ตอนที่ 230 ตั้งแต่นี้ไป เธอเป็นแฟนฉันแล้ว (2) / ตอนที่ 231 ตั้งแต่นี้ไป เธอเป็นแฟนฉันแล้ว (3)

ยัยจอมกวนป่วนหัวใจนายไอดอล

ตอนที่ 230 ตั้งแต่นี้ไป เธอเป็นแฟนฉันแล้ว (2)  

 

 

“ฉันไม่ควรไปเล่นกับศักดิ์ศรีของนาย ไปจี้จุด แล้วก็ทำให้นายขายหน้าต่อหน้าคนเยอะขนาดนั้น…” อันซย่าซย่าสาธยายมาทีละข้อและขอร้องด้วยน้ำเสียงน่าเวทนา “ฉันผิดเองและฉันขอโทษ ยกโทษให้ฉันได้ไหม” 

 

 

สีหน้าของเซิ่งอี่เจ๋อเคร่งขรึมขึ้นเรื่อยๆ หลังจากที่ฟังเธอพูด ยัยคนนี้พูดถึงเรื่องอะไรอยู่กันแน่ 

 

 

แล้วหมายความว่ายังไงเรื่องศักดิ์ศรีกับพูดจี้จุดเขา เธอเห็นเขาเป็นคนชอบโอ้อวดงั้นหรือ! 

 

 

“มีอย่างอื่นอีกไหม” ชายหนุ่มถามด้วยสีหน้าเรียบๆ 

 

 

“หา? ยังมีอีกเหรอ” อันซย่าซย่างงเป็นไก่ตาแตก เธอนับนิ้วมือตัวเองดูพลางพยายามนึกถึงเรื่องอื่นๆ แต่ก็นึกไม่ออกอีกแล้ว 

 

 

เธอจึงถามออกมา “เออ… คุณชายอี่เจ๋อ โปรดบอกฉันทีว่าฉันทำอะไรผิดอีกด้วยค่ะ…” 

 

 

เซิ่งอี่เจ๋อหันมองเธอด้วยสีหน้าฉุนเฉียวพร้อมทั้งเชิดหน้าใส่ “เธอไม่ควรไปคุยกับฉีเหยียนซี ไปขอให้เขาลงแข่งบาสเกตบอลยิ่งแล้วเลย! เธอเคยนึกถึงความรู้สึกของฉันสักครั้งบ้างไหม” 

 

 

“คิดสิ” อันซย่าซย่าพยักหน้าพลางถามคำถามในใจ “งั้นตอนนี้ฉันก็คุยกับเขาไม่ได้แล้วงั้นเหรอ” 

 

 

“จากนี้ก็อย่าไปคุยกับเขา” เซิ่งอี่เจ๋อตอบปากไม่ตรงกับใจ ชายหนุ่มดูเหมือนพระราชามากยิ่งตอนเขาทำตัวเย็นชา นั่งไขว่ห้างและสร้างบรรยากาศน่ากลัวแบบนั้น 

 

 

“ก็ได้…” อันซย่าซย่ารับคำก่อนจะถามอย่างกระตือรือร้น “แต่ไหนๆ เขาก็จะแข่งแล้ว นายก็ไม่ต้อง…” 

 

 

เซิ่งอี่เจ๋อหน้าบึ้งพร้อมพูดอย่างไม่ชอบใจ “อันซย่าซย่า เธอชอบีเหยียนซีขนาดนั้นเลยเหรอ เธอปลื้มเขาสุดๆ เพราะเล่นบาสเกตบอลเก่งงั้นเหรอ เฮอะ แล้วนี่ฉันต้องแสดงความยินดีให้กับรักนิจนิรันดร์ครั้งนี้ของเธอด้วยไหม” 

 

 

อันซย่าซย่าตกใจกลัวที่ชายหนุ่มระเบิดความโกรธออกมา เธอรีบถอยหลังกลับมามุมของตัวเองอีกครั้ง 

 

 

ฮึก... เธอไม่ได้หมายความแบบนั้นสักหน่อย 

 

 

คนขับรถวัยกลางคนถึงกับปวดหัว พระเจ้า ทำไมคนายน้อยถึงได้โง่ขนาดนี้นะ! 

 

 

คนเราควรปฏิบัติต่อผู้หญิงด้วยความอ่อนโยน คุณหนูอันยังชอบนายน้อยต่อได้ยังไงกันในเมื่อเขาทั้งหน้าบึ้งและอารมณ์เสียง่ายตลอดเวลาเช่นนี้ 

 

 

เขาเปิดเพลิงเหมือนปกติตอนขับรถ ปล่อยให้เสียงเปียโนลดความอึดอัดลงบ้าง 

 

 

คนขับรถตัดสินใจช่วยเซิ่งอี่เจ๋อด้วยการแสร้งเริ่มบทสนทนากับอันซย่าซย่า “คุณหนูอันครับ ทำไมคุณหนูถึงไม่อยากให้นายน้อยลงแข่งล่ะครับ” 

 

 

อันซย่าซย่าลังเลเล็กน้อย เธอเหลือบมองใบหน้าเฉยเมยของเซิ่งอี่เจ๋อก่อนจะตอบอย่างระมัดระวัง “เขาบาดเจ็บที่ขามาก่อน… หนูกลัวว่าเขาจะบาดเจ็บอีกถ้าลงแข่งค่ะ…” 

 

 

สารถีหัวเราะ “ว้าว คุณหนูอันเป็นห่วงนายน้อยหรอกเหรอครับเนี่ย” 

 

 

อันซย่าซย่าหน้าแดงกับคำพูดนั้นทันที เธอยกมือปิดหน้าตัวเองโดยไม่เอ่ยตอบ 

 

 

สีหน้าของเซิ่งอี่เจ๋อเปลี่ยนไป ดวงตาของเขามองไปยังแก้มแดงๆ ของอันซย่าซย่า 

 

 

ให้ตาย… ยัยซื่อบื้อเป็นห่วงเขางั้นหรือ 

 

 

“ชู่ ฉันสบายดี บาดเจ็บนิดเดียวเอง” 

 

 

“ก็ไม่ได้หมายความว่านายควรจะปล่อยผ่านนะ! อีกอย่างฉันก็ไม่คิดว่านายจะสบายดีขนาดนั้น…” อันซย่าซย่าบ่นพึมพำ 

 

 

เซิ่งอี่เจ๋อยิ้มออกมา “อย่างน้อยฉันก็รู้ — ว่าต้องหายใจระหว่างจูบยังไง” 

 

 

ฟึ่บบบ — 

 

 

แก้มของอันซย่าซย่าแดงกว่าเดิมและเกิดประหม่าขึ้นมาเมื่อนึกถึงจูบที่ผ่านๆ มาของทั้งคู่ 

 

 

“เซิ่งอี่เจ๋อ! ไอ้โรคจิต! ไอ้หมา! ไปไกลๆ เลยนะ!” 

 

 

“เลิกสำคัญตัวเองได้แล้ว ฉันไม่สนใจจะจูบแม่สาวอกแบนอย่างเธอหรอกนะ”  

 

 

“นาย!” อันซย่าซย่าคิดว่าตัวเองจะเป็นลมจากความอับอายและความโกรธแล้ว และเธอสาบานว่าจะไม่พูดกับเขาอีกแล้ว 

 

 

ฮึ่ม! 

 

 

ยามที่หญิงสาวไม่ได้มองมา สีหน้าของเซิ่งอี่เจ๋อก็อ่อนลงและเต็มไปด้วยความรัก 

 

 

อันซย่าซย่า เธอนี่ทั้งซื่อบื้อแต่ก็สมบูรณ์แบบเช่นกัน ฉันจะทำยังไงกับเธอดีนะ  

 

 

 

 

 

 

 

 

ตอนที่ 231 ตั้งแต่นี้ไป เธอเป็นแฟนฉันแล้ว (3)  

 

 

เช้าตรู่วันต่อมา 

 

 

แม้ว่าเรื่องบาดหมางเล็กๆ ระหว่างหญิงสาวกับเซิ่งอี่เจ๋อจะจบไปแล้ว แต่ความอึดอัดก็ยังคงหลงเหลืออยู่บ้าง อันซย่าซย่าเลยตัดสินใจจะขึ้นรถบัสไปโรงเรียน 

 

 

วินาทีที่หญิงสาวเดินออกจากประตู เธอก็ชนเข้ากับร่างสูงที่แข็งแรงซึ่งกำลังยิ้มให้เธอเข้า “อรุณสวัสดิ์ยัยซื่อบื้อซย่า” 

 

 

“อรุณสวัสดิ์…” อันซย่าซย่าตอบ เธอตกตะลึง “ฉีเหยียนซี? นายมาทำอะไรหน้าบ้านของฉันเนี่ย” 

 

 

“คิดว่ายังไงล่ะ ก็เห็นๆ อยู่ว่ามารับเธอไปโรงเรียน” ชายหนุ่มยิ้มอย่างสบายใจ สายตาสบเข้ากับเซิ่งอี่เจ๋อที่ตอนนี้ยืนอยู่หลังอันซย่าซย่า น้ำเสียงของฉีเหยียนซีเย็นชาขึ้นเล็กน้อย “ฉันไม่ใช่ไอดอลระดับชาตินะ ฉันเป็นคนทั่วไปถ้าเทียบกับคนอื่นๆ ฉันนั่งรถบัสไปกับเธอได้ไม่เหมือนเขาหรอก นั่นคงเป็นสิ่งที่ทั้งชีวิตนี้เขาก็ทำไม่ได้ล่ะนะ…” 

 

 

อันซย่าซย่าแค่นหัวเราะเล็กน้อย ชั่วขณะหนึ่งหญิงสาวคิดว่าฉีเหยียนซีนั้นพูดถูก ถ้าเซิ่งอี่เจ๋อเดินขึ้นรถบัสด้วยใบหน้าหล่อเหลานั่นละก็ทุกคนคงจะมองเขาเหมือนเป็นแพนด้าในสวนสัตว์เอา 

 

 

“รู้ไหม… ฉันไปโรงเรียนคนเดียวได้นะฉีเหยียนซี” อันซย่าซย่าพยายามรักษาระยะห่างกับฉีเหยียนซีเพื่อที่จะเลี่ยงให้ท่ากับเขา 

 

 

แต่ฉีเหยียนซีไม่ฟังและเดินตามเธอมาด้วยใบหน้าบึ้งตึง 

 

 

อันซย่าซย่าพูดไม่ออก “หยุดตามฉันมานะ!” 

 

 

“ฉันแค่มาทางเดียวกันแถมจะขึ้นรถบัสคันเดียวกับเธอแค่นั้น นี่ยัยซื่อบื้อซย่า เธอเป็นเจ้าของถนนหรือยังไง เธอเป็นคนขับรถเหรอ ถ้าไม่ใช่แล้วทำไมฉันถึงไปโรงเรียนกับเธอไม่ได้ล่ะ” 

 

 

หากมองข้ามเหตุผลไปเรื่อยของเขา อันซย่าซย่าก็ทำอะไรไม่ได้อยู่ดี เธอกัดฟันและขึ้นรถด้วยความหงุดหงิด 

 

 

ฉีเหยียนซียิ้มเหมือนแมวที่เพิ่งได้นม เขากระโดดขึ้นรถบัสด้วยขายาวๆ อย่างพึงพอใจในขณะที่เสียงทุ้มดังขึ้นจากด้านหลัง “ขอโทษนะ” 

 

 

ทำไมเสียงคุ้นๆ จัง 

 

 

เมื่อหันกลับไป ฉีเหยียนซีถึงกับชะงัก 

 

 

ใครก็ได้ช่วยอธิบายทีว่าทำไมเซิ่งอี่เจ๋อถึงมาอยู่บนรถบัสได้แล้วไหนจะสวมหมวกกับหน้ากากอนามัยอีก 

 

 

เพียงแต่ชายหนุ่มไม่ใช่คนเดียวที่งุนงง อันซย่าซย่าก็ดูงงไม่ต่างกัน กลับกันเซิ่งอี่เจ๋อกลับขึ้นรถมาด้วยกิริยาสงบ 

 

 

บรรยากาศภายในรถบัสแปลกๆ ไปชั่วขณะ 

 

 

ในที่สุดคนขับรถก็ไม่ทน เขากระแอม “เฮ้ ขอตั๋วด้วย หนึ่งหยวนต่อคน!” 

 

 

เซิ่งอี่เจ๋อและฉีเหยียนซีหน้าบึ้งพร้อมๆ กัน เห็นได้ชัดว่าลูกคุณหนูทั้งสองไม่เคยมีใครเคยขึ้นรถบัสมาก่อน 

 

 

เซิ่งอี่เจ๋อหยิบกระเป๋าเงินออกมาและเห็นว่าเขามีเพียงธนบัตรสีชมพูหนึ่งร้อยหยวนอยู่เป็นปึก เขาหยิบเงินออกมาใบหนึ่งหมายจะเสียบใส่ช่องแต่อันซย่าซย่าหยุดเขาเอาไว้ ใบหน้าดูหวาดวิตก “นายจะทำอะไรน่ะ” 

 

 

“ก็ซื้อตั๋วไง” ชายหนุ่มตอบตรงประเด็น 

 

 

อันซย่าซย่าแทบจะเป็นลม “รถบัสเขาไม่ทอนเงินหรอกนะ…” 

 

 

ฉีเหยียนซีไม่อยากถูกเมิน เขาค้นกระเป๋าเงินของตัวเอง หยิบบัตรดำออกมาพร้อมเอ่ยสั่ง “นี่! ใช้บัตรของฉันสิ!” 

 

 

คนขับรถมองหน้าเขาด้วยสีหน้า “นายจะบ้าเหรอ” 

 

 

อันซย่าซย่ามองคนรวยทั้งสองด้วยความรู้สึกหลากหลาย เธอหยิบกระเป๋าเงินของตัวเองออกมาอย่างช่วยไม่ได้ เธอหยิบเงินหนึ่งหยวนสามใบออกมาก่อนจะเสียบลงในช่อง 

 

 

“ไปกันเถอะ ฉันว่าข้างหลังมีที่นั่งว่างอยู่” อันซย่าซย่าชี้ 

 

 

เซิ่งอี่เจ๋อและฉีเหยียนซีมองหน้ากันก่อนจะพ่นลมหายใจออกมาและเดินไปด้านหลังรถ 

 

 

มีที่นั่งว่างก็จริง แต่โชคไม่ดีที่มีเพียงสองที่นั่งเท่านั้น… 

 

 

“ใครจะต้องได้นั่งตรงนี้ล่ะ” ฉีเหยียนซีเบ้ปาก มองไปยังที่นั่งเบาะขาดรุ่งงริ่งด้วยความรังเกียจ 

 

 

พระเจ้า ยัยซื่อบื้อซย่ายังมีชีวิตอยู่จากการขึ้นรถบัสซ่อมซ่อนี้ได้ยังไงกัน 

 

 

เซิ่งอี่เจ๋อเอ่ยด้วยน้ำเสียงปกติ “ก็เห็นๆ อยู่ว่าพวกเราต้องนั่ง ส่วนนายก็ยืน” 

 

 

ฉีเหยียนซีไม่พอใจ “ทำไม! ไม่มีทาง! ฉันจะนั่งส่วนนายต้องยืน!” 

 

 

“เฮอะ… เธอไม่สบาย ส่วนฉันก็ม่แข็งแรง นี่นายจะแย่งที่นั่งพวกเราไปจริงๆ เหรอ” เซิ่งอี่เจ๋อดูจริงจัง 

 

 

ริมฝีปากของฉีเหยียนซีกระตุกรัว ไอ้สารเลวเซิ่งอี่เจ๋อเอ๊ย! นั่นเป็นข้อแก้ตัวที่ไร้ยางอายที่สุดเท่าที่ฉันเคยได้ยินมาเลย!