ตอนที่ 881 ได้ข่าวแล้ว!
ทีแรกเหนียนเสี่ยวมู่ยังแอบบ่นในใจว่านอกจากเรียนแพทย์แล้ว ถานเปิงเปิงก็ไม่มีอารมณ์สุนทรีย์เอาซะเลย
แม้กระทั่งของเล่นเล็กๆ น้อยๆ ก็ยังเกี่ยวข้องกับการแพทย์
หลังจากอ่านลวดลายไปหลายแบบ จู่ๆ ภาพรหัสผ่านกลอนประตูที่เห็นในบ้านประจำตระกูลถานก็แวบเข้ามาในหัวเธอ
เธอมองกล้องสลับลายที่อยู่ในมืออีกครั้ง
งานประดิษฐ์ที่ดูประณีตเหมือนจะทำด้วยมือล้วนๆ แถมยังแปะกระดาษฟอยล์สีทองไว้ที่ขอบอีกด้วย
ด้วยการพัฒนาตามยุคสมัย นับวันของเล่นยอดนิยมในอดีตก็ถูกคัดออกไปมากขึ้นเรื่อยๆ
แม้แต่กล้องสลับลายก็มีคนเล่นน้อยลง
ถานเปิงเปิงไม่ใช่คนนิสัยเด็กขนาดนั้น ทำไมเธอถึงเอาของเล่นแบบนี้วางไว้บนหัวเตียงล่ะ?
เหนียนเสี่ยวมู่ใจเต้นแรงขึ้น
เธอมีลางสังหรณ์ว่าเธอมาผิดทางตั้งแต่แรก
สิ่งที่ถานเปิงเปิงต้องการทิ้งไว้ให้เธออาจจะไม่ได้อยู่ในอพาร์ตเมนต์
แต่มันคือตัวเลขกลุ่มนี้ที่ซ่อนอยู่ในกล้องสลับลาย!
เหนียนเสี่ยวมู่สูดหายใจเข้าลึกๆ เพื่อสงบสติอารมณ์ หากระดาษและปากกา จากนั้นก็ปรับกล้องสลับลายให้อยู่ในสภาพแรกเริ่มและมองย้อนกลับไปตั้งแต่ต้นจนจบ
เธอจดลายตัวเลขทั้งหมดที่ปรากฏในกล้องสลับลายลงไป
พอเขียนแถวสุดท้ายลงบนกระดาษ
ก็เขียนตัวเลขได้ถึงยี่สิบสี่ตัวเท่านั้น ลายที่ปรากฏเป็นตัวถัดไปกลับไปเป็นตัวเลขแรกอีกครั้ง!
ตัวเลขซ้ำกันแล้ว!
เหนียนเสี่ยวมู่แทบจะกระโดดลงจากเตียงด้วยความตื่นเต้น
นั่นหมายความว่าสิ่งที่เธอคาดเดามีแนวโน้มที่จะถูกต้อง!
แต่แค่ว่าทำไมรหัสผ่านมีถึงยี่สิบสี่ตัวล่ะ?
เธอจำได้ว่ารหัสผ่านกลอนประตูของบ้านประจำตระกูลถานไม่ได้มีตัวเลขเยอะขนาดนี้…
เหนียนเสี่ยวมู่อ่านตัวเลขที่อยู่ตรงหน้าอีกครั้ง พอจำขึ้นใจก็หยิบกล้องสลับลายขึ้นมาดูเป็นรอบที่สอง…
เวลาผ่านไปเรื่อยๆ
ภายในห้องเข้าสู่ความเงียบสงบ มีเพียงเสียงลมหายใจของเธอและเสียงหมุนของกล้องสลับลาย
รอบที่หนึ่ง
รอบที่สอง
รอบที่สาม…
ทำซ้ำแบบนี้จนครบสิบรอบ
บนลายแบบทดสอบตาบอดสียังคงปรากฏตัวเลขที่เหมือนเดิมทุกประการ
สิ่งเดียวที่เหลือในตอนนี้ก็คืออนุมานรหัสผ่านที่ซ่อนอยู่ในบรรดาตัวเลขเหล่านี้
แน่นอนว่าเธออาจจะคิดมากเกินไป
บางทีกล้องสลับลายในมือเธออาจจะเป็นแค่ของเล่นเล็กๆ น้อยๆ ที่ถานเปิงเปิงใช้ผ่อนคลายความเครียดก็เป็นได้
“ในบรรดาตัวเลขยี่สิบสี่ตัวนี้ มองไม่ออกถึงความสัมพันธ์เลยแฮะ…” เหนียนเสี่ยวมู่กัดริมฝีปาก พึมพำกับตัวเอง
ทันใดนั้นเสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้นจนเธอสะดุ้งโหยง!
เมื่อเห็นว่าอวี๋เยว่หานโทรมาจึงรีบรับสาย
“อยู่ไหน?”
เสียงไม่สบอารมณ์ของใครบางคนดังมาจากปลายสาย
เหมือนอารมณ์เสียที่ตัวเองเลิกงานเสร็จแล้วกลับบ้านมาไม่เจอเธอแม้แต่เงา
เมื่อได้ยินเหนียนเสี่ยวมู่บอกว่าเธออยู่ที่อพาร์ตเมนต์ของถานเปิงเปิง อวี๋เยว่หานก็หน้าบึ้ง
ก่อนที่เธอจะพูดจบ เขาก็พูดต่อ
“ไปย้ายของเหรอ? พอดีเลย ตอนนี้ผมว่างจะได้ไปช่วยคุณย้ายของกลับมา…”
“เปล่าๆ ฉันก็แค่กลับมาดูอะไรหน่อยน่ะ ตอนเย็นยุ่งมาก นัดซั่งซินไว้แล้วว่าจะไปเยี่ยมถังหยวนซือที่โรงพยาบาล คุณว่างก็ดีแล้ว พาฉันไปส่งที่โรงพยาบาลหน่อย” เหนียนเสี่ยวมู่ถือกล้องสลับลายไว้ในมือ เมื่อได้ยินว่าอวี๋เยว่หานจะมารับเธอ เธอจึงตอบรับด้วยรอยยิ้ม
อวี๋เยว่หาน “…”
“คุณมาเร็วๆ หน่อยนะ ฉันมีเรื่องจะคุยกับคุณอยู่พอดีเลย ฉันจะรอคุณอยู่ที่ชั้นล่าง” เหนียนเสี่ยวมู่วางสายเสร็จ เธอก็หาถุงมาใส่กล้องสลับลายแล้วถือออกไป
เพิ่งจะเดินลงมาชั้นล่างได้ไม่นานก็เห็นรถหรูคันหนึ่งจอดอยู่ตรงหน้าโดยไม่ต้องรอ
อวี๋เยว่หานเปิดประตูรถลงมาจากรถ เอื้อมมือมาบีบแก้มเธอและพูดว่า
“ซั่งซินเพิ่งโทรมาบอกว่าได้ข่าวคนที่เราให้ตระกูลซั่งช่วยตามหาแล้ว!”
ตอนที่ 882 ไม่กี่วิก็เป็นเด็กสามขวบ
เมื่อได้ยินว่าได้ข่าวคนที่พวกเขาต้องการตัวแล้ว เหนียนเสี่ยวมู่ก็ตาเป็นประกาย
พลันลืมกล้องสลับลายที่ตัวเองกำลังถือไว้ในมือ เธอดึงแขนอวี๋เยว่หานมาด้วยความกระตือรือร้นเพื่อให้เขารีบขึ้นรถไปโรงพยาบาล
ตอนที่พวกเขามาถึงที่ห้องผู้ป่วย ซั่งซินกับถังหยวนซือก็กำลังทานข้าวกันอยู่
พูดให้ชัดๆ ก็คือซั่งซินกำลังป้อนข้าวถังหยวนซือ
เนื่องจากห้องผู้ป่วยวีไอพีกว้างมาก นอกจากเตียงหนึ่งหลังแล้วยังมีโซฟาและโต๊ะกาแฟสำหรับรับแขก
ข้างๆเตียงยังมีโต๊ะข้างเตียงและเก้าอี้
แต่ของเหล่านี้ไม่มีประโยชน์สำหรับซั่งซิน
เธอถือถ้วยนั่งบนขอบเตียงของถังหยวนซือ ใช้ช้อนตักอาหารป้อนข้าวให้เขา ทั้งยังให้ความร่วมมือ “อ้าม~”
ป้อนข้าวเข้าปากถังหยวนซือไปหนึ่งคำ
จากนั้นก็หยิบตะเกียบคีบกับข้าวแล้วป้อนเข้าปากเขา
เหนียนเสี่ยวมู่อดทำเสียง “จุ๊จุ๊” ไม่ได้เมื่อเห็นภาพนี้
นี่เป็นการดูแลผู้ป่วยเสียที่ไหนกัน นี่มันดูแลเด็กชัดๆ
เสี่ยวลิ่วลิ่วกินข้าวตอนสามขวบยังไม่ต้องป้อนถึงขนาดนี้เลย
อาการป่วยของถังหยวนซือร้ายแรงถึงขั้นต้องให้คนมาป้อนข้าวเขาเลยเหรอ?
เหนียนเสี่ยวมู่อดไม่ได้ที่จะเงยหน้าสบตากับอวี๋เยว่หาน ใช้สายตาถามถึงสถานการณ์
อวี๋เยว่หานยิ้มมุมปากพลางพูดอย่างเย็นชา “ผมพนันหยวนนึง ถ้าเลือกได้ถังหยวนซือคงอยากจะกินเองมากกว่า”
ทันทีที่สิ้นเสียง ในที่สุดถังหยวนซือก็เหมือนเจอดาวช่วยชีวิต เขารีบห้ามมือซั่งซินที่กำลังป้อนข้าวและพูดเตือนว่า
“ซินเอ๋อร์มีคนมา”
“……”
เมื่อซั่งซินที่กำลังตั้งใจป้อนข้าวให้ถังหยวนซือได้ยินที่เขาพูด เธอผงะไปชั่วครู่และหันไปมอง
พอเธอเห็นเหนียนเสี่ยวมู่และอวี๋เยว่หานเดินเข้ามาจากข้างนอกก็ยิ้มให้ทันที
“พวกเธอมากันแล้วเหรอ นั่งก่อนสิ รอฉันป้อนข้าวให้พี่เสี่ยวซือเสร็จแล้วค่อยมาคุยกับพวกเธอ” ซั่งซินพูดจบก็หยิบช้อนมาป้อนข้าวถังหยวนซือต่อ
ถังหยวนซือมีเข็มอยู่ที่หลังมือซ้าย แต่มือขวาของเขากำลังว่างอยู่
เขากินข้าวเองก็ได้
พอได้ยินที่เธอพูด เขากำลังจะบอกว่าเขาทำเอง แต่ซั่งซินก็ทรุดหน้าลง “พี่เสี่ยวซือ คุณหมอบอกแล้วว่าตอนนี้คุณสุขภาพไม่ดี ต้องการคนดูแล อย่าทำตัวอวดดี เข้าใจไหม?”
ถังหยวนซือ “…”
เขาก็แค่อยากกินข้าวเอง ไม่ได้ทำตัวอวดดีเสียหน่อย
เด็กสามขวบยังกินข้าวเอง เขาอายุตั้งยี่สิบกว่าแล้วยังให้เธอมาป้อนข้าวอีก จะให้พูดอะไรได้?
เมื่อกี้เหนียนเสี่ยวมู่เพิ่งจะยิ้มเยาะเขาที่มุมปาก เกือบจะถึงหูไปแล้ว
“ซินเอ๋อร์…”
“คุณลืมไปแล้วเหรอ คุณสัญญากับฉันแล้วว่าจะร่วมมือกับการรักษาอย่างจริงจัง ถ้าคุณคิดจะเบี้ยว ฉันจะปล่อยเสียงที่อัดเอาไว้” ซั่งซินพูดขณะที่วางช้อนลงในถ้วย เธอก้มหน้าหาโทรศัพท์
เมื่อเห็นท่าทางของเธอ ถังหยวนซือก็รีบยื่นมือมาห้ามเธอไว้
“เธอป้อนๆ อย่าปล่อยเลย”
ถ้าให้เธอปล่อยคลิปเสียงจริงๆ เขากลัวว่าอวี๋เยว่หานกับเหนียนเสี่ยวมู่จะหัวเราะเยาะเขาไปตลอดชีวิต
ถังหยวนซือปล่อยมือพร้อมกับอ้าปากด้วยความจำยอม ปล่อยให้เธอป้อนข้าวเขาเหมือนดูแลเด็ก
ในห้องผู้ป่วย
เมื่อเหนียนเสี่ยวมู่ที่นั่งบนโซฟาเห็นถังหยวนซือถูกบังคับฝืนใจแบบนี้ เธอก็หัวเราะจนตัวงอและซบอยู่ในอ้อมกอดอวี๋เยว่หานอย่างมีความสุข ดูไร้เดียงสา
พยายามกลั้นหัวเราะไว้ กลั้นจนไหล่กระตุกเป็นพักๆ
“ฮ่าฮ่าฮ่า… คุณดูท่าทางของถังหยวนซือสิ ตลกชะมัด ถ้าคนที่ป้อนเขาไม่ใช่ซั่งซิน เขาคง…”
อวี๋เยว่หาน “….”
เมื่อเห็นเธอมีความสุขแบบนี้ อวี๋เยว่หานก็ไม่พูดอะไร ยิ้มมุมปากเบาๆ
ลูบหัวเธอด้วยความรักใคร่
ฟังเธอพูดพึมพำต่อไป