บทที่ 247 เจ้าช่างโชคร้ายเหลือเกิน
“ฮ่าฮ่าฮ่า เจ้าเด็กคนนี้สมแล้วที่จะได้สืบทอดตำแหน่งต่อจากข้า”
ในหอนางโลมที่ใหญ่โตที่สุดประจำเมือง หลิงไท่ซวีผู้เป็นอาจารย์ใหญ่ของสถานศึกษากระบี่ที่สามกำลังระเบิดเสียงหัวเราะออกมาด้วยความชอบอกชอบใจ
เหล่านางคณิกาในหอนางโลมสวมใส่ชุดกระโปรงสีขาว ช่วยขับเน้นผิวพรรณของพวกนางให้โดดเด่นสะดุดตา บัดนี้ อาจารย์ใหญ่หลิงไท่ซวีมีหญิงสาวคอยนวดแขนนวดขาอยู่รอบกาย บางคนก็กำลังป้อนขนมใส่ปาก บางคนก็กำลังรินเครื่องดื่มเตรียมพร้อมคอยบริการชายชรา ซึ่งการที่พวกนางเคลื่อนไหวอยู่ตลอดเวลาเช่นนี้ มันก็ดูน่าเวียนหัวเป็นอย่างยิ่ง
“น้องชายท่านนั้นดูหล่อเหลาไม่น้อยเลยนะเจ้าคะ นายท่าน”
“จริงด้วยเจ้าค่ะ ข้าไม่เคยเห็นเด็กหนุ่มคนไหนหล่อเหลาขนาดนี้มาก่อน”
กลุ่มหญิงสาวพูดคุยหัวเราะคิกคักเพื่อประจบเอาใจอาจารย์ใหญ่
ในเมืองหยุนเมิ่ง มีใครบ้างที่ไม่รู้ว่าหลิงไท่ซวีมีฐานะร่ำรวยขนาดไหน
นอกจากเขาจะมีสถานะเป็นถึงอาจารย์ใหญ่ประจำสถานศึกษากระบี่ที่สามแล้ว หลิงไท่ซวียังโด่งดังเรื่องเสน่ห์อันแพรวพราว ดวงตาหวานเยิ้มสำหรับพิฆาตใจนารี ซ้ำเขายังมีความรอบรู้เรื่องศิลปะและการวาดภาพอย่างหาตัวจับยากอีกด้วย
ชื่อเสียงของชายชราโด่งดังมากในกลุ่มนางคณิกาประจำเมือง เป็นที่เล่าลือกันว่าเมื่อได้รับใช้เขาครั้งหนึ่งแล้ว ชีวิตของพวกนางก็จะสุขสบายตลอดไป
แต่น่าเสียดายที่ไม่ใช่นางคณิกาทุกคนจะมีวาสนาเช่นนั้น เป็นที่รู้ดีกันอีกเช่นกันว่าหลิงไท่ซวีจะเลือกสรรแต่สตรีที่ดีที่สุด เขาไม่เคยเสียเวลากับนางคณิกาชนชั้นธรรมดา ถ้าอยากจะมารับใช้เขา สตรีนางนั้นก็ต้องมีความสมบูรณ์แบบทั้งเรื่องหน้าตาและการเอาอกเอาใจ
นับดูตลอดหลายปีที่ผ่านมา มีสตรีที่ดีพอจะขึ้นเตียงกับท่านอาจารย์ใหญ่ได้เพียงไม่กี่คนเท่านั้น
และที่สำคัญก็คือ เมื่อนางคณิกาผู้นั้นถูกคัดเลือกโดยหลิงไท่ซวี นางก็จะไม่สามารถรับแขกคนอื่นได้อีก
“มิผิด เจ้าเด็กคนนี้มีหน้าตาหล่อเหลาพอสมควร เรียกว่าหล่อได้เกือบครึ่งหนึ่งของข้าสมัยหนุ่มๆ เชียวล่ะ”
วันนี้ หลิงไท่ซวีสวมใส่เสื้อแหวกอก เผยให้เห็นมัดกล้ามกำยำที่อยู่ด้านใน
กวาดตาดูทั่วดินแดน นับว่าหาได้ยากเหลือเกินที่จะมีชายชราคนไหนร่างกายกำยำได้เท่ากับเขา
หลิงไท่ซวียกจอกสุราขึ้นจิบ กล่าวว่า “แต่พวกเจ้าจะไปชอบเขาไม่ได้นะ เพราะเด็กคนนี้เป็นหลานเขยของข้าเอง ถ้าพวกเจ้าเผลอตัวเผลอใจ รับรองว่าข้าไม่มีทางให้อภัยเด็ดขาด!”
“พวกเราจะรักท่านแต่เพียงผู้เดียวเจ้าค่ะ นายท่าน”
“ถูกต้องแล้วเจ้าค่ะ ต่อให้คุณชายหลินหล่อเหลาเพียงใด แต่เขาก็เป็นเพียงไก่อ่อนตัวหนึ่ง จะมาเทียบกับนายท่านได้อย่างไรเจ้าคะ”
“อย่างที่โบราณว่าไว้ ขิงยิ่งแก่ก็ยิ่งแรงนะเจ้าคะ”
เหล่านางคณิกาเริ่มพูดประจบประแจงอีกครั้ง
“แหม แหม แหม แก่เก่ออะไร เสี่ยวซู เจ้ามาอธิบายให้ชัดเจนเดี๋ยวนี้เลยนะ…”
หลิงไท่ซวีกระโดดเข้ารวบตัวหญิงสาวผู้หนึ่งเหมือนเสือร้ายตะปบเหยื่อ
แต่ถ้ามีโอกาสได้พบหน้ากันตัวต่อตัว หลิงไท่ซวีก็อยากจะถามหลินเป่ยเฉินเหมือนกันว่า ทำไมต้องปรุงยาปลุกกำหนัดแบบนั้นด้วย? รู้หรือไม่ว่ามันทำลายภาพลักษณ์ของสถานศึกษากระบี่ที่สามหมดแล้ว
แต่ถ้าจะให้ดี
ให้หลินเป่ยเฉินส่งมอบสูตรยามาให้เขา ก็คงจะประเสริฐที่สุดแล้ว
…
“ข้าขอเลือกเสือสายฟ้า”
เฉาพั่วเถียนพูดเสียงดังด้วยความมั่นใจ
เจ้าหน้าที่จากกระทรวงศึกษาสองคนได้นำท่อเหล็กใหม่มาติดตั้ง เพราะพวกเขากลัวว่าเศษยาปลุกกำหนัดของหลินเป่ยเฉินอาจจะตกค้างอยู่ภายในท่อ และถ้าเฉาพั่วเถียนเผลอสูดดมเข้าไปโดยไม่ได้ตั้งใจ ปัญหาใหญ่ก็จะตามมา
ดวงตาของทุกคนจ้องมองไปที่เฉาพั่วเถียน
เด็กหนุ่มผมทองยืนโดดเด่นเป็นสง่า ร่างกายของเขากำยำสมส่วน เรียกได้ว่าในสถานที่แห่งนี้ ความหล่อเหลาของเขาเป็นรองก็แต่เพียงหลินเป่ยเฉินผู้เดียวเท่านั้น
และการที่เขาเลือกเสือสายฟ้า ก็ไม่ใช่เรื่องที่น่าประหลาดใจ
ทุกคนรู้ดีว่าเฉาพั่วเถียนเดิมพันชีวิตเอาไว้กับหลินเป่ยเฉิน
ทุกคนทราบดีว่าเฉาพั่วเถียนมีความต้องการที่จะเอาชนะหลินเป่ยเฉิน ดังนั้น เขาจึงไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากวางยาสลบเสือสายฟ้าให้สำเร็จ
เพียงแต่ว่าตลอดเวลาที่ผ่านมา หลินเป่ยเฉินมีฝีมือแข็งแกร่งมากเกินไป
แล้วครั้งนี้ เฉาพั่วเถียนจะสามารถทำสำเร็จหรือไม่?
“เตรียมตัว…เริ่มได้”
เสียงตะโกนจากเหมยซือหยวนดังขึ้น เป็นสัญญาณเริ่มการทดสอบอย่างเป็นทางการ
ม่านพลังสีขาวก่อตัวขึ้นมาห่อหุ้มร่างกายทั้งสี่ด้านของเฉาพั่วเถียนและโต๊ะหินสำหรับวางสมุนไพร
ผ่านไป 5 ลมหายใจ
ม่านพลังสลายตัวลงไป
เฉาพั่วเถียนปรุงยาสลบของเขาเสร็จแล้ว
“ทำไมถึงได้รวดเร็วเช่นนี้?”
“รวดเร็วเหลือเกิน!”
“เร็วยิ่งกว่าหลินเป่ยเฉินอีก!”
ทุกคนถึงกับชะงักและอดอุทานออกมาไม่ได้
บัดนี้ เฉาพั่วเถียนกำลังโคจรพลังลมปราณใส่ท่อเหล็ก แล้วผงสมุนไพรที่อยู่ภายในท่อก็เปลี่ยนสภาพกลายเป็นหมอกควันสีดำ ลอยเข้าไปในกรงขังของเสือสายฟ้าตัวใหม่
ใช้เวลาไม่ถึงลมหายใจเดียวด้วยซ้ำ!
รวดเร็วจนน่าตะลึง!
และในจังหวะที่หมอกควันสีดำลอยเข้าไปในกรงขัง เสือสายฟ้าก็สูดดมเข้าไปโดยทันที และใช้เวลาเพียง 3 ลมหายใจเท่านั้น เจ้าเสือสายฟ้าก็ยืนโซเซ ก่อนที่จะเดินหัวตกล้มฟุบลงกระแทกกับซี่กรงขังเสียงดังสนั่นหวั่นไหว!
เฉาพั่วเถียนวางยาสลบมันสำเร็จแล้ว!
เขาใช้เวลาไปเพียง 9 ลมหายใจเท่านั้น
ไม่เคยมีใครทำได้รวดเร็วถึงขั้นนี้มาก่อน
“เฉาพั่วเถียน ใช้เวลาไปทั้งสิ้น 9 ลมหายใจ มีความชำนาญในการปรุงยาสมุนและควบคุมพลังลมปราณอยู่ในระดับสูงทั้งคู่”
เหมยซือหยวนประกาศผลคะแนนเสียงดังกังวานทั่วหอประชุม
บังเกิดเสียงอุทานด้วยความฮือฮาดังขึ้น
นี่คือผลคะแนนที่แข็งแกร่งมากเกินไป
แข็งแกร่งอย่างไร้ผู้ต้านทาน
ก่อนหน้านี้ พวกเขาล้วนคิดว่าคงไม่มีใครสามารถทำลายสถิติของหลินเป่ยเฉินได้อีก
แต่กลับกลายเป็นว่า เฉาพั่วเถียนสามารถเอาชนะหลินเป่ยเฉินได้ขาดลอย
ทุกคนจ้องมองเฉาพั่วเถียนด้วยความเหลือเชื่อ
เด็กหนุ่มผมทองระเบิดเสียงหัวเราะด้วยความสะใจ
เขายกมือขึ้นสัมผัสหน้าอก พยักหน้ายิ้มแย้ม เสมือนกำลังรับการประทานพรจากองค์จักรพรรดิ ทั้งๆ ที่ยังไม่มีใครพูดอะไรออกมาเลยด้วยซ้ำ
ภาพเหตุการณ์ทั้งหมดนี้ถูกเผยแพร่ไปยังหน้าจอการถ่ายทอดสดทั่วทั้งเมือง
นี่คือความแข็งแกร่งที่แท้จริงของลูกศิษย์จากเมืองไป๋หยุนอย่างนั้นหรือ?
ณ หอนางโลมแห่งหนึ่ง พ่อบ้านหวังจงที่กำลังโอบกอดหญิงสาวอยู่ในอ้อมแขนทั้งสองข้าง ยังคงทำสีหน้าไม่รู้ร้อนรู้หนาว แต่ความจริงแล้วนั้น ชายชราก็แอบเหงื่อตกอยู่ไม่น้อย
โชคดีนักที่แผนการของพวกเขาสำเร็จลุล่วงไปแล้วก่อนหน้านี้
มิเช่นนั้น ถ้ารอมาเดิมพันเอาตอนนี้ เกรงว่าคงต้องสูญเสียเงินหมดตัวเป็นแน่แท้
ณ หอประชุมหมายเลขสี่ของสถานศึกษากระบี่หลวง หลิงเฉินมีแววตาประหลาดใจขณะกล่าวว่า “มีบางอย่างผิดปกติ”
หลินเป่ยเฉินก็กำลังรู้สึกเดือดดาลอยู่เช่นกัน
คะแนนการสอบวัดความรู้เรื่องสมุนไพรของเฉาพั่วเถียน ยังสู้เขาไม่ได้ด้วยซ้ำ
แล้วอยู่ดีๆ เฉาพั่วเถียนสามารถปรุงยาสลบอย่างมีประสิทธิภาพและรวดเร็วขนาดนี้ได้อย่างไร?
หรือว่าเฉาพั่วเถียนแอบซ่อนกลโกงอะไรเอาไว้
“ผิดปกติตรงไหน?” หลินเป่ยเฉินหันกลับไปมองหน้าหลิงเฉิน
เด็กสาวเอียงศีรษะขบคิดเล็กน้อย ก่อนตอบ “เจ้าโชคร้ายมากเกินไป”
“หมายความว่าอย่างไร?” หลินเป่ยเฉินถามอีกครั้ง
หลิงเฉินพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “เฉาพั่วเถียนใช้ยาสลบที่ชื่อว่า ‘ฝันหวานผลาญชีวิต’ ถึงสมุนไพรในกล่องนั้นจะสามารถปรุงออกมาเป็นยาสลบชนิดนี้ได้ก็ตาม แต่ในทางปฏิบัติแล้ว โอกาสที่เขาจะสามารถปรุงสำเร็จมีเพียง 20 ส่วนเท่านั้น แต่เขาสามารถทำได้ในเวลาแค่ 5 ลมหายใจ เขาต้องโชคดีมากแค่ไหนกันนะ? และเจ้าก็นับว่าช่างโชคร้ายเหลือเกิน”
เมื่อได้รับฟังดังนั้น หลินเป่ยเฉินก็ถึงกับตกตะลึงไปทันที
บททดสอบการปรุงยาสมุนไพรมันเปลี่ยนเป็นเกมวัดดวงตั้งแต่เมื่อไหร่?
มีบางอย่างไม่ถูกต้องจริงๆ ด้วย
และในระหว่างที่หลินเป่ยเฉินยังคิดไม่ตกอยู่นั้นเอง เฉาพั่วเถียนก็เดินมาถึงพื้นที่ซึ่งจัดไว้ให้สำหรับผู้ที่เข้ารับการทดสอบเรียบร้อยแล้วพอดี
เด็กหนุ่มผมทองเดินมาหยุดยืนอยู่เบื้องหน้าหลินเป่ยเฉิน และยิ้มแย้มให้เขาอย่างเหยียดหยาม “ในชีวิตเจ้า นอกจากยาปลุกกำหนัดแล้ว ไม่เคยปรุงยาชนิดอื่นหรือไร? ในกล่องนั้นมีสมุนไพรถึง 10 ชนิด เจ้าสามารถปรุงยาสลบได้มากมาย แต่กลับมีปัญญาทำได้เพียงปรุงยาผีสางนั่นออกมา เจ้าไม่รู้สึกละอายใจบ้างเลยหรือ?”