รัชทายาทไม่ลังเลอีกต่อไป “ทหาร ไปที่จวนเหวย บอกคำสั่งของข้า และพากั๋วจิ้ว เหวยเซ่าฮุยมาที่กรมยุติธรรม และให้เจ้ากรมกรมยุติธรรมทำการสืบสวน”
ขุนนางประตูขานรับ ก่อนจะออกไปทำตามคำสั่งพร้อมกับราชองครักษ์
รัชทายาทยังต้องการถามฉินอ๋องเรื่องรายละเอียด โบกมือส่งสัญญาณให้ขุนนางนอกทุกคนออกไป และกำชับอย่างจริงจังว่า “เรื่องในวันนี้ยังไม่ได้รับการตรวจสอบหาหลักฐานอย่างแน่ชัด จะเอาไปป่าวประกาศซี้ซั้วไม่ได้ เพื่อไม่ให้จิตใจของผู้คนสับสนวุ่นวาย ผู้ฝ่าฝืนจะถูกลงโทษอย่างรุนแรง”
เหล่าขุนนางตอบรับ “พ่ะย่ะค่ะ รัชทายาท” พูดจบ จึงโค้งคำนับและจากไป
หลังจากสิ้นเสียงฝีเท้า ตำหนักพลันว่างเปล่าและเงียบสงัด
เหล่าแม่ทัพที่มารับรางวัลและคนรับใช้ก็ขอตัวออกจากธรณีประตู ก่อนจะไปรออยู่ห่างๆ
หลังจากมีฝนตกและเกิดลมกระโชกแรงในตำหนัก ช่วงเวลาแห่งความเงียบสงบก็กลับคืนมา
มเหสีรองเหวยทรุดตัวลงนั่งบนเก้าอี้จนหลังติดชนัก ลุกขึ้นไม่ได้อยู่เป็นเวลานานจนกลายเป็นแอ่งโคลน การก่อกบฏเป็นอาชญากรรมที่ไม่อาจให้อภัยได้ เป็นอาชญากรรมอันร้ายแรงที่สุดในใต้ฟ้า เมื่อมีพยานบุคคล ไม่ว่าจะเป็นเรื่องจริงหรือไม่ กรมยุติธรรมจะต้องนำตัวไปเล่นงานอย่างแน่นอน
ฮ่องเต้ไม่ถูกชะตากับตระกูลเหวยมานานแล้ว อยากปราบปรามทุกวิถีทาง แต่ไม่เคยมีโอกาสที่จะยึดครองอำนาจของตระกูลเหวยได้เลย แม้ว่าจะโปรดปรานตนเองกับเว่ยอ๋องเพียงใด แต่ฮ่องเต้ก็ไม่เคยคิดที่จะปลดรัชทายาท และแต่งตั้งเว่ยอ๋องเป็นรัชทายาทแทน เพราะตระกูลมารดาของตนเองเฉิดฉายเรืองรองเกินไป!
ครั้งนี้ได้โอกาสแล้ว คนง่วงได้หมอน ตรงกับความปรารถนาของฮ่องเต้พอดิบพอดี ต่อให้เรื่องอื่นจะโอนอ่อนผ่อนตามกับตนเพียงใด ทว่าครานี้คงไม่เฉยเมยเป็นแน่ จะต้องให้รัชทายาทการตรวจสอบอย่างเข้มงวดแน่นอน!
รัชทายาทดูภายนอกเสมือนคนรักสนุกไปวันๆ กอดบทละครเช้าจรดค่ำ สุดท้ายแล้วจะไม่ยอมยกก้อนหินที่รังควานสายตาออกไปได้อย่างไร!
จบแล้ว! ตระกูลเหวยถึงคราวสูญสิ้นแล้ว! ยามนี้ ตระกูลเหวยตกที่นั่งลำบากไปเสียทุกหนแห่ง!
ขุนนางใหญ่แห่งเขตฉังชวนเป็นปัญญาชนที่ท่านพี่เลี้ยงไว้คอยใช้งาน มเหสีรองเหวยได้ยินหลานชายบอกมา เพียงแต่ไม่คิดว่าท่านพี่มีใจคิดก่อกบฏ!
หนึ่งคนวาย ต่างพินาศกันทั้งหมด นางไม่อาจสนใจความเป็นความตายของพี่ชายและหลานได้แล้ว แต่ตราบใดที่โทษทัณฑ์นี้ได้บัญชาลงมา ต่อให้นางและเว่ยอ๋องจะหลีกเลี่ยงโทษประหารได้ แต่จะมีจุดจบที่ดีได้อย่างไร!
มเหสีรองเหวยตกใจตื่น ตอนนี้มีเพียงคำให้การอย่างเลื่อนลอยของพระชายาฉินอ๋องเท่านั้น หัวหน้าโจรโพกผ้าเหลืองและซานอิงต่างตายไปแล้ว ฟังจากน้ำเสียงของฉินอ๋อง หลักฐานสำคัญในการก่อกบฏของท่านพี่ยังหามาไม่ได้ ไม่แน่…อาจยังมีหวัง!
นางลุกพรวด กัดฟันกรอด ก่อนจะเอ่ยเสียงเบา “ไปพระที่นั่งหย่างซินเตี้ยน!”
ในสถานการณ์คับขันเช่นนี้ จะไปสนใจเรื่องของพระชายาฉินอ๋องได้อย่างไร นางเปิดม่านเหลือง มเหสีรองเหวยเอ่ยลารัชทายาท ขณะกำลังเตรียมตัวออกไปพระที่นั่งหย่างซินเตี้ยน นางเดินผ่านข้างกายอวิ๋นหว่านชิ่น เลือดลมพลันพุ่งพล่าน เป็นคนโปรดมานานนม มีเพียงนางเท่านั้นที่เหยียบย่ำคนอื่น ไม่มีใครบังอาจมาต่อกรกับนางได้ สนมในวังไม่ถูกนางก่นด่า ก็ถูกตบตี ครานี้จะปล่อยให้คนที่มาทำร้ายตระกูลเหวยไปได้อย่างไร แขนบางยกขึ้น พร้อมกับยกฝ่ามือที่มีปลอกเล็บเรียวแหลม สะบัดไปทางดวงหน้าอมชมพูของหญิงสาวโดยแรง
อวิ๋นหว่านชิ่นไม่คิดว่ามเหสีรองเหวยจะอำนาจบาตรใหญ่ได้เพียงนี้ กล้าลงมือต่อหน้ารัชทายาทและฉินอ๋อง เสียหลักจนหลบหลีกไม่ทัน ระหว่างที่รอเสียงใสชัดในหูนั้นเอง กลับเห็นเงาดำตรงหน้า มีคนรุดเข้ามา ขวางตรงกลางระหว่างทั้งสองคน เสมือนกำแพงเมืองที่ขวางกั้นได้อย่างแน่นหนา
ฝ่ามือของมเหสีรองเหวยไม่ได้ตบลงบนใบหน้าของอวิ๋นหว่านชิ่น ทว่ากลับตบลงบนร่างกายของฉินอ๋อง ปลายแหลมด้านบนของปลอกเล็บเกี่ยวเข้ากับแขนเสื้อแคบของฉินอ๋อง ข่วนไปรอบหนึ่งเกิดเสียงดัง แคว่ก กระทั่งขาดไม่เป็นชิ้นดี
รัชทายาทผงะ หากฝ่ามือนี้ตกลงบนใบหน้า ไม่บาดเจ็บก็คงเสียโฉม ก่อนจะลุกขึ้น ขณะที่กำลังตะโกนห้ามปราม กลับเห็นมเหสีรองเหวยเดือดดาล เพราะตบไม่โดนในทีเดียว อย่างไรเสียก็ลงมือไปแล้ว ภายในตำหนักไม่มีขุนนางคนนอก จึงเดินไปข้างหน้า ก่อนจะผลักฉินอ๋องและตบต่อ!
เพลิงไฟสุมในหัวใจของซย่าโหวซื่อถิง ปกป้องอวิ๋นหว่านชิ่น มือข้างหนึ่งตอกกลับโดยการพันธนาการคอของมเหสีรองเหวยไว้ และผลักออกไปด้านนอก!
“ฉินอ๋อง!” รัชทายาทห้ามปราม ต่อให้จะเป็นมเหสีรองเหวยเองที่เสียมารยาท และฉินอ๋องไม่ควรลงมือ แต่ตอนนี้หากมเหสีรองเหวยอ้างเหตุนี้ไปฟ้องฝ่าบาท ก็จะเป็นเรื่องใหญ่แน่!
ร่างกายของมเหสีรองเหวยเอนไปข้างหลัง โชคดีที่อิ๋นเอ๋อร์มารับไว้ทัน ถึงไม่ได้ล้มลง กลับเจ็บปวดรวดร้าวบริเวณลำคอ ผ่านไปเนิ่นนานกว่าจะได้สติ “หน็อย…ดี! ใต้ฟ้ามีองค์ชายกล้าทำร้ายพระมารดาเลี้ยง! หม่อมฉันจะไปขอคำอธิบายกับฝ่าบาท! ฝ่าบาทเพคะฝ่าบาท…หม่อมฉันถูกคนทำร้ายเพคะ…” พูดพลางสะอื้นไห้ด้วยความโมโห ก่อนจะมุ่งหน้าไปทางพระที่นั่งหย่างซินเตี้ยนโดยมีอิ๋นเอ๋อร์ประคองไป
“ฉินอ๋อง เจ้าหุนหันพลันแล่นเกินไปแล้ว รีบไปขอโทษมเหสีรองเดี๋ยวนี้!” รัชทายาทเตือน
หุนหันพลันแล่นหรือ ลำพังซย่าโหวซื่อถิงเห็นว่าผู้หญิงคนนั้นจะตบตีอวิ๋นหว่านชิ่นต่อหน้าต่อตา ก็ทั้งโกรธและวิตกกังวลแล้ว กลัวก็แต่ว่าตอนนั้นตนหุนหันพลันแล่นไม่พอที่ไม่ได้บีบคอนางได้ทันควันเสียมากกว่า ในขณะนี้เขาได้แต่สำรวจอวิ๋นหว่านชิ่นอย่างเดียว เห็นว่านางไม่บาดเจ็บ ถึงได้หันไปทางรัชทายาท น้ำเสียงสงบนิ่ง “ขอบคุณความหวังดีของรัชทายาท” ก็แค่ปลาที่ขาดน้ำ จะปกป้องตัวเองยังทำไม่ได้เลย อยากจะฟ้องก็ให้นางฟ้องไป
รัชทายาทเห็นว่าเขาไม่แยแส พลันผงะ แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรต่อ
อวิ๋นหว่านชิ่นหัวใจเต้นแรง การกระทำขององค์ชายสามเมื่อครู่ขัดต่อศีลธรรมเกินไป ต่อให้ตระกูลเหวยจะไร้อนาคตแล้ว ทว่าแม่นางเหวยยังเป็นมเหสีรอง หากเรื่องราวบานปลายไปถึงฮ่องเต้ องค์ชายสามจะต้องถูกลงโทษเป็นแน่ ยามนี้ไม่ใช่เวลาที่จะใช้อารมณ์เป็นที่ตั้ง จึงรีบพูด “ข้าขอตัวไปดูที่ตำหนักฉางหนิงก่อน…”
ข้อมือบางถูกอีกคนคว้าไว้ นัยน์ตาดำขลับของซย่าโหซื่อถิงเผยความเย็นชาแวบหนึ่ง จับนางไว้แน่น เอ่ยด้วยน้ำเสียงทุ่มต่ำและเคร่งเครียด มีเพียงนางผู้เดียวที่ได้ยิน “ความอดทนของข้า หมดลงตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป”
นางมองเขาอย่างเหม่อลอย ทว่ากลับเห็นเขาหันหน้ามา แววตาสั่นไหว “กลัวอะไรเล่า ไม่เอาคุณูปการครั้งนี้ก็ได้ อย่างมากก็ได้ย้ายไปอยู่บ้านป่าเมืองเถื่อนเหมือนน้องสี่เหิงอ๋อง ถึงเวลานั้นมีแค่เจ้ากับข้า สงบกว่าเป็นไหนๆ!”
เขาวางแผนมาตั้งแต่เด็ก ใช้เวลานานเพียงนี้ ก็เพื่อที่จะถูกลงโทษไปอยู่แดนอนารยะหรือ หัวใจอวิ๋นหว่านชิ่นไหวสั่น
ในเวลานั้นเอง เสียงรายงานของขันทีลอยมาจากด้านนอกตำหนักซานชิง “พระสนมเอกมาถึงแล้ว อยากพบฉินอ๋องพ่ะย่ะค่ะ”
รัชทายาทรู้ว่าบางทีสนมเอกเฮ่อเหลียนอาจได้ยินเรื่องทางนี้ จึงเข้าใจ ก่อนจะเอ่ย “พวกเจ้าไปพบพระสนมเอกก่อนเถิด”
ทั้งสองคนออกจากตำหนัก เห็นสนมเอกเฮ่อเหลียนยืนอยู่ตรงทางเดินกับจางเต๋อไห่
สนมเอกเฮ่อเหลียนจิตใจร้อนรน เห็นลูกชายที่ไม่ได้เจอกันนานนม ไม่มีเวลาแม้แต่ถามไถ่สารทุกข์สุขดิบ ก้าวเข้าไปหาอย่างงกๆ เงิ่นๆ “มะ เมื่อครู่เจ้าตบมเหสีรองเหวยหรือ”
ซย่าโหวซื่อถิงเอ่ย “เสด็จแม่กล่าวเกินไปแล้ว มเหสีรองทำร้ายคนอื่นอย่างไร้เหตุผลก่อนต่างหาก ลูกรีบไปขวางไว้เพื่อปกป้องภรรยาเท่านั้น”
“ไร้เหตุผลหรือ” สนมเอกเฮ่อเหลียนรู้ว่าวันนี้ลูกชายได้รับชัยชนะกลับมา สั่งให้จางเต๋อไห่ยืนดูอยู่หน้าตำหนักซานชิงตั้งนานแล้ว ดังนั้นจึงล่วงรู้สถานการณ์วุ่นวายภายใน พอได้ฟังเรื่องราวเมื่อครู่นี้ ก็ตกใจแทบแย่ พร้อมกับสั่งให้หลานถิงไปสืบสถานการณ์ทางฝั่งของมเหสีรองเหวย ก่อนจะวิ่งมาทางนี้ “ต่อให้นางไร้เหตุผลอย่างไร นางเป็นถึงมเหสีอรองนะ ต่อให้ไร้เหตุผลอย่างไร ก็ต้องมีเหตุผลอยู่แล้ว ไฉนเลยเจ้าถึงลงไม้ลงมือกับนางได้! เจ้าสร้างเรื่องใหญ่แล้วนะ! หลานถิงบอกว่านางไปที่พระที่นั่งหย่างซินเตี้ยนแล้ว ต้องไปใส่ไฟ ฟ้องฝ่าบาทแล้วแน่นอน! องค์ชายอย่างเจ้าลงไม่ลงมือกับพระมารดาเลี้ยง ไม่ว่าอย่างไร ต่างก็เป็นความผิดของเจ้า!” ก่อนจะมองไปทางอวิ๋นหว่านชิ่น ดวงตาพลันแข็งเกร็ง “เหตุใดเจ้าไม่อดทนสักหน่อย ให้นางตบสักทีจะเป็นอะไรไป พอนางหายโมโห ก็สิ้นเรื่องแล้วไม่ใช่หรือ! ตอนนี้เจ้าสร้างเรื่องใหญ่ให้ลูกชายข้าแล้ว! เขาอุตส่าห์ได้รับคุณงามความดีครั้งนี้แล้ว ต่อไปอย่างน้อยก็จะได้อยู่ในสายตาของฝ่าบาทบ้าง มีเงินมาตั้งตัวในราชวัง เจ้า เจ้าทำให้เขากลับไปอยู่ที่เดิม เจ้านะเจ้า…หญิงกาลกิณี! ข้าว่าแล้ว การที่ลูกชายข้าขอแต่งตั้งเจ้าเป็นพระชายานั้นไม่ใช่เรื่องที่ดี!” พูดจบพลันหอบ น้ำตารื้นไหลออกมา สติยังไม่คงที่ ยังคงอยู่ในอาการตื่นตระหนก