บทที่ 111 นอนไม่เต็มอิ่ม

บุหลันเคียงรัก

แผลใหญ่ที่หลังของกู่ถิงทำให้จื่อซีเริ่มน้ำตาตกอีกครั้ง เสวียนอี่ยืนอยู่อีกด้าน นางอดกลั้นความเจ็บปวดที่มือแล้วเล่นแขนเสื้อไป บ้างก็มองจื่อซี บ้างก็มองเหยียนสยาที่กำลังเช็ดน้ำตาเงียบๆ แล้วก็ได้แต่เงียบต่อไป

 

 

“เป็นเพราะฟูหลัวหรือ” จื่อซีใช้ผ้าเช็ดน้ำตาบนใบหน้าแล้วถามเสียงเบา

 

 

เหยียนสยาพยักหน้ารับเงียบๆ “ศิษย์พี่หญิงจื่อซีก็รู้เรื่องแล้ว…”

 

 

จื่อซีถอนหายใจ นางเองก็รู้เพราะงานรวมตัวเล็กๆ ของศิษย์ร่วมสำนักครั้งหนึ่ง นางบังเอิญไปได้ยินกู่ถิงเมาสุราแล้วเอ่ยชื่อของฟูหลัวออกมา ถึงได้รู้ว่าพวกเขาทั้งสองยังติดต่อกันอยู่ และเพราะเรื่องนี้ นางยังไปหาฟูหลัวที่หน่วยปิ่งอู่โดยเฉพาะด้วย แต่เพราะประโยคเดียวของฟูหลัวทำเอานางพูดไม่ออก

 

 

‘เขามีความสุข ข้ามีความสุข แล้วเกี่ยวอะไรกับท่าน’  

 

 

ใช่สิ กู่ถิงยอมเองอย่างเต็มใจ ฟูหลัวเองก็มีความสุข พฤติกรรมของนางดูแล้วราวกับพวกชอบยุ่งเรื่องคนอื่นจริงๆ นางมักจะไม่ชอบใจเหล่าเทพที่เสเพลไปทั่ว และคิดเอาเองว่าวันหลังนางจะต้องหาคนรู้ใจที่เพียงหนึ่งเดียวไม่มีสอง ตอนนี้คิดแล้ว นางช่างเป็นคนโง่งมที่สุดอย่างแท้จริง

 

 

แต่ก่อนเป็นฝูชาง ตอนนี้คือ…

 

 

นางพยายามสุดความสามารถไม่ให้ตัวเองคิดถึงชื่อนั้น นางลุกขึ้นแล้วกล่าวว่า “ข้าควรกลับแล้ว ศิษย์น้องเหยียนสยา ดูแลศิษย์น้องกู่ถิงให้ดีๆ ”

 

 

เดินออกไปจากเรือนหลักช้าๆ มองไปยังต้นอู๋ถงพฤกษาเพลิงที่เป็นสีทองและเขียวสลับกันเต็มไปหมด ภาพที่นางเห็นก่อนหน้านี้ทำให้ใจนางแทบจะสลาย ภาพแต่ละภาพแวบผ่านเข้ามา จื่อซีรู้สึกร่างทั้งร่างหนักอึ้งขึ้นมาหลายเท่า เสวียนอี่ดึงนางไว้แล้วกล่าวเสียงนุ่มว่า “ศิษย์พี่หญิง ท่านอยู่สักคืนดีไหม อยู่ที่เรือนไป๋จย่าของข้า”

 

 

จื่อซีมีสีหน้าซับซ้อน นางหยุดไปครู่หนึ่งแล้วฝืนยิ้มออกมา “ข้าต้องกลับไปแล้ว หน่วยอู้เฉินยุ่งมาก ครั้งหน้าแล้วกัน”

 

 

เสวียนอี่ไปส่งนางที่ประตูตำหนักด้วยความเสียดาย นางโบกมือพลางมองส่งนางจากไปไกล วันนี้จื่อซีดูแปลกไป หรือว่าหน่วยอู้เฉินที่นางใฝ่ฝันจะทำให้นางผิดหวัง หรือเพราะตกใจเรื่องอาการบาดเจ็บของกู่ถิง

 

 

นางกลับมาถึงเรือนไป๋จย่า หายากนักที่วันนี้เทพีรับใช้ไม่ออกไปเล่นด้านนอก ครั้นเห็นนางมาก็ยิ้มแล้วเข้ามาต้อนรับ “องค์หญิง มหาเทพชิงหยวนเพิ่งจะให้เทพขุนนางส่งชุดนักรบมาสองชุด องค์หญิงอยากลองดูไหมเจ้าคะ”

 

 

เสวียนอี่มองไปยังตั่งที่อยู่นอกตำหนักผาดหนึ่ง บนนั้นมีชุดนักรบสองชุด หนึ่งขาวหนึ่งเขียววางไว้ ควรจะลองดู แต่มือขวาของนางเจ็บแทบตายแล้วจริงๆ วันนี้โหดเหี้ยมกับตัวเองเกินไปแล้ว นางจึงส่ายหน้าทันที “พรุ่งนี้แล้วกัน ข้าง่วงแล้ว ไม่อยากทานอาหาร”

 

 

นางเข้าไปในห้องนอน ปลดม่านกั้นเตียงลงมาแล้วโถมตัวลงบนเตียง มือขวาเจ็บกว่าหลายวันก่อนหลายสิบเท่า เจ็บจนนางเริ่มปวดหัวแล้ว นางใกล้จะหลับก็มักจะเจ็บจนตื่นตลอด พลิกตัวไปมากระทั่งฟ้าสางอาการปวดถึงได้ดีขึ้นเล็กน้อย และนอนหลับลึกไป

 

 

ไม่รู้หลับไปนานเท่าไหร่ ระหว่างหลับเกิดพลิกตัวไปทับแขนขวาเข้า เจ็บเสียจนเสวียนอี่สะดุ้งตกใจตื่นขึ้นมา

 

 

ม่านเตียงถูกเลิกออก มือหนึ่งประคองไหล่นางไว้เบาๆ เสียงทุ้มต่ำของฝูชางดังขึ้นข้างหู “ตื่นแล้วหรือ”

 

 

เสวียนอี่ตกใจจนเกือบกระเด้งตัวขึ้นมา นางพลิกตัวหันมาจ้องเขาทันที “…พิธีรีตองของตระกูลหวาซวีท่านเล่า”

 

 

ฝูชางเริ่มรู้สึกตามความคิดนอกกรอบของนางไม่ทัน “อะไร”

 

 

“เข้ามาในห้องนอนเทพธิดาอย่างนี้ เป็นมารยาทข้อไหนกัน”

 

 

ฝูชางนิ่งไปนานแล้วนั่งลงบนเตียงพลางกล่าวเสียงเรียบว่า “ในเมื่อตื่นแล้ว ก็เตรียมไปฝึกกระบี่”

 

 

เดิมทีเขายังมาเร็วอย่างนี้ไม่ได้ เรื่องการฆ่าราชาซุ่ยหู่ยังมีอีกหลายเรื่องที่ยังหารือไม่เสร็จ ทั้งการจัดวางนักรบ การวางกลยุทธ์รบล้วนต้องเตรียมการอย่างละเอียดทั้งนั้น ใครจะรู้ว่าเมื่อวานจักรพรรดิสวรรค์มีพระบัญชาลงมากะทันหัน เรียกรวมมหาเทพแดนเทพทั้งหมด รวมไปถึงเหล่ามหาเทพที่อยู่เหนือสวรรค์ชั้นสามสิบสามด้วย ไม่รู้ว่าพวกเขาไปปรึกษาเรื่องอะไรกันที่วังสวรรค์ แผนการฆ่าราชาซุ่ยหู่เองจึงได้แต่ต้องพักไว้ก่อน

 

 

 

 

ไม่ได้เจอองค์หญิงมังกรมาหลายวัน วันนี้เขาตั้งใจมาแต่เช้า ใครจะรู้ว่ารอจนถึงยามเฉิน[1]นางก็ยังไม่ลุก เขาจึงเดินเข้ามาดูด้านใน ได้ยินเสียงหายใจลึกดังมาจากในม่านก็รู้ว่านางกำลังหลับสบาย จึงไม่ไปปลุกนาง

 

 

เสวียนอี่เจ็บมือมาก จึงไม่สามารถแสดงท่าทีกระตือรือร้นต่อการเรียนได้ จึงได้แต่หดตัวกลับเข้าไปในผ้าห่ม “วันนี้ข้าไม่อยากฝึก”

 

 

ฝูชางมองผมยาวสยายบนหมอนของนางแล้วกล่าวเสียงเบา “ถ้าอย่างนั้นภารกิจวันนี้คือนอนทั้งวัน?”

 

 

นางพลิกตัวทันที กล่าวด้วยน้ำตานองหน้าอย่างสมจริง “…ข้าไม่อยากฝึกจริงๆ ” แต่นางอยากกินข้าว

 

 

ฝูชางสนใจนางที่ไหน เขาหิ้วหลังคอเสื้อนางแล้วลากออกมาจากผ้าห่ม “ลุกขึ้นมา”

 

 

เสวียนอี่ดิ้นรนพัลวัน มือขวากระแทกถูกฉุนจวินที่เอวเขา นางเจ็บจนสุดหายใจเฮือก กุมแล้วนิ่งไม่ขยับไปนาน

 

 

“เป็นอะไร” ฝูชางจับแขนนางขึ้นมา แล้วตรวจดูมือขวาอย่างละเอียด บนนั้นไม่มีแม้แต่รอยแผล เขาใช้ปลายนิ้วบีบกระดูกมือนางเบาๆ ก็ไม่มีอะไรเสียหาย

 

 

“อย่าแตะข้า” เสวียนอี่ออกแรงดิ้น แล้วใช้ผ้าห่มคลุมหัวไว้ “วันนี้ข้าไม่อยากเรียน ท่านค่อยมาใหม่พรุ่งนี้เถอะ”

 

 

หากเป็นเช่นนี้ต่อไป ให้เวลาอีกหมื่นปีนางก็คงเรียนกระบี่ไม่ได้ดีแน่ แต่หากถามใจจริงของเขาแล้ว จริงๆ ก็ไม่ได้อยากให้นางต้องใช้มือคู่นี้จับกระบี่ต่อสู้เลย ดังนั้นเขาจึงยอมโอนอ่อนให้นางแต่แรก เรียนกระบี่ไม่ได้ดีก็ไม่เป็นไร

 

 

ฝูชางถอนหายใจ ฝ่ามือกุมเรือนผมที่แผ่สยายของนาง “เช่นนั้นก็นอนต่อเถอะ”

 

 

ผ้าห่มถูกแง้มออก ดวงตาสีดำสนิทของนางจ้องมาที่เขาอย่างระแวง “หากข้าหิวยังจะมีอะไรกินหรือไม่”

 

 

แววตาของฝูชางปรากฏรอยยิ้มขึ้นมา เขาไม่ตอบ แต่ใช้มือข้างหนึ่งประคองแก้มนางไว้แล้วปัดผมเผ้ายุ่งเหยิงบนหน้าออกให้นาง เสวียนอี่ดันมือนี้ออกไปช้าๆ ทว่ามั่นคง จากนั้นข้อมือก็ถูกยัดกลับไปในผ้าห่ม มือนั้นวางอยู่บนศีรษะของนางอีกครั้งแล้วลูบไปสองที “นอนเถอะ”

 

 

ไอบริสุทธิ์สะอาดปกคลุมเต็มห้อง นางอยากจะดิ้นรนแต่กลับดิ้นไม่หลุด จะต้องเป็นเพราะมือขวาเจ็บเกินไปแน่ๆ

 

 

เสวียนอี่หลับตาปี๋ มือของเขายังคงอยู่บนศีรษะนาง บ้างก็ลูบราวกับกำลังลูบแมว เขาคิดว่านางเป็นราชสีห์โง่งมตัวนั้นหรือ นางพลิกตัวหลบฝ่ามือเขา แต่ไม่นานเขาก็ตามมาอีกแล้วจัดการให้นางอยู่ในฝ่ามืออีกครั้ง

 

 

แขนเสื้อยาวของเขาตกลงมาตรงหน้า ลายเมฆปักด้วยด้ายสีเงินงามเรียบหรู เสวียนอี่จ้องอยู่นาน พลันรู้สึกได้ว่านิ้วมือของเขากำลังไล้วนอยู่บนใบหน้า สัมผัสเปลือกตาที่สั่นระริกของนาง เขากระซิบ “ไม่นอนหรือ”

 

 

เสวียนอี่หดตัวลงอยากจะหนีจากมือของเขา เขากลับจับศีรษะนางหันกลับมาเบาๆ นางแลดูอ่อนเพลียเหมือนยังนอนไม่เต็มอิ่ม ใบหน้าแดงก่ำ ผิวที่ปลายนิ้วสัมผัสถูกเริ่มร้อนขึ้นมา นางหลับตาลง ขนตาสั่นระริกอยู่ตลอด

 

 

ฝูชางโน้มตัวลงไปจุมพิตกลีบปากนางเบาๆ อย่างห้ามใจไม่อยู่ ริมฝีปากสัมผัสกัน นางตกใจจนกระถดตัวไปด้านหลังอย่างรวดเร็ว เขากลับกางแขนออกแล้วกอดนางเอาไว้ ทั้งยังกดศีรษะนางซบกับร่างตน ก่อนจะจูบไล่ไปตามสันกรามลงไปถึงข้างริมฝีปาก แล้วจุมพิตลงไปยังริมฝีปากบนเป็นกระจับที่สั่นเทาน้อยๆ นั้นของนางครั้งหนึ่ง

 

 

“ไม่นอนก็ไม่นอน” มืออีกข้างของเขาเชยคางนางขึ้น เขาใช้นิ้วหัวแม่มือลูบไล้ไปบนริมฝีปากล่างเบาๆ เขาแยกกลีบปากอิ่มและนุ่มนวลนั่นออกจากกัน แล้วก้มหน้าประทับจูบลงไปอีกครั้ง แต่ครั้งนี้กลับดุดันกว่าเดิม เขาไม่ยอมให้นางต่อต้านได้และสำรวจตรวจตราไปทุกที่ที่นางจะหลบได้

 

 

ไม่ว่านางจะหลบอย่างไรก็ไม่พ้น สุดท้ายปลายลิ้นของนางก็ถูกจับไว้ได้ มันเกี่ยวกระหวัดพัวพันกัน และดูดดุนกันอย่างลึกซึ้ง นี่เป็นครั้งแรกที่เขาจูบอย่างดูดดื่มและรุนแรงขนาดนี้ นางถูกความเจ็บปวดจากมือขวาทำให้ได้สติขึ้นมาหลายต่อหลายครั้ง แต่ก็ถูกเขากดลงไปและจมดิ่งลงไปครั้งแล้วครั้งเล่า นางลองผลักเขาออก ทว่าข้อมือกลับถูกเขากดไว้ที่เตียง นิ้วทั้งสิบประสานกัน เขาใช้ปลายนิ้วลูบไล้ไปตามผิวอ่อนนุ่มที่สุดระหว่างนิ้วของนาง

 

 

ไม่รู้ว่าเพราะจั๊กจี้หรือเจ็บปวด เสวียนอี่บรรยายความรู้สึกในตอนนี้ของนางไม่ออกเลยจริงๆ ว่านางรู้สึกอย่างไร แต่ก็ยังอดยินดีไม่ได้ที่ความเจ็บที่มือทำให้นางได้สติอยู่ตลอด กระนั้นก็นึกแค้นใจความเจ็บปวดนี้ที่ทำให้นางไม่สามารถจมดิ่งลงไปได้

 

 

นางรู้สึกว่าตนเองกำลังสั่น มือที่กดหลังศีรษะนางอยู่ลดต่ำลงไป ชำแรกผ่านเรือนผมยาวไปประคองที่หลังคอของนาง ก่อนจะปลดปกเสื้อออก นิ้วหัวแม่มือวาดผ่านกระดูกไหปลาร้าของนางไป ฝูชางเลียริมฝีปากที่อ้าออกน้อยๆ หอบหายใจของนางครั้งหนึ่ง แล้วค่อยเปลี่ยนทิศลากต่ำลงไป จุมพิตลงบนลำคอที่ร้อนรุ่มและแดงก่ำของนาง

 

 

 

 

 

 

[1]ยามเฉิน ช่วงเวลาตั้งแต่ 07.00 น. จนถึง 08.59 น.