ตอนที่ 48 ข้อดีและข้อเสีย

ระบบอัจฉริยะที่ไม่มีใครเสมอเหมือน

ฮวาง รั่วหราน จ้องมองไปที่ เสี่ยวหลัว ด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความเกลียดชัง…ทำไมผู้ชายคนนี้จึงต่อต้านฉันเสมอ เขาคิดว่าฉันไม่คู่ควรที่จะเป็นผู้ดูแลในชั้นเรียนหรือไม่? หรือเขาคิดว่าเขามีคุณสมบัติที่จะเข้ารับตำแหน่งนี้มากกว่าฉัน?

ผู้หญิงที่มีความสัมพันธ์ที่ดีกับเธอ ก็วิ่งมาเกลี้ยกล่อมเสี่ยวหลัวอีกแรง

“เทพหลัว ร้องเพลงอีกห้าครั้ง มันใช้เวลาไม่นานหรอก”

“ใช่แล้ว เราจะออกไปจากที่นี่ ภายในยี่สิบนาทีเป็นอย่างมาก!”

“ผู้ดูแล ฮวาง รั่วหราน กำลังทำสิ่งนี้เพื่อผลประโยชน์ของพวกเรา ผลงานของเราจะสะท้อนให้เห็นถึงเกียรติโดยรวมของเรา หากเราทำได้ไม่ดี เราจะดูไม่ดีต่อหน้านักศึกษาจากสาขาวิชาอื่นๆ พวกเขาอาจหัวเราะเยาะเราเอาได้”

การถกเถียงกันอย่างเข้มข้นระหว่าง เสี่ยวหลัว กับ ฮวาง รั่วหราน ที่เป็นผู้ดูแลเอกภาษาอังกฤษนั้น เขาได้รับความเห็นชอบจากเกือบทุกคนในชั้นเรียน และในครั้งนี้เขายังแสดงถึงความคิดของทุกคนที่ไม่ได้พูดมันออกมา ดังนั้นทัศนคติของพวกผู้หญิงเหล่านี้จึงไม่ได้รุนแรงเหมือนเมื่อก่อน

“ประเทศของเรานั้นสนับสนุนให้กลุ่มนักเรียนชั้นแนวหน้ารวมตัวกันเป็นกลุ่ม และรับฟังเสียงของพวกเขา สิ่งนี้ใช้กับกลุ่มห้องเรียนหรือกลุ่มวิชาเอกในมหาวิทยาลัยได้เช่นกัน ฮวาง รั่วหราน เธอเทียบเท่าได้กับนายทหารชั้นนำและเป็นผู้นำของคนหมู่มาก เสียงของผู้คนกำลังบอกว่าเราต้องการที่จะหยุดพัก ฉันบอกได้เลยว่า การที่เธอยืนหยัดในการฝึกฝน นั่นหมายความว่าตอนนี้เธอไม่ฟังเสียงจากผู้คนและไม่ได้เป็นตัวแทนผลประโยชน์ของพวกเขาอีกต่อไป” เสี่ยวหลัว กล่าวอย่างจริงจัง

เชี้ยเอ้ย! เขายกระดับการโต้แย้งขึ้นไปสู่ปัญหาระดับชาติได้อย่างไร พี่หลัวพี่ต้องการที่จะแขวนคอเธอให้ตายทั้งเป็นเลยเหรอ?

จูเสี่ยวเฟยและเติ้งไคมองดูเสี่ยวหลัว ราวกับว่าเขาเป็นคนของพระเจ้า ในใจของพวกเขารู้สึกชื่นชมเสี่ยวหลัว และพวกเขาก็เชื่อว่าวิธีที่เสี่ยวหลัวนำเสนอความคิดและข้อโต้แย้งของเขานั้นถูกต้อง

“อย่ามาแสแสร้ง ทำท่าทางเย่อหยิ่ง แล้วก็หยุดพูดเรื่องไร้สาระได้แล้ว รั่วหราน ต้องการให้เราฝึกฝนการร้องเพลงอีกเพียงเล็กน้อย แต่นายกลับเปลี่ยนไปเป็นข้อโต้แย้งเกี่ยวกับนายทหารชั้นนำที่ละเลยเสียงของผู้คน หยุดการพูดเกินจริงได้แล้ว” ชูเยว่ ตะโกนบอกเขา แม้ว่าเธอจะไม่ได้ใกล้ชิดกับ ฮวาง รั่วหราน มากนักแต่เธอก็ยอมรับในตำแหน่งของ รั่วหราน ในฐานะผู้ดูแลชั้นเรียน

“พูดเกินจริง? หัวหน้ากลุ่มควรรวมตัวกับผู้คนและรับฟังเสียงของพวกเขา นี่คือนโยบายที่ได้รับการสนับสนุนจากรัฐ เธอกำลังบอกว่านี่เป็นการพูดเกินจริงงั้นเหรอ?” เสี่ยวหลัว แกล้งทำเป็นตกใจและประหลาดใจ

ชูเยว่ รู้สึกโกรธเคืองมาก เธอหยิบเอาอมยิ้มออกมาจากปากของเธอแล้วจ้องไปที่เขาเขม็ง “ฉันไม่ได้หมายความอย่างนั้น ฉันหมายความว่านายนั้นพูดเกินจริง เมื่อไหร่กันที่ฉันบอกว่าสิ่งที่รัฐสนับสนุนเป็นการพูดเกินจริง?”

“คำพูดของฉันมันผิดงั้นเหรอ? พวกนายทหารชั้นนำและผู้คนเหล่านั้นเป็นสังคมขนาดใหญ่ ในขณะที่เราเป็นสังคมเล็กๆ อยู่ที่นี่ แต่อะไรคือความแตกต่างระหว่างทั้งสองอย่างนี้? ฮวาง รั่วหราน ไม่ได้พิจารณาถึงความคิดเห็นของเรา เธอขอให้เราทำตามคำสั่งของเธอ และฉันก็ไม่ได้รับอนุญาตให้คัดค้าน? นี่คือมันคือเผด็จการและนี่ก็คือ…”

“หยุดหยุดหยุด! ฉันจะให้เงินนาย!”

ชูเยว่ทำท่าทางให้เขาหยุดพูด เธอทนไม่ได้กับวิธีที่เขาพูด จากนั้นเธอก็หยิบเงินสองร้อยหยวนออกมาจากกระเป๋าของเธอ “สองร้อยหยวน เพื่อซื้อเวลายี่สิบนาทีจากนาย และนายต้องฟัง รั่วหราน เพื่อร้องเพลงอีกห้าครั้งโอเคไหม”

“ดีล!” (โถ่! พี่หลัวนึกว่าจะทำตัวเท่ไปจนจบ)

เสี่ยวหลัวจับมือของชูเยว่โดยที่ไม่ต้องคิด เขาคว้าเงินออกจากมือของเธอ และยัดไว้ในกระเป๋าของเขาอย่างเรียบร้อย

“นายสนใจแต่เรื่องเงินหรือเปล่า”

ชูเยว่ถามอย่างขุ่นเคือง พร้อมกับชี้ไปที่เสี่ยวหลัวพร้อมกับอมยิ้มที่อยู่ในมือของเธอ

“มันไม่ใช่สิ่งเดียวที่ฉันสนใจ แต่ฉันจะไม่หันหลังให้กับเงินของฉัน”

เสี่ยวหลัวเหลือบมองอมยิ้มที่อยู่ในมือ มันส่งกลิ่นหอมที่เย้ายวนใจออกมา เขาพูดอย่างแผ่วเบาว่า“ฉันจะไม่คัดค้าน ถ้าเธอให้อมยิ้มอันนี้กับฉัน”

“อย่าฝัน! นี่คือของนำเข้าที่ จำกัดจำนวนจากเยอรมนี ฉันไม่ยอมยกมันให้นายกินมันได้ง่ายๆแน่” ชูเยว่รีบใส่อมยิ้มกลับเข้าไปในปากของเธอเพราะกลัวว่ามันจะถูกขโมยโดยเสี่ยวหลัว

******

โรงอาหารหัวเย่ ที่คึกคักเเละเต็มไปด้วยเหล่านักศึกษา

หลังจากนักศึกษาเอกวิชาเอกภาษาอังกฤษขับร้องเพลง“แม่น้ำเหลือง” ทั้งห้าครั้งจบลง พวกเธอทั้งหมดก็รีบไปที่โรงอาหาร พวกเธอรู้สึกหิวมาก

เสี่ยวหลัว จูเสี่ยวเฟยและเติ้งไคนั่งด้วยกัน อันหวนมาหาพวกเขาหลังจากที่เธอทานอาหารเสร็จแล้ว

“เทพหลัว น้ำสตรอเบอร์รี่แก้วนี้เหมาะสำหรับคุณมาก!” อันหวนนั่งลงและวางแก้วน้ำสตรอเบอร์รี่ที่แสนอร่อยไว้ข้างหน้าเขา

“ขอบคุณ แต่ฉันยังไม่หิวน้ำ” เสี่ยวหลัวปฏิเสธอย่างสุภาพ

อันหวนหัวเราะแล้วพูดว่า“หลังจากที่ทานอาหารเสร็จแล้วคุณก็จะต้องหิวน้ำแน่ และดื่มน้ำสตรอเบอร์รี่แสนอร่อยนี้”

“ฉันไม่ชอบน้ำสตรอเบอร์รี่” เสี่ยวหลัว กล่าวเพิ่มเติม

“ฮิฮิ. พี่หลัว ไม่ชอบ แต่ฉันชอบ”

ดวงตาและมือทั้งสองของเขาว่องไว: จูเสี่ยวเฟยคว้าน้ำสตรอเบอร์รี่แล้วดื่มลงไปอึกใหญ่ เขาชอบทำสิ่งที่ไร้สาระแบบนี้

“ไอหมูตอน ฉันซื้อสิ่งนี้มาเพื่อ เทพหลัว ทำไมนายถึงดื่มมัน!” อันหวนพูดด้วยดวงตาที่เต็มไปด้วยความโกรธเคือง

“โอ้ไม่ต้องตระหนี่ไป เนื่องจาก พี่หลัว ไม่ได้ดื่ม มันเป็นเรื่องธรรมดาที่ฉันจะต้องดื่มันเพื่อเขาในฐานะน้องชาย หากพี่ชายไม่สามารถทำได้ มันเป็นเรื่องปกติที่น้องจะต้องทำในนามของเขา มันไม่เห็นจะมีอะไรผิดปกติ” จูเสี่ยวเฟย กล่าวอย่างไม่สะทกสะท้าน

“ไอหมูตอน!!”

“F * ck น้องแม่แกสิ ทำไมฉันถึงอยากจะให้นายดื่มในนามของเขากัน? นอกจากนี้ เทพหลัว ยอมรับแล้วเหรอว่านายเป็นน้องชายของเขา? หยุดพยายามอ้างชื่อของเขาอย่างไร้ยางอายได้แล้ว” อันหวน กัดฟันและพูดออกมาด้วยความโกรธ

เติ้งไค หัวเราะเสียงดัง “อันหวน ที่สวยงามนั้นกล่าวได้ถูกต้องแล้ว เสี่ยวจูมันไร้ยางอาย ผิวของเขาหนากว่ากำแพงเมืองซะอีก”

“หุบปากไปเลยไป๊ แม้แต่อาหารก็ไม่สามารถปิดกั้นปากหมาๆของนายได้อีก เชื่อหรือไม่ว่าฉันจะดึงเส้นผมทั้งหมดของนาย ฉันจะดึงจนกว่านายจะหัวล้าน!!” จูเสี่ยวเฟย จ้องมองไปที่ เติ้งไค โดยไม่ลืมที่จะดื่มน้ำสตรอเบอร์รี่ลงไปอีกอึกใหญ่

อันหวน ปฏิเสธที่จะลดระดับมาตรฐานของตัวเองลงไปเถียงกับพวกนี้ เธอยิ้มให้เสี่ยวหลัวและพูดด้วยน้ำเสียงที่นุ่มและอ่อนหวาน“เทพหลัว คุณอยากดื่มอะไร ฉันจะไปซื้อให้คุณอีกครั้ง”

“น้ำต้มร้อนธรรมดาๆ!”

เสี่ยวหลัว ตอบออกไปอย่างจำใจ เขาไม่ยากจะให้อันหวนมารบกวนเขาอีกต่อไป

อันหวนขมวดคิ้ว“แต่ฉันต้องกลับไปที่หอเพื่อต้มน้ำในกาต้มน้ำไฟฟ้า คุณไม่สามารถรับน้ำต้มในโรงอาหารได้”คิ้วที่บอบบางของเธอผ่อนคลายและดวงตาของเธอก็สดใสขึ้น” แต่ฉันสามารถหาวิธีที่จะทำให้คุณได้รับน้ำต้มหนึ่งแก้วได้ เทพหลัว คุณรออยู่ที่นี่ก่อนนะ”

หลังจากพูดจบแล้วเธอลุกออกไปจากโต๊ะอาหารแล้วก็วิ่งออกมาจากโรงอาหาร

“โอ้พระเจ้าแห่งความงาม อันหวน นี่คือความมุ่งมั่นของเธอที่จะวิ่งไล่ตามหาความรู้สึกของพี่เสี่ยวหลัว ว้าว” จูเสี่ยวเฟยแปลกใจมาก

“มันไม่ใช่ธุระอะไรของเรา มากินกันต่อเถอะ” เติ้งไค ก้มหัวลงแล้วยัดข้าวเข้าปากต่อไป

เสี่ยวหลัวไม่เคยคิดจินตนาการเลยว่า อันหวนจะดื้อรั้นและหลงผิดขนาดนี้ ยิ่งไปกว่านั้นเขาก็พูดมั่วๆออกไปในทันทีทันใด เพื่อที่่จะหลบหนีออกจากสถานการณ์ที่น่าอึดอัดใจ ด้วยการให้เธอออกไปซื้อเครื่องดื่มให้กับเขา ทำไมเธอถึงไม่เข้าใจคำใบ้ของเขา?

อันหวน กลับมาหลังจากช่วงเวลาผ่านไปสั้นๆ เธอถือแก้วน้ำต้มหนึ่งแก้วออกมาจากห้องรักษาความปลอดภัย เธอวิ่งเร็วจนเธอหายใจไม่ทันและเหงื่อไหลออกมา เธอวางแก้วไว้ข้างหน้าเสี่ยวหลัวและยิ้มอย่างพึงพอใจ“เทพหลัว นี่คือน้ำต้มธรรมดาที่คุณเพิ่งสั่ง”

เขารู้สึกอับอายและรู้สึกผิดเป็นอย่างมาก“อันหวน คุณกำลังทำอะไรอยู่กันแน่”

“ฉันกำลังทำอะไร? ฉันก็เอาน้ำต้มหนึ่งแก้วมาให้คุณไง”

“ฉันถามว่าทำไมคุณถึงดื้อดึงและนำมันมาให้ฉัน”

“เพราะฉันชอบคุณ.”

อันหวนนั่งลงฝั่งตรงข้ามกับเขาและยิ้มอย่างหญิงสาวที่ไร้เดียงสาแสนหวานอย่างที่เธอเป็น

เสี่ยวหลัวตกตะลึง “คุณยังไม่รู้จักฉันดีพอ ดังนั้นคุณพูดอะไรเช่นนี้ออกมาได้อย่างไร” เขาถาม

“โอ้ แต่ฉันรู้จักคุณมากเลยนะ คุณหล่อ, คุณดี, มีคารมคมคายและมีดีเป็นพิเศษในการต่อสู้ ฮิฮิ” อันหวน ยกนิ้วขึ้นมาสำหรับระบุข้อดีของเสี่ยวหลัว

“คุณกำลังพูดถึงแต่จุดแข็งของฉัน แต่คุณไม่รู้จักข้อบกพร่องของฉัน”

“ข้อบกพร่อง? เช่น?”

“ยกตัวอย่างเช่นฉันเป็นผู้ชายที่ไม่ชอบระเบียบวินัย และในบางครั้งฉันก็ทำตัวแย่” เสี่ยวหลัวกล่าว

อันหวนส่ายหัว“ไม่เป็นไร นั่นไม่ใช่ข้อบกพร่องในสายตาของฉัน”

“และฉันก็เป็นคนที่อารมณ์ไม่ค่อยดีมาก”

“มันไม่สำคัญ มันเป็นเรื่องปกติสำหรับคนที่มีความสามารถ จริงๆแล้วการที่จะมีอารมณ์บ้าง มันไม่ผิดปกติอะไร ถ้าคุณไม่โกรธอย่างสิ้นเชิง นั้นสิมันถึงจะผิดปกติมาก”

“และฉันก็แก่กว่าคุณมาก!”

“ฉันชอบผู้ชายที่มีอายุมากกว่า พวกเขาเป็นผู้ใหญ่มีเสถียรภาพและมั่นคง” อันหวน กล่าวด้วยรอยยิ้ม

“Oh Sh * t!”

ไม่ว่าธรรมชาติของเสี่ยวหลัวจะสงบและไร้ความปราณีเพียงใด แต่ตอนนี้เขาก็อดไม่ได้ที่จะอุทานคำหยาบคายออกมา ถึงแม้ว่ามันจะเป็นการเสียมารยาท แต่มันก็เป็นการปลดปล่อยอารมณ์