“ตอนใหม่ถูกปล่อยตัวแล้ว!” ฟางฉีชี้ไปที่ด้านบนของกระดานดำ “วันนี้จะทำการเพิ่มตอนที่ 7 และ 8 ”
“ท่าน! บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปหนึ่งถ้วยเพิ่มใส่กรอกและโค้กหนึ่งขวด!” เยเสี่ยวเย้แตะที่กระเป๋าเล็กๆ ของตัวแล้วชี้ไปที่พ่อ “เก็บตังที่พ่อ!”
“…” เยซงเต๋าทำหน้างง
“นั่นใช่ท่านเยหัวหน้ากลุ่มหรือเปล่า?” หลันโมมองดูขณะที่ก้าวขาเข้ามาในคาเฟ่
“กระบี่เทพสังหาร? คืออะไร?”
“ไม่!” จุนหยางซีผู้สวมชุดคลุมสีน้ำเงินมีศักดิ์เป็นอาจารย์ของหลี่เฮารันเขาตอบด้วยความสับสนว่า “เพื่อเรียนรู้วิธีการทางจิตวิญญาณณ เราต้องเล่น Resident Evil และ CS ใช่มั้ย?” พวกเขาคุย แต่เวลาเดียวกันมีคนกลุ่มหนึ่งเปิดประตูตามหลังเขาเข้ามา
“คนที่เพิ่งเดินเข้ามาดูคุ้นๆ นั่น .. อันหูเว้ยใช่มั้ย?” หลันโมตาแตก
“ใช่แล้ว!” จุนหยางชีกล่าว “ชายทั้งสองข้างอันหูเว้ยน่าจะเป็นอาจารย์โอหยางจากตระกูลโอหยางและอีกคนคืออาจารย์บุจากตระกูลบุ”
“เอ้ะ?” พวกเขามองหน้ากัน
“เขาคืออันหูเว้ยจริงๆ” ในที่สุดหลันโมก็ยืนยันข้อสงสัย
อันหูเว้ยจ่ายเงินหน้าเคาน์เตอร์จากนั้นเขาเดินไปที่ตู้เพื่อหยิบถ้วยชามสีม่วงก่อนจะฉีกเปิดซองเครื่องปรุงรส ดูเหมือนมืออีกด้านหนึ่งของเขากำลังถือขวดแก้วพร้อมของเหลวสีดำในขวด
“หือ?” พวกเขาอ้าปากค้างเมื่อเห็น
“อ๊ะ!? ท่านหลันโม .. ท่านจุนหยางชี?” เยซงเต๋าเบิกตาโพงเมื่อเห็นทั้งสอง “ทำไมพวกท่านถึงมาอยู่ที่นี่?”
หลันโมตะโกน “มันควรจะเป็นคำถามของข้ามั้ยละ ท่านเป็นอาจารย์ผู้ยิ่งใหญ่ทำไมถึงไม่เข้าร่วมอาณาจักรเพาะปลูก แต่กลับกลายเป็นทุกคนมาอยู่ในที่ห่างไกลแห่งนี้ นี่พวกท่านทำอะไรกันอยู่!?”
“เรื่องนั้น ..” เยซงเต๋าเรียก “เสี่ยวเย้มาทำบะหมี่ให้ลุงทั้งสองหน่อย เพิ่มไส้กรอกด้วยละสองถ้วย!”
“รับทราบ”
“ไปดูละครกันเถอะ!” เยซงเต๋าพาพวกเขาไปที่เคาน์เตอร์เพื่อจ่ายเงิน
“ดู .. ละคร!?” พวกเขามองหน้ากันอย่างไม่เข้าใจ
“หืม? พันธมิตรหลันโมและท่านจุนหยางชี? พวกท่านก็อยู่ที่นีด้วยหรือ!?” ซัวเต๋าเดินเข้ามาพร้อมกับกลุ่มสาวก
“เจ้าด้วยหรอ!?” หลันโมทำท่าตกใจ “ท่านมาที่นี่ด้วยหรอ? แล้วละครกระบี่เทพสังหารและสิ่งที่พวกท่านเอ่ยถึงมันคืออะไร?”
“ท่านจะเข้าใจหลังจากได้ดู!” เยซงเต๋าคลิกเปิดละครให้พวกเขา
ขณะเดียวกันเยเสี่ยวเย้เดินเข้ามาพร้อมบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปหอมๆ สองถ้วย
“ว้าว! กลิ่นมันหอมมาก!” ทั้งสองสวมหูฟัง VR พร้อมหยิบถ้วยบะหมี่ขึ้นมา “วู้ว! กลุ่มเมฆเขียวนี่งดงามจริงๆ”
“ถึงกระนั่นก็คงยังไม่เท่าพันธมิตรวู่เว้ยของเราหรอก!”
“อาจารย์นักรบบรรพบุรุษคนนี้ ..”
“เขาเป็นอมตะหรือไม่!?”
“นั่น เขากำลังบินด้วยดาบหรอ!? มันสะดวกและรวดเร็วมากฝ่ายไหนในโลกทำได้บ้าง” พวกเขาเริ่มสนุกกับละครพร้อมกินบะหมี่ด้วยความอร่อย
“พลังการฝึกฝนของเขาถึงจุดสูงสุด!” พวกเขาดูเข้าถึงอารมณ์ของตัวละครและเหตุการณ์ในนั้นมาก
…
“ข้าละสงสัยจริงๆ มันจะเกิดการนองเลือดอีกหรือเปล่า” ซูเทียนจิกล่าวขณะที่กำลังเปิดละครกระบี่เทพสังหาร
“เสี่ยวฟานจะตายมั้ยนะ”
“ท่านอาจารย์! เรารีบดูกันเถอะ” ยูซินเอ่ยชวนก่อนจะเปิดดูละครเป็นคนแรก
“อะไร!?” ซูเทียนจิเปิดละครทันที พบว่ากำลังจะเกิดการนองเลือดอีกครั้งจากกลุ่มคนผิวสีสองกลุ่มต้องมีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นกับจางเสี่ยวฟานเป็นแน่ .. เขาถูกโจมตี!
…
หลังจากกลุ่มผู้โจมตีได้ดูดซับเลือดของเสี่ยวฟานไปแล้ว พวกเขารวมตัวเข้าหากันแทนที่จะต่อสู้กันเอง!
“เกิดขึ้นได้ยังไงกัน!?”
“มันเป็นอะไรที่ควรจะขัดแย้งกัน เป็นไปได้มั้ยว่าตอนนี้พวกเขามีพลังงานที่เหมือนกันหลังจากได้ซึมซับเลือดของเสี่ยวฟานเข้าไป นั่นจึงเป็นสาเหตุให้เขาหยุดต่อสู้!?” ซูเทียนจิบ่นเกี่ยวกับฉากนี้ “นี่แค่ความคิดคราวๆ .. แต่ไม่แน่รายละเอียดอาจซับซ้อนกว่านี้”
“ข้าไม่อยากจะเชื่อว่าปัญหาใหญ่จะได้รับการแก้ไขด้วยวิธีนี้ มันไม่สมเหตุสมผล”
“นี่อาจเป็นอีกเทคนิคที่พิเศษมาก” ซัวเต๋ากล่าวด้วยความตื่นเต้น “มันเป็นเรื่องบังเอิญที่คนสองกลุ่มที่เหี้ยมโหดจะรวมเข้ากัน มันอาจก่อให้เกิดเทคนิคการรวมตัวก็ได้”
“อย่างไรก็ตาม .. ข่าวดีที่เสี่ยวฟานยังคงมีชีวิตรอด”
“โอ้ย ข้าอิ่ม!” ซูเทียนจิโผงขึ้นหลากจากกินบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปเสร็จ “เพื่อหลีกเลี่ยงการสะอึกข้าควรกินฮาเก้นดาสอีกสักถ้วย!”
ขณระเดียวกันผู้เล่นที่เปิดใช้งานไซเลนต์ฮิลล์ยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง พวกเขากำลังสะสมจุดแข็งแกร่งในจิตใจแม้จะช้าแต่พวกเขาก็กระตือรือร้นที่จะใช้เกมนี้เพื่อพัฒนาและบรรลุจุดประสงค์ให้ได้
หลันโมและจุนหยางชีกำลังเพลิดเพลินกับละคร “อืมม .. มันดีจัง”
“พวกเราจำเป็นต้องเพิ่มเทคนิคการเพาะปลูกพื้นฐานให้แก่ฝ่ายของเรา .. ดูเหมือนว่าพวกเราจะอ่อนแอกว่าในสะครเสียอีก”
“พวกเขาไม่อ่อนแอ .. แต่ก็ยังไม่ไปถึงเทคนิคขั้นสูง จริงๆ เทคนิคขั้นสูงของกลุ่มบลูเฟรมของเรานั้นทรงพลังมาก”
“ถึงอย่างนั้นก็เถอะ เมิื่อเปรียบเทียบกับเทคนิคของเราแล้ว เทคนิคไต้ฉีมีความเป็นเอกลักษณ์แถมยังควรค่าแก่การเรียนรู้อย่างมาก เอ่อข้าว่าเทคนิคระดับสูงของฝ่ายเราควรได้รับการปรับปรุง!”
“ใช่ๆ”
“มันหมายความว่ากลุ่มโอเชียนและวังหลิวหยุนนั้นเริ่มพัฒนาไปก่อนแล้วใช่มั้ย” หลันโมตบต้นขาตัวเอง
“เราจะปล่อยให้สถานการณ์ดำเนินต่อไปเช่นนี้ไม่ได้! ในขณะที่พวกเขาเดินทางอย่างสะดวกสบายด้วยดาบ พวกเรายังคงต้องเดินทางโดยอาศัยเรือทางจิตวิญญาณ ไม่ได้มันน่าขายหน้า!”
“วังกวนผู้ส่งสารทำไมไม่รายงานเรื่องนี้ให้ข้ารู้!” หลันโมทำท่าโมโห
“อืม .. ท่านพี่อาวุโสข้าจำได้ว่าท่านดุเขาว่าอย่าพูดเรื่องไร้สาระ ..”
“ฉันน่ะหรอ!?” หน้าหลันโมกระตุก
“ช่างมัน! เราจะมาเริ่มศึกษาเทคนิคคาถาทางจิตวิญญาณไต้ฉีก่อน!”
…
ตอนนี้ซูเทียนจิพร้อมคนอื่นๆ ได้ดูตอนใหม่ล่าสุดจบแล้ว
“โชคดีที่คราวนี้ละครไม่จบในช่วงเวลาสำคัญ!” อันหูเว้ยกล่าว
“ท่าน!” ซูเทียนจิบ่น “เพิ่มอีกสักสองตอนได้มั้ย ข้าอยากดูให้จบ!”
“ใช่!” เยเสี่ยวเย้ประท้วง “ข้าว่าสองตอนวันนี้มันสั้นมาก! เจ้าโกงเราหรือเปล่า!? ”
ฟางฉีเองก็เพิ่งดูจบเช่นกัน “ดูเวลาด้วยแต่ละตอนตั้ง 55 นาที ไม่น้อยเท่าไรนะ”
“เจ้าอาจจะปรับเวลาเร็วกว่าปกติหรือเปล่า” นาหลันหมิงสื่อตอบกลับด้วยสีหน้าจริงจัง
หน้าของฟางฉีกระตุกเล็กน้อย “พวกเจ้าหยุดกล่าวหาข้าได้มั้ย”
จากนั้นเขามองไปที่หน้าอินเทอร์เฟชส่วนประสานงานของเขาและพูดขึ้นว่า “วันนี้มีละครเรื่องใหม่ พวกท่านอยากดูมั้ย!?”
เมื่อกล่าวจบเขาเพิ่มข้อมูลบนกระดานดำทันที
[ละครเรื่องใหม่วันนี้ : ละครเรื่องขี่พายุทะลุฟ้า สี่ตอนแรก]