คนเหล่านั้นที่หลับใหลไม่ได้สติ ในที่สุดก็ฟื้นตื่นขึ้นมา พวกเขากล่าวด้วยความยินดีอย่างที่สุด “สวรรค์โปรด! พวกเรายังมีชีวิตอยู่”
“พวกเรารอดมาได้จริง ๆ”
“ฮ่า ๆ ๆ ดีจริง!”
เฟิงหลิงอวิ๋นมองเด็กหนุ่มผู้ที่ดูสงบนิ่งผู้นั้น เห็นได้ชัดว่าเขาเพิ่งจะผ่านพ้นวัยที่เรียกได้ว่า ‘เติบโตเป็นผู้ใหญ่’ แต่เขากลับมีฝีมือยอดเยี่ยมถึงเพียงนี้
เฟิงหลิงอวิ๋นประสานมือคารวะก่อนจะกล่าวว่า “วันนี้ข้าขอขอบคุณเป็นอย่างมากที่ได้ลงมือช่วยพวกเรา เงื่อนไขสามประการนั้น นายน้อยสามารถกล่าวมาได้ตามที่เห็นสมควร”
มู่เฉียนซี “อืม เงื่อนไขข้อแรก คุ้มกันนำส่งข้าไปให้ถึงเมืองชางอย่างปลอดภัย และถือโอกาสเล่าสถานการณ์ในทางตอนกลางและทางตะวันออกแห่งทวีปเซี่ยโจวให้ข้าฟัง”
นักผจญภัยบางคนเบิกตากว้าง นี่นับเป็นงื่อนไขได้ด้วยหรือ ?
ที่นี่ไม่ใช่พื้นที่อันตรายของเทือกเขาชีชง พวกเขาพานางเดินทางออกจากเทือกเขาชีชงนั้นเป็นเรื่องที่ง่ายดายอย่างมากเรื่องหนึ่ง ไม่ได้ยุ่งยากอะไรเลย
เฟิงหลิงอวิ๋นกล่าว “คุณชาย พวกเรากำลังจะออกจากเทือกเขาชีชงพอดี การพาเจ้าออกไปก็เป็นเรื่องบังเอิญเท่านั้น จะไม่นับว่าเป็นเงื่อนไขก็ได้”
“ถึงจะไม่ควรถือว่าเป็นเงื่อนไขโดยชอบ แต่ข้าบอกนับก็คือนับ อย่างไรเสียก็ยังมีเงื่อนไขอีกสองข้อไม่ใช่หรืออย่างไร ?” มู่เฉียนซีกล่าวอย่างใจเย็น
ทุกคนล้วนยิ้มเจื่อน ๆ แม้ว่าจะมีเงื่อนไขอีกสองข้อ แต่ทำเช่นนี้มันสิ้นเปลืองเกินไป นี่คือความต้องการของกลุ่มนักผจญภัยหลิงอวิ๋น
หลังจากพักผ่อนทั้งคืน มู่เฉียนซีและกลุ่มนักผจญภัยหลิงอวิ๋นรีบเร่งมุ่งหน้าไปยังเมืองชางเฟิงของแคว้นชางที่อยู่ใกล้กับเทือกเขาชีชงมากที่สุด มู่เฉียนซีเองก็ได้ข่าวมาบ้างว่ากลุ่มนักผจญภัยหลิงอวิ๋นเป็นกลุ่มนักผจญภัยที่ใหญ่ที่สุดเป็นอันดับหนึ่งในสามกลุ่มใหญ่ของเมืองชางเฟิง
กลุ่มนักผจญภัยนี้ไม่ใช่กลุ่มนักผจญภัยกระจ้อยร่อยอย่างกลุ่มหลางเทียนที่ชอบสร้างปัญหาเล็ก ๆ น้อย ๆ ไปทั่ว พวกเขามีระเบียบวินัยและข้อปฏิบัติที่ชัดเจนกว่ามาก รวมถึงถือว่าเป็นผู้ยิ่งใหญ่ในหนึ่งแดน และยังมีนักรบระดับจักรพรรดิร่วมกลุ่มอยู่ด้วยไม่น้อยเลย
เฟิงหลิงอวิ๋นรู้สึกประหลาดใจ พรสวรรค์ของคุณชายน้อยผู้นี้ไม่ธรรมดา เขาดูไม่เหมือนคนจากทางตะวันตกและไม่ค่อยรู้จักทางตอนกลางกับทางตะวันออก
แต่หากว่าเขาไม่ได้มาจากทางตะวันตก เขาตกลงมาจากฟากฟ้าหรืออย่างไร ?
ทางตะวันตกสามารถฝึกฝนให้มีอัจฉริยะเช่นนี้ได้ตั้งแต่เมื่อไรกัน ? เฟิงหลิงอวิ๋นประหลาดใจอย่างมาก
กลุ่มนักผจญภัยของพวกเขากระจายอยู่ทั่วทุกสถานที่ และช่องทางการส่งข่าวสารของพวกเขานั้นก็กว้างมาก
ในทางตอนกลางและทางตะวันออกของทวีปเซี่ยโจวมีทั้งหมดหกแคว้น คือแคว้นเฉียนเซี่ย แคว้นชาง แคว้นอิ๋นเหยียน แคว้นซูรื่อ แคว้นหนานฉู่ และแคว้นหนานเถิง
หกแคว้นนี้เคารพนับถือแคว้นเฉียนเซี่ยเพราะแคว้นเฉียนเซี่ยเป็นหนึ่งในแคว้นที่แข็งแกร่งที่สุด
แม้ว่าแคว้นเฉียนเซี่ยจะแข็งแกร่ง แต่ก็ไม่สามารถทําอะไรสำนักอวิ๋นเยียนแห่งสํานักนิกายระดับหนึ่ง หนึ่งเดียวในทวีปเซี่ยโจวได้ สํานักอวิ๋นเยียนแห่งสํานักนิกายระดับหนึ่งคือขุมกําลังที่แข็งแกร่งที่สุดที่ตั้งอยู่ในทวีปเซี่ยโจว
ข่าวต่าง ๆ ในหกแคว้นใหญ่คุกรุ่นไปทั่ว แต่ทว่าที่ดึงดูดความสนใจของทั้งหกแคว้นมากที่สุดคงไม่พ้นความยิ่งใหญ่ของคุณหนูรองแห่งสํานักอวิ๋นเยียน
เมื่อกล่าวมาถึงตรงนี้ นักผจญภัยที่อยู่ข้าง ๆ ก็กล่าวขึ้นว่า “ข้าคิดว่าเรื่องนี้มีส่วนที่ไม่เป็นความจริงมากเกินไป สตรีผู้นั้นไม่มีทางแข็งแกร่งได้อย่างที่ผู้คนลือกัน”
“ใช่แล้ว ต้องเป็นผู้อาวุโสระดับจักรพรรดิของสํานักอวิ๋นเยียนแน่นอนที่เป็นคนทํา”
มุมปากของมู่เฉียนซีกระตุกเล็กน้อย อาศัยอยู่ในเทือกเขาชีชงเพื่อตัดขาดจากทางตะวันตกกับตะวันออก และปิดกั้นการแพร่กระจายของข่าวสาร คุณหนูผู้นั้นคุยโวโอ้อวดเกี่ยวกับตนเองโดยเอาคุณงามความดีเข้าตัว นางช่างไม่ละอายเลยเสียจริง
มู่เฉียนซีกล่าวถามขึ้น “ช่วงนี้ทางตอนกลางและตะวันออกพบยอดฝีมือที่ไม่ได้มาจากทวีปเซี่ยโจวบ้างหรือไม่ ?”
เฟิงหลิงอวิ๋นรู้สึกประหลาดใจอย่างมาก “โอ้! ข้าไม่คิดว่าคุณชายจะรู้เรื่องนอกทวีปเซี่ยโจว ค่ายกลส่งผ่านระยะทางของทวีปเซี่ยโจวของเรานั้นได้ถูกทําลายไปหลายพันปีแล้ว คนของทวีปเซี่ยโจวของพวกเราต้องการจะออกไป ขณะที่คนข้างนอกก็ต้องการจะเข้ามา พวกเขาจำเป็นต้องมีอาวุธวิญญาณ หรือไม่ก็ต้องมีความแข็งแกร่งระดับจักรพรรดิ มิเช่นนั้นจะต้องตายในมหาสมุทรที่ไม่มีที่สิ้นสุดโดยรอบเป็นแน่แท้”
กลุ่มที่สามของหุบเขาหมอเทวดายังไม่ปรากฏตัว แต่มู่เฉียนซีรู้สึกได้ว่าพวกเขาจะต้องปรากฏตัวออกมาอย่างแน่นอน ด้วยเพราะหม้อเทพนิรันดร์อยู่ในทวีปเซี่ยโจว มู่เฉียนซีได้รับข้อมูลมากมายตลอดทาง โชคดีที่นางและพวกกลุ่มนักผจญภัยหลิงอวิ๋นออกมาจากเทือกเขาชีชงได้อย่างราบรื่น
เฟิงหลิงอวิ๋นยิ้ม กล่าวว่า “เอาล่ะ เราเข้าเมืองได้แล้ว”
ในเวลานั้นเอง เสียงร้องด้วยความตกใจดังขึ้น “บัดซบ! เฟิงหลิงอวิ๋น พวกเจ้ารอดชีวิตออกมาได้!”
เฟิงหลิงอวิ๋นมองชายร่างเตี้ยในชุดดําตรงหน้าด้วยสายตาดุดันราวพญาเหยี่ยวก่อนจะกล่าวว่า “เฮยฉี เจ้าคิดจริง ๆ หรือว่าเจ้าส่งผู้เชี่ยวชาญเรื่องพิษมาลอบสังหารพวกข้าแล้วพวกข้าทั้งหมดจะตายในเทือกเขาชีชง ? เจ้าไร้เดียงสาเกินไป เจ้าควรที่จะซ่อนผู้เชี่ยวชาญเรื่องพิษจากกลุ่มนักผจญภัยเฮยฉีของเจ้าให้ดี มิเช่นนั้นข้าจะหั่นมันให้เป็นชิ้น ๆ”
“เป็นไปไม่ได้!”
เฟิงหลิงอวิ๋นไม่เป็นไร และไม่มีใครในกลุ่มของพวกเขาเป็นอะไร
เฮยฉีเป็นบุรุษตัวเล็ก ๆ และยังเป็นผู้ที่มีจิตใจลึกล้ำ ไม่นานเขาก็สังเกตเห็นเด็กหนุ่มสองคนที่ติดตามหลิงอวิ๋นมา พวกเขาสองคนดูเป็นคนไม่คุ้นหน้าที่ปนมากับกลุ่มนักผจญภัยหลิงอวิ๋น
กลุ่มนักผจญภัยหลิงอวิ๋นไม่มีทางมีคนสองคนที่รูปงามเช่นนี้อยู่ หรือว่าที่พวกเขารอดพ้นจากพิษจะเกี่ยวข้องกับสองคนนี้
มู่เฉียนซีรู้สึกได้ถึงสายตาที่จับจ้องมองมาที่นางราวกับอสรพิษ นางขมวดคิ้วเล็กน้อย เหลือบมองเฮยฉีด้วยสายตาเย็นชา
ใบหน้าของเฮยฉีแสดงออกถึงความตกตะลึง เด็กหนุ่มที่ดูเหมือนเพิ่งจะอายุประมาณสิบหกกลับมีสายตาดุดันไม่กลัวเกรงได้เช่นนี้…
เฮยฉีไม่ยอมแพ้ เขากล่าวเสียงดุดัน “หลิงอวิ๋น อย่าได้ว่าพวกเจ้ารอดพ้นจากหายนะครั้งนี้ไปได้แล้วจะไม่เป็นไร หลิงอวิ๋นของพวกเจ้าจะถูกลิขิตให้หายไปในเมืองชางนี้”
เฮยฉีพาคนออกไป เวลาเดียวกันเฟิงหลิงอวิ๋นกล่าวขึ้น “คุณชาย นี่เป็นครั้งแรกที่พวกเจ้ามาที่เมืองชาง พวกข้าจะดูแลตอนรับเจ้าอย่างดี”
มู่เฉียนซีก็ไม่ได้เกรงใจ นางกล่าว “เช่นนั้นก็ต้องรบกวนพวกเจ้าแล้ว เรียกข้าว่ามู่ซีเถอะ”
……
เมื่อคุณหนูใหญ่อวิ๋นอี๋กลับมาที่เมืองชาง นางก็ออกคําสั่งทันที “เฝ้าประตูเมืองไว้ หากสองคนนั้นเข้ามาในเมืองชาง จงจับตัวมาให้ข้า”
ที่เทือกเขาชีชงก็ยังไม่อาจทำให้นางนั้นอับจนหนทางได้ เมื่อมาถึงที่ของนางเช่นนี้ นางนั้นจะอับจนหนทางได้หรือ ?
ไม่มีทาง!
ไม่นานก็มีคนมาส่งข่าวคราว “คุณหนูใหญ่ขอรับ พวกเขาเข้าเมืองมาแล้ว ตอนนี้พวกเขาอยู่ในกลุ่มนักผจญภัยหลิงอวิ๋น เกรงว่ามิอาจแตะต้องได้ง่าย ๆ ขอรับ”
“มิอาจแตะต้องได้ง่าย ๆ รึ เจ้าหมายความว่าอย่างไร ?”
เพียงแค่กลุ่มนักผจญภัยกลุ่มหนึ่งเท่านั้น เฟิงหลิงอวิ๋นก็ทําให้ท่านพ่อโกรธกริ้วแล้ว หรือว่าเขาจะยังล่วงเกินข้าเพื่อปกปิดการมีอยู่ของเจ้าเด็กสองคน ตามคนมาแล้วไปกับข้า ไปเอาตัวพวกเขามา”
อวิ๋นอี๋พาคนไปพบกลุ่มนักผจญภัยหลิงอวิ๋น
นางทำท่าทางโหดร้าย แววตาดุดันฉายชัด
“ท่านผู้นำขอรับ คุณหนูใหญ่อวิ๋นมาแล้ว นางต้องการคนจากพวกเรา นางต้องการเด็กหนุ่มสองคนนั้นขอรับ”
เฟิงหลิงอวิ๋นกล่าวอย่างเย็นชาว่า “มู่ซีเป็นแขกคนสําคัญของพวกเรากลุ่มนักผจญภัยหลิงอวิ๋น แม้ว่าคุณหนูใหญ่อวิ๋นอี๋จะต้องการใคร พวกเราก็ไม่สามารถส่งตัวพวกเขาให้ได้”
— ปัง! —
ทว่าเวลานี้ คุณหนูใหญ่อวิ๋นได้นําคนเข้ามาแล้ว นางเห็นเด็กหนุ่มนัยน์ตาเขียวผู้งดงามตรงหน้า ใบหน้าที่เดิมทีนางเคยมองว่างดงาม บัดนี้นางมองว่าน่าสะอิดสะเอียน
“เหอะ! เป็นเจ้าจริง ๆ เวลานี้เจ้าหนีไม่พ้นแล้ว”
มู่เฉียนซีเลิกคิ้ว “หนีรึ ? เหตุใดข้าต้องหนี ? หรือว่าในเมืองชางนี้ เจ้าคิดจะใช้อำนาจฆ่าคน ?”
“ในเมืองชางนี้ถึงแม้ข้าจะฆ่าคน ก็ไม่มีใครมายุ่งเรื่องของข้าได้”
“เจ้าเป็นเจ้าเมืองชางรึ ?”
“เจ้าเมืองไม่เกี่ยว ข้าป็นคุณหนูใหญ่ของสํานักนอกของสํานักอวิ๋นเยียน สํานักอวิ๋นเยียนแห่งสํานักนิกายระดับหนึ่งเพียงหนึ่งเดียวในเซี่ยโจว เจ้าอย่าบอกข้าว่าเจ้าไม่เคยได้ยินมาก่อน” อวิ๋นอี๋เงยหน้ากล่าวอย่างหยิ่งยโส
ในทวีปเซี่ยโจว หากเกี่ยวข้องกับอวิ๋นเยียนของสํานักนิกายระดับหนึ่ง อวิ๋นอี๋แสนมั่นใจว่าไม่ว่าผู้ใดก็ไม่สามารถล่วงเกินได้
แม้แต่สํานักนอกอย่างสํานักนิกายครึ่งระดับก็ไม่กล้าล่วงเกิน
.