[ติดตามข่าวสารได้ที่เพจ : จักรพรรดิ์เทพมังกร]

บทที่ 424: กล้าหรือไม่?

และเพราะคำเตือนของฉางหลิง ทำให้หลิงหยุนสงบลงในทันที เธอพพูดได้ถูกต้อง..

หลิงหยุนเกือบจะต้องถูกทางโรงเรียนไล่ออก แต่ครูประจำชั้นของเขา – กงเสี่ยวลู่ กลับออกโรงโต้เถียงเพื่อปกป้องเขา สิ่งที่เธอทำนั้นเกินกว่าหน้าที่ความรับผิดชอบของครูคนหนึ่ง..

ตอนนี้เขากลับมาแล้ว การจะเดินเข้าไปหาผู้อำนวยการกับครูใหญ่เพื่อเรียกร้องความเป็นธรรมให้กับกงเสี่ยวลู่นั้น เป็นเรื่องที่หลิงหยุนสามารถจัดการได้ไม่ยาก แต่นั่นไม่ได้ทำให้ข้อครหาเรื่องความสัมพันธ์ของพวกเขาทั้งคู่หายไปด้วย

และยิ่งจะทำให้ข่าวลือที่ไม่จริง กลับกลายเป็นเรื่องจริงไปในทันที!

กงเสี่ยวลู่อาจจะได้รับความยุติธรรมและตำแหน่งหน้าที่กลับคืน แต่ความบริสุทธิ์ของเธอจะถูกทำลายจนยับเยิน!

หลิงหยุนได้ฟังคำพูดของฉางหลิง เขาจึงอดคิดไม่ได้ว่า หากเขาทำเช่นนั้น คงไม่ต่างจากคนโง่ที่กระโดดลงไปในแม่น้ำแยงซีเกียงเพื่อทำความสะอาดร่างกาย มีหรือที่จะสามารถมีชีวิตรอดกลับมาได้! หลิงหยุนได้แต่เกาศรีษะพร้อมกับมองฉางหลิงแล้วพูดขึ้นว่า

“คุณกำลังจะบอกผมว่า.. เรื่องนี้ปล่อยให้ข่าวลือค่อยๆเลือนหายไปเองตามธรรมชาติใช่ไม๊?”

หลิงหยุนไม่ใส่ใจกับข่าวลืออะไรพวกนี้ เขาไม่กระทบกระเทือนเลยแม้แต่น้อย แต่กงเสี่ยวลู่ที่ยังคงได้ขึ้นชื่อว่ามีความสัมพันธ์ฉันชู้สาวกับนักเรียนชายของตัวเองนั้น จะรู้สึกอย่างไร?

ฉางหลิงไม่สามารถหาทางออกที่ดีได้กว่านั้น จึงได้แต่พูดขึ้นว่า “ฉันว่าเรื่องนี้นายควรปรึกษากับครูกงสองต่อสองดู ว่าครูมีความคิดเห็นกับเรื่องนี้ยังไง? แล้วค่อยตัดสินใจ..”

หลิงหยุนได้แต่ยิ้ม.. พร้อมกับคิดในใจว่า ‘ปรึกษากันสองต่อสองงั้นรึ? นี่ข้าคงต้องหาที่ส่วนตัวคุยกับครูกงสองคนอีกแล้วสินะ..’

ไม่เพียงแค่ในโรงเรียนของประเทศจีนเท่านั้นที่ไม่ยอมรับสัมพันธ์ฉันชู้สาวระหว่างครูกับนักเรียน แม้แต่ในโลกบ่มเพาะที่ยิ่งใหญ่ของเขา หากศิษย์กับอาจารย์มีเรื่องชู้สาวทำนองนี้ขึ้นมา ก็จะถูกคนสำนักอื่นหัวเราะเยาะ เหยียดหยาม และไม่ยอมรับเช่นกัน

แน่นอนว่าแต่ใหนแต่ไรหลิงหยุนก็เป็นคนที่ไม่เคยใส่ใจกับคำตำหนิติเตียนของผู้อื่นอยู่แล้ว แต่เขาก็จำเป็นต้องคิดถึงความรู้สึกของกงเสี่ยวลู่

“ยังมีเรื่องอื่นอีกไม๊?” หลิงหยุนถามฉางหลิงต่อ

ฉางหลิงจ้องหลิงหยุนราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ เมื่อบอกไปว่ามีผู้หญิงสองคนมาถามหาหลิงหยุนที่โรงเรียนเหมือนกับบที่ฉางตงเพิ่งบอกก่อนหน้านี้ แต่หลังจากนั้นก็ยิ้มอายๆพร้อมกับบอกหลิงหยุนว่า

“ยังมีอีกเรื่อง..”

พูดออกไปแล้วฉางหลิงก็บิดไปบิดมาพร้อมกับหน้าแดงด้วยความอาย เธอสูดลมหายใจลึกแต่ก็ยังไม่ยอมพูดอะไร จนหลิงหยุนต้องถามออกไปอีกครั้ง

“ตกลงมีเรื่องอะไรกันแน่?”

ฉางหลิงกัดริมฝีปากก่อนจะตอบไปว่า “แม่ของฉันอยากจะพบนาย..”

หลิงหยุนอดคิดไม่ได้ว่านี่ไม่ใช่เรื่องเล่นๆ เขาจึงตอบกลับไปยิ้มๆ “นึกว่าเรื่องอะไร.. ที่แท้ก็แม่ยายอยากจะพบหน้าลูกเขย ได้เลยไม่มีปัญหา แต่สองสามวันนี้ผมมีธุระต้องไปจัดการให้เสร็จ รอให้ผมเสร็จธุระก่อนนะ”

ฉางหลิงตอบกลับมาอย่างมีความสุข “จะบ้าเหรอ.. ใครบอกว่าจะเป็นภรรยาของนายกัน..?”

หลิงหยุนได้กลิ่นหอมรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ หลงหวู่เดินกลับเข้ามาในห้องเรียน และเดินไปยืนตรงหน้าโต๊ะของเธอก่อนจะพูดเสียงเรียบว่า

“อีกสองนาทีก็จะเริ่มเรียนแล้ว พวกนายยังคุยกันไม่เสร็จอีกหรือไง?”

ฉางหลิงลุกขึ้นและรีบลุกขึ้นพร้อมกับกระซิบบอกหลิงหยุนว่า “สองคาบต่อไปเป็นวิชาของครูประจำชั้น นาย..”

หลิงหยุนจำได้แม่นยำว่าสองคาบแรกในตอนเช้าของวันอังคารจะเป็นวิชาภาษาอังกฤษ เขาจึงพยักหน้ายิ้มๆอย่างเข้าใจ

ฉางหลิงกลับไปที่โต๊ะของเธอ หลงหวู่จึงนั่งลง ส่วนหลิงหยุนก็หันไปยิ้มให้หลงหวู่พร้อมกับพูดขึ้นว่า “ขอบคุณมาก..!”

หลงหวู่ดูสงบนิ่งผิดปกติ จนแม้แต่หลิงหยุนเองยังรู้สึกแปลกใจ!

ก่อนจะเริ่มเรียนราวสองสามนาที ครูประจำชั้นห้องหก – กงเสี่ยวลู่ ก็เดินตรงเข้ามาในห้องเรียน วันนี้เธอปล่อยผมยาวปะบ่า สวมเสื้อเชิ้ตสีขาว และกระโปรงสีดำ พร้อมกับสวมถุงน่องสีเนื้อ เธอยังคงดูเซ็กซี่แต่หน้าตาจริงจังเหมือนเดิม

แต่ครั้งนี้กงเสี่ยวลู่กลับดูแตกต่างไปจากที่หลิงหยุนพบครั้งแรก วันนี้สีหน้าของเธอดูเหนื่อยล้าและซีดเซียว อีกทั้งขอบตาก็แดงและบวมเล็กน้อย เห็นได้ชัดว่าเธอได้รับผลกระทบจากข่าวลืออย่างมาก

กงเสี่ยวลู่เดินเข้าไปยืนอยู่หน้าโพเดี้ยมหน้าห้องเรียน จากนั้นจึงกวาดสายตาไปรอบๆห้อง ท่าทางของเธอยังคงนิ่งสงบ..

สายตาของกงเสี่ยวลู่จับจ้องอยู่ที่ใบหน้าของหลิงหยุน เธออึ้งไป และหน้าก็เริ่มแดงเล็กน้อย แต่ก็จางหายไปในเวลาอันรวดเร็ว กงเสี่ยวลู่ทำสีหน้าท่าทางเป็นปกติ และพยายามไม่แสดงความผิดปกติใดๆออกมา

หลิงหยุนมั่นใจว่ากงเสี่ยวลู่ต้องเห็นเขาตั้งแต่เดินเข้ามาในห้องแล้ว แต่เธอพยายามไม่มองไปทางเขา และพยายามที่จะหลบสายตา

สถานการณ์เช่นนี้หลิงหยุนพูดได้เพียงแค่คำเดียวว่า.. อึดอัด!

และสถานการณ์ที่อึดอัดและกระอักกระอ่วนเช่นนี้ ก็ยิ่งทำให้บรรยากาศภายในห้องเรียนเงียบ และตึงเครียดตามไปด้วย

เพื่อนในห้องบางคนที่เริ่มรับรู้ได้ถึงความผิดปกติของคนทั้งคู่ พวกเขาก็แอบหันมองไปทางหลิงหยุน

และนั่นก็ยิ่งทำให้สีหน้าของกงเสี่ยวลู่ดูไม่เป็นธรรมชาติ และเธอเริ่มรู้สึกว่าใบหน้าของตัวเองร้อนผ่าว แต่ก็ยังต้องฝืนยืนอยู่อย่างนั้น เพราะไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้

แต่จู่ๆ กงเสี่ยวลู่ก็ได้ยินเสียงของหลิงหยุนดังมาเข้าหูของเธอ..

“ครูกงครับ.. ครูยังกล้าให้ผมไปติวหนังสือที่หอพักอีกไม๊? ถ้ากล้า.. ก็ไปกัน

หลิงหยุนไม่ชอบความรู้สึกที่อึดอัดเช่นนี้มาก ทั้งเขาและกงเสี่ยวลู่ต่างก็บริสุทธิ์ เขาไม่ต้องการให้ตัวเองและกงเสี่ยวลู่ต้องอยู่ในสถานการณ์ที่อึดอัดและกระอักกระอ่วนแบบนี้ เพราะหากปล่อยไว้นาน ก็คงจะไม่ต่างจากแก้วที่ร้าว และยากที่จะประสานคืนได้

สิ่งที่หลิงหยุนคิดจะทำนั้น ตรงกับคำพูดที่ว่า.. หนามยอกเอาหนามบ่ง!

เขาจงใจที่จะไปหอพักของกงเสี่ยวลู่ในเวลากลางวัน และให้ทุกคนในโรงเรียนได้เห็นกับตา และหากใครกล้าพูดไม่ดีอีก หลิงหยุนจะจัดการให้พวกมันรู้สึกเสียใจที่มีปากอย่างแน่นอน!

หลิงหยุนใช้วิธีส่งกระแสจิตถามกงเสี่ยวลู่ จึงมีเพียงเธอเท่านั้นที่ได้ยิน และถึงแม้กงเสี่ยวลู่จะไม่ตกลง ก็ไม่เสียหายอะไร

เสียงของหลิงหยุนนั้นดังและชัดเจน กงเสี่ยวลู่ได้ยินแล้วถึงกับตกใจ เธอไม่รู้ว่าหลิงหยุนใช้วิธีส่งกระแสจิตบอกเธอ เธอจึงหันไปมองนักเรียนคนอื่นๆ แต่พบว่าบางคนก็กำลังตั้งใจอ่านหนังสือ บางคนก็กำลังคุยกัน ดูเหมือนว่าจะไม่มีใครได้ยินคำพูดของหลิงหยุน

กงเสี่ยวลู่ค่อยสบายใจขึ้น และค่อยๆใคร่ครวญก่อนจะตัดสินใจ..

หลิงหยุนคงจะได้ยินข่าวลือระหว่างเธอกับเขาแล้ว ความหมายในคำพูดของหลิงหยุนนั้น กงเสี่ยวลู่เข้าใจได้ดี แต่การจู่โจมของหลิงหยุนนั้นทำให้เธอตกใจไม่น้อย

กงเสี่ยวลู่ก้าวเท้าออกมายืนอย่างมั่นคงและสง่างาม ใบหน้าเริ่มแดงและร้อนผ่าว..

เหตุการณ์เมื่อหกปีที่แล้ว ทำให้กงเสี่ยวลู่มีปัญหาด้านจิตใจจนถึงกับเกิดการต่อต้านผู้ชาย หลังจากจบจากมหาวิทยาลัยด้านภาษาต่างประเทศที่ปักกิ่ง เธอก็ปฏิเสธที่จะทำงานกับบริษัทต่างชาติในเมืองหลวง และเดินทางมาอยู่ที่เมืองจิงฉูเพียงลำพัง จากนั้นก็ยึดอาชีพครูมาเป็นเวลาถึงหกปี..

เธอเลือกที่จะสอนอยู่ในโรงเรียนมัธยมจิงฉู เพื่อหลบเลียแผลของตัวเองอยู่เงียบๆ และปล่อยให้เวลาค่อยๆเยียวยาจิตใจของตัวเองให้ดีขึ้น หลังจากนั้นจึงค่อยเปิดใจเรื่องผู้ชายอีกครั้ง

ระหว่างหกปีที่ผ่านมา เธอได้ปฏิเสธผู้ชายทุกคนที่ชื่นชอบเธอ และตามจีบเธอ ไม่ว่าจะเป็นครูด้วยกัน หรือแม้แต่นักเรียนในโรงเรียน เธอทำตัวเย็นชาเพื่อไม่ให้ผู้ชายคนใหนทำให้เธอต้องรู้สึกเจ็บปวดได้อีกต่อไป

กงเสี่ยวลู่คิดไม่ถึงว่า เพียงแค่เธอหาสถานที่ที่เหมาะสำหรับบติวภาษาอังกฤษให้หลิงหยุนไม่ได้ จึงได้พาเขาขึ้นไปติวในหอพัก และปล่อยให้เขาทำแบบฝึกหัดเพียงแค่นั้น จะทำให้ชื่อเสียงของเธอเสียหายได้ถึงเพียงนี้

หลังจากเหตุการณ์ครั้งนี้ จิตใจของกงเสี่ยวลู่ได้ถูกทำร้ายบาดเจ็บบอีกครั้ง เธอรู้สึกเศร้าเสียใจ แต่ก็ยอมรับมันอย่างเงียบๆ และไม่ต้องการอธิบายอะไรกับใคร

เธอยอมรับกับตัวเองว่ามันคงเป็นชะตากรรมของเธอ โชคชะตาที่เล่นตลกกับเธอ! และเธอก็กำลังคิดว่าจะหนีอีกครั้ง..

แต่สิ่งเดียวที่ทำให้เธอยังไปใหนไม่ได้นั่นก็คือ เด็กนักเรียนมัธยมปลายทั้งหกห้อง กว่าห้าสิบคนมีความหวังที่จะได้เข้าไปเรียนมหาวิทยาลัยในเมืองหลวง

กงเสี่ยวลู่ตั้งใจไว้ว่าจะยืนหยัดสอนจนชั่วโมงสุดท้าย และหลังจากที่นักเรียนจบกันไปแล้ว เธอก็จะลาออกจากโรงเรียนแห่งนี้

แต่ในเมื่อหลิงหยุนกลับมา เขาก็มาพร้อมกับความยิ่งใหญ่จนคนทั่วทั้งเมืองจิงฉูต่างก็พูดถึงเขา อีกทั้งหลิงหยุนยังเป็นคนที่แข็งแกร่งกว่าเด็กผู้ชายในวัยเดียวกัน

กงเสี่ยวลู่รู้สึกภาคภูมิใจอย่างบอกไม่ถูกที่เธอมีลูกศิษย์แบบหลิงหยุน และเหตุผลที่กงเสี่ยวลู่เห็นหลิงหยุนแล้วหน้าแดงนั้น ก็เกิดจากการที่เธอคิดถึงเรื่องข่าวลือระหว่างเขากับเธอ ความรักระหว่างครูกับนักเรียน

ตัวเธอเองก็ยังเป็นสาวโสด หลิงหยุนเองก็เป็นเด็กผู้ชายที่หน้าตาหล่อเหลา และเธอก็กำลังจะพาเขาไปติวที่หอพักสองต่อสอง..

หากเรื่องนี้แพร่สะพัดออกไป คนที่ไม่คิดอะไรก็คงมีแต่ผีเท่านั้น..

‘ดูเหมือนโชคชะตาจะไม่ยอมปล่อยฉันไปจริงๆสินะ งั้นก็ช่างเถอะ! ในเมื่อหนีไม่ได้ก็ยอมรับกับสิ่งที่จะเกิด เมื่อหกปีที่แล้วหนักหนากว่านี้อีก ฉันยังผ่านมันมาได้เลย..’

เมื่อคิดได้เช่นนี้ กงเสี่ยวลู่ก็กัดฟันและหันร่างสวยงามกลับไปเผชิญหน้ากับหลิงหยุนพร้อมกับพูดขึ้นว่า “หลิงหยุน.. เธอตามครูมา..”

หลิงหยุนที่กำลังรอคำตอบอยู่ เมื่อได้ยินก็ลุกขึ้นยืน และเบียดตัวออกไปทางด้านหลังของหลงหวู่ทันที

“ได้เลยครับ!” หลิงหยุนส่งกระแสจิตตอบกงเสี่ยวลู่พร้อมกับแทรกตัวออกไปหน้าประตู

สายตาทุกคู่ต่างก็จับจ้องร่างของกงเสี่ยวลู่และหลิงหยุนที่เดินตามหลังไปด้วยความตกตะลึง แล้วเสียงวิพากษ์วิจารณ์ก็ดังอื้ออึงไปทั่วทั้งห้องเรียน

“ฉันล่ะงงจริงๆ เวลาแบบนี้ครูประจำชั้นยังจะเรียกหลิงหยุนไปด้วยทำไมอีก?”

“นั่นน่ะสิ.. เดี๋ยวคนก็ยิ่งลือกันไปใหญ่”

“พวกเขาจะไปใหนกัน? จะไปติวภาษาอังกฤษ หรือจะไปหาผู้อำนวยการ หรือว่าจะไปหาครูใหญ่?”

“ตามไปดูกันดีกว่า.. หลิงหยุนเก่งจะตาย ฉันไม่เชื่อหรอกว่าปัญหาแค่นี้หลิงหยุนจะจัดการไม่ได้!”

“ขนาดหัวหน้ารักษาความมั่นคง หลิงหยุนยังจัดการจนหน้าแหกมาแล้วเลย กะแค่ครูใหญ่เขาคงไม่กลัวหรอก?!”

“พวกเราตามไปดูกันดีกว่า..”

หลงหวู่ไม่ขยับจากเก้าอี้แม้แต่น้อย เธอยังคงสงบนิ่งพร้อมกับรอยยิ้มจางๆบนใบหน้า

ฉางหลิงมองหลิงหยุนที่เดินออกไปนอกห้อง เธอหันไปมองเหมี่ยวเสี่ยวเหมาพร้อมกับถอนหายใจ “เฮ้อ.. สงสัยจะมีเรื่องอะไรอีก..”