปด้วยกัน ทุกคนต่างก็สงสัยความเป็นมาของเจียงหยวนในทันที

….

จุดที่สี่สำนักใหญ่กำลังเปิดรับลูกศิษย์นั้นเป็นสถานที่จัดงานประลองของเมืองยอดยุทธ ที่นี่ ยังเป็นสถานที่ที่เหล่าองครักษ์ของวังหลวงใช้เป็นสถานที่ฝึกฝน นี่จึงทำให้มีผู้คนอยู่มากมาย แต่ก็แบ่งได้เป็นสี่กลุ่มก้อนใหญ่ๆ

เป็นตอนนี้ที่องค์หญิงกะพริบตาปริบๆก่อนจะถามเจียงหยวนออกมาอย่างสงสัย “สำนักอัคคีสรรพยา(ดั๋นฮัว) สำนักฟ้ากระจ่าง(หวู่เทียน) สำนักวารีลึกลับ(โด๋วฮุน) สำนักไหนที่เจ้าต้องการจะเข้างั้นหรือ”

หลังจากถามเสร็จ องค์หญิงก็กระพริบตาอีกครั้งอย่างคาดหวังในคำตอบ

“ก็ยังคิดอยู่นะ ว่าแต่ แล้วองค์หญิงหกล่ะ คิดจะเข้าที่ใด”

เจียงหยวนได้ส่ายหน้าไปมาแล้วถามกลับไป เพราะสำหรับเขาแล้ว เขาเข้าที่ไหนก็เหมือนๆกัน

“ข้าเตรียมที่จะเข้าสำนักฟ้ากระจ่างน่ะ ยังไงซะ ข้าเชื่อว่าที่นี่เหมาะสมกับข้ากว่าสำนักอื่น”

เมื่อพูดจบ องค์หญิงที่หกก็ยกมือขึ้นมาแล้วกำหมัดแน่น แสดงออกมาว่าตนเองนั้นแข็งแกร่ง