ในตอนนั้นเอง เสียงเอะอะจากนอกตำหนักก็ดังมาเป็นระยะ
เสียงฝีเท้าและเสียงกลุ่มคนดังมาจากนอกกำแพงวังอันสูงใหญ่จนมาถึงนอกตำหนัก แล้วจึงโดนทหารรักษาพระองค์ห้ามเอาไว้ก่อน แต่จากนั้นกลับมีเสียงเนื้อผ้ากระทบกับพื้นแทน
“ใครกัน” เจี่ยงฮองเฮาตะคอกเสียงดัง
ขันทีประจำประตูตำหนักมารายงานอย่างรีบร้อน “เรียนไทเฮา ทหารกองหนึ่งพอรู้ว่าพระชายาฉินอ๋องอยู่ที่ตำหนักซือฝาก็รีบเดินทางจากประตูทางเข้าตำหนักซานชิงมาที่นี่เลยพ่ะย่ะค่ะ ตอนนี้กำลังคุกเข่าขออภัยโทษให้พระชายาฉินอ๋องอยู่ ไล่อย่างไรก็ไม่ยอมไป”
อวิ๋นหว่านชิ่นขยับกาย
“ฉินอ๋องชักจะเกินไปแล้ว มีอย่างที่ไหนใช้อำนาจสั่งการให้ผู้ใต้บังคับบัญชามาขออภัยโทษให้กับภรรยา” เจี่ยงฮองเฮาคิ้วขมวดเป็นปม ขนาดไทเฮายังมีสีหน้าขุ่นเคือง
“รายงานฮองเฮา ทหารผู้น้อยแซ่เว่ยที่เป็นแกนนำ กล่าวว่าพวกตนไม่ใช่ทหารของฉินอ๋อง แต่เป็นผู้ประสบภัยจากเมืองเยี่ยนหยางที่ได้แม่ทัพเฉินช่วยไว้ระหว่างทาง” ขันทีกล่าวรายงาน
“หืม” เจี่ยไทเฮาคิ้วขมวดเข้าหากัน
“พ่ะย่ะค่ะ ทหารผู้น้อยแซ่เว่ยพาคนมาคุกเข่านอกตำหนักไม่ยอมลุกไปไหน ขอร้องให้ไทเฮาโปรดเมตตา”
เจี่ยงฮองเฮากล่าวอย่างฉุนเฉียว “วันนี้พวกเขาเข้าวังมารับรางวัล ถ้าไม่อยากถูกทำโทษก็ถอยไปเสีย!”
“ฮองเฮา…” ขันทีมีท่าทีลังเล “ข้าน้อยก็เคยพูดเช่นนี้ไปแล้ว แต่ทหารผู้น้อยแซ่เว่ยนั้นก็พูดว่า หากลดโทษให้พระชายาฉินอ๋องได้ เขายอมสละรางวัลที่จะได้รับการตบแต่ง แล้วเอารางวัลของหลายสิบคนมาหักล้างโทษของพระชายาฉินอ๋อง”
“มีอย่างที่ไหน!” เจี่ยงฮองเฮาตบโต๊ะ ไม่ลังเลอีกต่อไป “ไม่ยอมถอยไปอย่างนั้นหรือ ทหาร ไปเรียกราชองครักษ์มาเอาตัวพวกเขาไปไว้ในคุก”
“ช้าก่อน” เจี่ยไทเฮาที่เงียบไปนานเอ่ยขึ้น
“ไทเฮา…” เจี่ยงฮองเฮาตะโกนเสียงดัง ทหารรักษาพระองค์ได้แต่หยุดชะงัก
เจี่ยไทเฮาเคร่งขรึมชั่วครู่ มองมายังฮองเฮาคล้ายไม่สบอารมณ์ “พวกเขาเป็นทหารที่มีความดีความชอบ เพิ่งจะจัดงานฉลองไปก็จะสั่งฆ่าเสียแล้ว แค่นี้เรื่องในวังก็ยังเยอะไม่พอหรือ ฝ่าบาทกำลังประชวรอยู่ เจ้าก็อย่าทำให้พระองค์ต้องปวดหัวไปด้วยเลย”
เจี่ยงฮองเฮาได้แต่อึกอักอยู่ในลำคอแล้วปฏิบัติตามแต่โดยดี “เพคะ เสด็จแม่”
“เรียกแกนนำเข้ามา ข้ามีเรื่องอยากจะถาม” เจี่ยไทเฮากล่าว
“เป็นแค่ทหารคนนึงมีสิทธิ์อะไรมาเข้าพบไทเฮา” เจี่ยงฮองเฮาทักท้วงขึ้นอีกครั้ง
“ข้าไม่รังเกียจ” น้ำเสียงของเจี่ยไทเฮาเจือไปด้วยความเต็มใจ
เจี่ยงฮองเฮาไม่กล้าที่จะพูดอะไรอีก
ขันทีรับคำบัญชาแล้วออกไปเรียกให้ทหารเข้ามา
ในขณะเดียวกัน เว่ยเสียวเถี่ย เสนาธิการก่วนและผู้บัญชาการถังก็ได้นำทหารมาคุกเข่านอกกำแพงสีชาดของตำหนักซือฝา
พอผู้บัญชาการถังเห็นว่าเว่ยเสียวเถี่ยชะเง้อมองไปในตำหนักก็กระซิบเสียงเข้ม “ทำเช่นนี้แล้วมันจะได้ผลไหม ดีไม่ดีถูกไทเฮาโกรธเข้า เดี๋ยวเราก็ถูกส่งเข้าไปนอนในคุกหรอก กลับกันเถอะ”
เว่ยเสียวเถี่ยหรี่ตามอง “ผู้บัญชาการถัง ท่านก็เครียดที่ตอนอยู่ในค่ายทหารมักจะหาเรื่องแกล้งชิ่งเกอเอ๋อร์ กลัวว่าฉินอ๋องจะโกรธแล้วมาแก้แค้นมิใช่หรือ นี่ไม่ใช่โอกาสหรืออย่างไร ขออภัยโทษให้พระชายา แล้วพอถึงตอนนั้นองค์ชายสามกับพระชายาก็จะไม่เอาเรื่องท่านแล้ว”
ผู้บัญชาการถังกับเสนาธิการก่วนได้แต่มองหน้ากันแล้วไม่พูดอะไรอีก
ในตอนนั้นเอง ขันทีออกมาส่งสาร ก่อนจะเรียกเว่ยเสียวเถี่ยให้เข้าไป
เว่ยเสียวเถี่ยลุกขึ้นยืน จากนั้นเดินตามขันทีเข้ามาในตำหนักซือฝาอย่างดีใจ
ในตำหนัก อวิ๋นหว่านชิ่นได้ยินเสียงฝีเท้าที่ใกล้เข้ามา
อวิ๋นหว่านชิ่นค่อยๆ หันไปมอง แล้วก็ได้พบเว่ยเสียวเถี่ยที่เดินเข้ามา คุกเข่า ก่อนจะกล่าวอย่างหนักแน่น “ข้าน้อยเว่ยเสียวเถี่ยเดิมเป็นคนเขตฉังชวนเมืองเยี่ยนหยาง ตอนนี้ถูกรับเข้ามาเป็นทหารของตระกูลเฉิน คารวะไทเฮา คารวะฮองเฮา”
เจี่ยไทเฮาพินิจเว่ยเสียวเถี่ย “เจ้าไม่รู้จักฟ้าสูงแผ่นดินต่ำ แล้วก็ไม่กลัวหัวหลุดออกจากบ่าหรืออย่างไรกัน”
เว่ยเสียวเถี่ยงุดหน้าลงต่ำ “หากไม่ได้พระชายาฉินอ๋องช่วยให้ข้าวให้น้ำกับข้าน้อยและคนในหมู่บ้านอีกสิบกว่าชีวิตในระหว่างทาง พวกเราสิบกว่าคนก็คงจะหิวตายข้างทางไปแล้ว หากไม่ได้พระชายาฉินอ๋องโน้มน้าวแม่ทัพเฉินให้รับตัวข้าน้อยเข้ามาในกองทหารของตระกูลเฉิน ข้าน้อยก็คงจะไม่มีโอกาสทดแทนบุญคุณหลวง ตอนนี้ก็คงจะไม่มีโอกาสเข้ามารับรางวัลในพระราชวังแต่ไปรินน้ำชาให้พญายมแล้ว แม้บุญคุณเท่าน้ำหยดเดียวก็ต้องตอบแทนดุจสายธาร บุญคุณที่ช่วยชีวิตไว้ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเลย หากไทเฮาจะเด็ดหัวข้าน้อย หรือแม้แต่จะกรีดเลือดกรีดเนื้อ ข้าน้อยก็ยอมพ่ะย่ะค่ะ”
เจี่ยไทเฮาได้ยินคำพูดลื่นไหลอันน่าขบขันของเขา นานๆ ทีจะมีคนที่กล้าหาญเช่นเจ้าลูกลิงตัวนี้อยู่ในวัง ถึงอย่างนั้นก็ไม่ได้รู้สึกรังเกียจเลย หันไปมองอวิ๋นหว่านชิ่นที แล้วมองเว่ยเสียวเถี่ยที จากนั้นก็หลุดหัวเราะออกมา “ข้าถามเจ้าประโยคเดียว ลูกลิงเช่นเจ้ากลับตอบข้ามาเป็นสิบประโยค ที่แท้เป็นเช่นนี้เองหรือ”
เว่ยเสียวเถี่ยพยักหน้าหงึกหงัก เขาที่เกิดและโตที่เมืองเยี่ยนหยาง มีหรือจะสังเกตสีหน้าท่าทางไม่ออก ต้องใช้โอกาสนี้แหละเอาใจผู้อาวุโส “เจ้าลูกลิงตัวนี้คอยรับใช้พระชายาฉินอ๋องในเมืองเยี่ยนหยาง ได้เห็นกับตาว่าพระชายาเผชิญหน้าภัยอันตรายอย่างไม่หวาดหวั่น พลิกแพลงปรับตัวไปตามสถานการณ์ ไม่เพียงลอบเข้าไปอยู่ในกลุ่มโจรโพกผ้าเหลือง ยังแอบไปหาข่าวของพวกมันด้วย แถมยังรักษาระยะห่างอย่างดี รู้ว่าตอนไหนควรรุกตอนไหนควรถอย ระหว่างนั้นพระชายายังห้ามการเปิดศึกของทหารหลวงกับชาวบ้านหัวรุนแรง ไม่ให้ติดกับดักของโจรป่า หลังจากนั้นยังแฝงไปอยู่กับค่ายบัญชาการ ช่วยให้ทหารหลวงหลอกล่อชาวบ้านหัวรุนแรงกับโจรป่า เรื่องพวกนี้แม้จะเป็นชายก็ยากที่จะมีความกล้า ผลงานความดีความชอบของพระชายา แม้ไม่ได้รับการตบรางวัลก็ช่าง แต่ก็ไม่ควรจะได้รับโทษอย่างยิ่ง หากข่าวนี้ไปแพร่กระจายไปยังเขตฉังชวนแล้วชาวบ้านได้ยินเข้า จะต้องลุกขึ้นมาทวงคืนความยุติธรรมให้พระชายาเป็นแน่ ไทเฮาและฮองเฮาโปรดพิจารณา”
คิดถูกจริงๆ ที่เก็บเว่ยเสียวเถี่ยมา อวิ๋นหว่านชิ่นผ่อนลมหายใจ
เจี่ยไทเฮารับรู้ว่าลูกลิงตัวนี้พูดจาเกินจริงเพื่อขออภัยโทษให้กับอวิ๋นหว่านชิ่น แต่ฟังจนถึงตอนนี้ก็ยังคงลังเลอยู่นาน ก่อนจะเอ่ย “เจ้าลูกลิงเอาคนของเจ้าออกไปก่อน”
“หา” เว่ยเสียวเถี่ยสับสนงุนงง มองไม่ออกว่าไทเฮาคิดจะทำอะไร “เช่นนั้น…ไทเฮาจะทำอย่างไรกับพระชายาฉินอ๋องหรือพ่ะย่ะค่ะ ข้าน้อยยืนหยัดรอคำตอบของไทเฮาอยู่นะพ่ะย่ะค่ะ”
“มีอย่างที่ไหนกัน ไทเฮาจะตัดสินอย่างไรจำเป็นจะต้องรายงานเจ้าด้วยหรือ” เจี่ยงฮองเฮาแผดเสียงด่าไปหนึ่งที
จิตใจของเจี่ยไทเฮานั้นกว้างขวางกว่าพระสุณิสาอยู่มาก หลุดหัวเราะอีกครั้ง “พอแล้ว ข้าจะยังไม่เอาหัวของเจ้าลิงตัวนี้แล้วกัน ข้าไม่อยากจะทำให้ชาวเมืองเยี่ยนหยางผิดหวัง”
อวิ๋นหว่านชิ่นส่งสายตาไปให้เว่ยเสียวเถี่ย
เว่ยเสียวเถี่ยรู้ความ จึงกุมหัวตัวเองแล้วออกไป
ความเงียบสงบกลับคืนสู่ตำหนักอีกครั้ง บัดนี้สายตาอันนิ่งสงบของเจี่ยไทเฮาตกมาอยู่ที่อวิ๋นหว่านชิ่น คิดไตร่ตรองชั่วครู่ มองมาที่เจี่ยงฮองเฮา แล้วออกคำสั่ง “ในเมื่อเหล่าทหารที่มีคุณงามความดีต่างมาขออภัยโทษให้เจ้า เช่นนั้นก็ยกเลิกบทลงโทษของราชสำนัก แต่จะไม่ลงโทษเลยก็ไม่ได้ มิฉะนั้นพระชายาองค์อื่นๆ ก็จะเอาเยี่ยงอย่างเจ้าแล้วก็จะยุ่งเหยิงไปหมด ขอสั่งให้เจ้าไปบำเพ็ญเพียรที่อารามฉางชิง กักบริเวณอยู่ที่นั่นแล้วทบทวนตัวเอง ข้าจะต้องดัดนิสัยของเจ้าเสียหน่อย”
ถูกส่งไปอารามฉางชิงดีกว่าไปพระราชวังแล้วก็ดีกว่าถูกโบยเป็นไหนๆ
อวิ๋นหว่านชิ่นรับคำสั่งอย่างว่าง่าย
ทว่าครั้นกล่าวถึงตำหนักซานชิง ซย่าโหวซื่อถิงคุยเรื่องสำคัญกับรัชทายาทเรียบร้อย ก่อนจะเดินออกจากตำหนัก
รัชทายาทได้ยินมาว่าอวิ๋นหว่านชิ่นถูกเรียกตัวไปที่ตำหนักนั่น พอรู้อยู่ว่าฉินอ๋องกังวลใจจึงไม่รั้งไว้นาน คุยธุระเสร็จ ก็แยกย้ายจากกัน
ซือเหยาอันมาตรงหน้าองค์ชายสามแล้วบอกเล่าคำตัดสินของเจี่ยไทเฮา ณ ตำหนักซือฝา หลังจากพูดจบ สีหน้าขององค์ชายสามก็เปลี่ยนไป คิ้วก็ผูกกันเป็นโบดังที่คาดไว้ “ไปบำเพ็ญเพียรที่อารามฉางชิง ต้องไปนานเท่าใดกัน”