ตอนที่ 42 - 4 ข้าเป็นเจ้าภาพงานสมรสให้เจ้า

เขาสั่งให้ข้าเป็นราชินี [ส่วนที่ 2]

เรือนร่างเพิ่งจะเหาะเหินก็หล่นลงมา คนผู้หนึ่งร่วงจากฟากฟ้า ยิ้มแย้มหิ้วคอเสื้อเขาไว้กระทั่งตรึงเขาไว้บนพื้น ท่าทางโหดเ**้ยม เอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนว่า “ทูตสวรรค์ที่เคารพ ครานี้ท่านคิดจะไปที่ใดเล่า?”

 

 

“เหยียลี่ว์ฉี!” จิ่งเหิงปัวที่ไล่ตามมาด้วยความเดือดดาล กรีดร้องอย่างตื่นเต้นดีใจ

 

 

“น้องสะใภ้!” บนหลังเหยียลี่ว์ฉี เหยียลี่ว์สวินหรูเปล่งเสียงกรีดร้องอย่างตื่นเต้นดีใจเช่นกัน

 

 

เผยซูหรี่ตาเล็กน้อย

 

 

จิ่งเหิงปัวร้อง “เอิ่ม” ออกมา

 

 

ยังไม่ทันได้โต้ตอบก็ได้ยินวาจาต่อไปที่เต็มไปด้วยความรีบร้อนของเหยียลี่ว์สวินหรูว่า “เร็ว! เร็ว! น้องสะใภ้ ฉวยโอกาสที่ข้ายังไม่สิ้นใจ เจ้าสองคนรีบจัดงานสมรสกัน ไม่ว่าอย่างไรยังมีคนเป็นเจ้าภาพงานสมรสให้!”

 

 

“เหลวไหลอะไรกัน!” เผยซูเหลืออดเหลือทน “หญิงบ้าจากที่ใดเอ่ยวาจาวาจาพิกลพิการ? เจ้าจงไสหัวไปในหนึ่งเค่อ!”

 

 

แต่ความสนใจของจิ่งเหิงปัวอยู่ที่วาจา ‘ฉวยโอกาสที่ข้ายังไม่สิ้นใจ’ ก่อนหน้านั้นแล้ว ก้าวขึ้นมามองสีหน้าของเหยียลี่ว์สวินหรู “เจ้าเป็นอะไรไป?” ซ้ำยังมองเหยียลี่ว์ฉีด้วยความสงสัย

 

 

เหยียลี่ว์ฉียิ้มแย้มเช่นเดิม ทว่าสีหน้าหม่นหมองเล็กน้อย เอ่ยด้วยเสียงอ่อนโยนว่า “เจ้าอย่าฟังพี่สาวข้าเอ่ยวาจาเหลวไหล”

 

 

“จิ่งเหิงปัว” เหยียลี่ว์สวินหรูคว้ามือของนางไว้ หายใจฮืดฮาดเอ่ยว่า “ข้าใกล้ตายแล้ว ก่อนตายได้เจอเจ้านับว่าโชคดีไม่หยอก เจ้าว่าอย่างไร? หลังจากนี้ข้ามอบน้องชายให้เจ้า และไม่ต้องให้เจ้าดูแลเขา ข้าให้เขาดูแลเจ้า ข้าสั่งสอนน้องชายไว้ดีมาก ความรู้เป็นจอหงวนได้ วรยุทธ์ล่าเสือล่าสิงโตได้ ทำอาหารซักผ้ากวาดบ้านงานใช้แรงทุกอย่างทำได้ดีมากทั้งสิ้น นับเป็นยอดบุรุษเลิศล้ำทั่วหล้าที่เหมาะกับทั้งบ้านทั้งเรือนทั้งวังหลวงทั้งยุทธจักรแน่แท้ ผู้ใดสมรสกับเขาผู้นั้นได้กำไร เจ้าจะพิจารณาสักหน่อยหรือไม่?”

 

 

นางเอ่ยวาจาด้วยเสียงแผ่วเบา ทว่ายังคงติดต่อกัน สตรีนี้มีความเข้มแข็งที่เหนือธรรมดา กระทั่งใกล้ตายยังไม่ยอมแสดงความอ่อนแอสักเสี้ยว

 

 

“น้องสาวเจ้าสิเจ้าหุบปากก่อนได้หรือไม่?” จิ่งเหิงปัวขัดจังหวะวาจาเจื้อยแจ้วของนางอย่างรำคาญ พินิจนางตั้งแต่ศีรษะจรดเท้า เงยหน้าตะโกนว่า “ไอ้แก่หนังเหนียว! ไอ้แก่หนังเหนียว!”

 

 

ข้างบนไม่มีการเคลื่อนไหวแม้แต่น้อย

 

 

จิ่งเหิงปัวร้องเอ๊ะ รู้สึกว่าแปลกมาก เมื่อก่อนขอแค่นางสำเร็จภารกิจ ไอ้แก่หนังเหนียวจื่อเวยนั่นจะต้องออกมาให้คะแนนทันที วันนี้นี่มันเกิดอะไรขึ้น?

 

 

“เจ้าผู้ชรา! เจ้าผู้ชรา!” จิ่งเหิงปัวร้องเรียกต่อไป ต้องเรียกเจ้าผู้ชราออกมาช่วยสวินหรูให้ได้

 

 

ทั่วภูเขาเงียบงันไร้เสียง

 

 

“ท่านอาจารย์! ท่านอาจารย์!”

 

 

ไม่มีใครสนใจ

 

 

“อาจารย์! อาจารย์!” จิ่งเหิงปัวเรียกด้วยความเคารพแล้ว

 

 

วันนี้ท่านอาจารย์จื่อเวยคล้ายกินยาใบ้เข้าไป เป็นตายไม่ยอมขานรับ

 

 

“ไปหาสิ” จิ่งเหิงปัวรีบไล่พวกเผยซูกับเจ็ดสังหาร “รีบตามไอ้แก่หนังเหนียวกลับมาช่วยคน”

 

 

“ได้ประโยชน์อะไร?” เจ็ดสังหารไม่ยอมขยับเขยื้อน “ช่วยชีวิตนางให้มาเป็นเจ้าภาพงานสมรสให้เจ้า?”

 

 

“เจ้าเด็กดีเชื่อข้า” จิ่งเหิงปัวหลอกพวกเขาว่า “ตามยายเฒ่าปีศาจกลับมา ข้ารับปากพวกเจ้า วันหน้าต้องจัดการเขาแน่แท้”

 

 

“รับไว้พิจารณา” เจ็ดสังหารเดินไปอย่างพอใจ ฉวยโอกาสลากอีชีที่ยืนกรานปฏิเสธไปด้วย

 

 

เผยซูเดินผ่านหน้าจิ่งเหิงปัวด้วยความเดือดดาล ครู่ต่อมาจิ่งเหิงปัวได้ยินเสียงร้องโหยหวนที่เสียดแทงหัวใจของลูกศิษย์นิกายสวรรค์จิ่วฉงคนนั้น พอนางหันหน้าไปก็ตกใจในเหตุการณ์นองเลือด

 

 

“เผยซู! อยู่ดีๆ เจ้า…เหตุใดถึงทำเช่นนี้?”

 

 

ลูกศิษย์นิกายสวรรค์จิ่วฉงที่น่าสงสารผู้นั้นถูกราชาปีศาจเผยทะลวงท้องไส้ไหลทะลัก ยามนี้ราชาปีศาจเผยกำลังล้วงเน่ยตานของสัตว์เกราะเงินออกมาจากท้องของเขาด้วยสีหน้าชั่วร้าย

 

 

“ข้าพอใจ!” คำตอบของเผยซูเต็มไปด้วยนิสัยของเผยซูเสมอ

 

 

เขาโยนเน่ยตานมาให้นาง จิ่งเหิงปัวเห็นเลือดโชกนั้นแล้วขยะแขยงจนไม่อยากได้ มองสวินหรูแวบหนึ่งจึงตัดสินใจรับไว้ ล้างเน่ยตานกับน้ำในทะเลสาบ ส่งให้เหยียลี่ว์ฉี

 

 

“อย่าบอกนางว่าล้วงออกมาจากที่นั่น…” นางกระซิบบอกเหยียลี่ว์ฉี

 

 

เหยียลี่ว์ฉีจ้องมองนางด้วยสายตาแวววาว ผ่านไปครู่ใหญ่ รับเน่ยตานไว้ เอียงศีรษะเอ่ยกับเหยียลี่ว์สวินหรูที่อยู่บนหลังว่า “ท่านพี่ เหิงปัวมอบให้ท่าน”

 

 

“เหม็นยิ่งนัก” เหยียลี่ว์สวินหรูหัวเราะ ค่อยๆ เอ่ยว่า “ล้วงออกมาจากในกระเพาะคนกระมัง?”

 

 

จิ่งเหิงปัวยักไหล่อย่างจนปัญญา คนตาบอดหูดีขนาดนี้ตลอดเลย

 

 

“เน่ยตานถูกล้วงออกมาจากท้องสัตว์ไม่ใช่หรือ? ผ่านท้องนักพรตเต๋าอีกครั้งเองไม่ใช่หรือ? มีอะไรแตกต่าง?” นางมีสีหน้าไม่สะทกสะท้าน

 

 

เหยียลี่ว์สวินหรู ‘มอง’ นางปราดหนึ่ง เอ่ยกับเหยียลี่ว์ฉีว่า “ข้าน่ะชอบที่นางเยือกเย็นกว่าหน้าตาเช่นนี้ เจ้าตาดีไม่ใช่เล่น”

 

 

เหยียลี่ว์ฉียิ้มแย้มเอ่ยว่า “ข้าตาดีตั้งแต่ไหนแต่ไร เฉกเช่นเลือกท่านเป็นพี่สาวข้า”

 

 

เหยียลี่ว์สวินหรูหัวเราะฮิๆ ลูบหน้าของเขา ถอนใจเอ่ยว่า “นั่นสิ ยามนั้นข้ากับเหล่าพี่สาวน้องสาวเดินเล่นด้วยกัน เห็นเจ้าร้องไห้อยู่ข้างถนน ใบหน้าน้อยงดงามขนาดนั้นร้องไห้โฮ เหล่าพี่สาวน้องสาวต่างชอบเจ้า พี่สาวใหญ่ยื่นลูกกวาดให้เจ้าเจ้าไม่เอา พี่สาวรองจะเช็ดหน้าให้เจ้าเจ้าไม่ยอม เจ้าก็วิ่งมาหาข้าแล้ว ข้าพาเจ้ากลับบ้าน ระหว่างทางเจ้าไม่ร้องสักเสียง เจ้าตัวร้าย บอกพี่สิ ยามนั้นเจ้าถูกใจความงามของพี่แล้วใช่หรือไม่?”

 

 

“ใช่แล้ว” เหยียลี่ว์ฉีเอ่ยอย่างจริงจังว่า “ยามนั้นพี่สาวน้องสาวฝูงนั้น แต่ละคนหน้าตาอัปลักษณ์ ลูกกวาดที่ยื่นมาให้เป็นของเหลือ ผ้าที่เช็ดหน้าฉุนจนทำให้คนสิ้นชีพได้ มีเพียงพี่ข้า สูงส่งเย่อหยิ่ง แตกต่างจากผู้อื่น ข้าเห็นแล้วพลันศิโรราบกราบกราน จิตใจใฝ่ฝัน ท่านไม่ต้องการข้าข้าก็จะติดตามท่าน โดยเฉพาะซาลาเปาเนื้อร้อนผ่าวที่ท่านซ่อนไว้ข้างหลังพลางแอบกวักมือเรียกข้า แป้งนุ่มขาวราวหิมะ หน้าตางดงามอย่างแท้จริง ทำให้ข้าไม่มีทางต่อต้านได้เลย”

 

 

“ฮ่าๆๆ พี่สาวน้องสาวโง่เขลาฝูงนั้นของข้า ลูกกวาดเอยผ้าเอยอะไรเอย ไม่รู้หรือว่าสำหรับเด็กน้อยที่หิวจนท้องร้องคนหนึ่ง ซาลาเปาเนื้อถึงมีแรงดึงดูดที่สุด?” เหยียลี่ว์สวินหรูหัวเราะลั่นอย่างดีใจ

 

 

เหยียลี่ว์ฉีก็หัวเราะ พี่สาวน้องชายต่างคนต่างยิ้มแย้มเบิกบาน

 

 

จิ่งเหิงปัวก็หัวเราะ หัวเราะพลางหันหน้าไปอีกทาง มองน้ำในทะเลสาบที่กระเพื่อมอยู่ทางนั้น

 

 

นางต้องพยายามสักหน่อย ขวางกั้นอารมณ์บางอย่างที่ใกล้จะเอ่อล้นไว้ในเบ้าตา

 

 

เดิมทีจื่อหรุ่ยกับยงเสวี่ยจะเดินเข้ามา ยามนี้ต่างนั่งยองข้างทะเลสาบ คนหนึ่งตั้งใจมองน้ำในทะเลสาบ อีกคนหนึ่งวักน้ำเล่น บนผิวน้ำที่เงียบสงบ ของเหลวแต่ละหยดไหลริน เกิดเป็นระลอกคลื่นเบาบาง

 

 

ความรู้สึกบางอย่างงดงามสว่างไสวตั้งแต่ต้นจนจบ เถ้าถ่านแห่งความตายทำให้หม่นหมองไม่ได้สักเสี้ยว

 

 

“น้องสะใภ้เอ๋ย” เหยียลี่ว์สวินหรูหัวเราะ หันหน้าหาจิ่งเหิงปัว “เน่ยตานนี้น่ะ ข้าไม่ได้ขยะแขยงไม่กล้ากิน ทว่าข้าไม่จำเป็นต้องกินแล้ว สิ้นเปลืองโอสถทิพย์เม็ดหนึ่ง อยู่ได้อีกสามวันห้าวัน ไม่จำเป็นเลย เจ้าเก็บไว้ให้ตนเองกินเถิด สัตว์ที่ยิ่งดุร้ายในลุ่มน้ำต้าฮวง เน่ยตานที่ได้มายิ่งดี หากเจ้ากินแล้วงามขึ้นได้อีกหน่อย น้องข้าเห็นแล้วก็เจริญตาไม่ใช่หรือ? แม้ไม่ต้องให้เขาได้เจริญตา พวกเราเองก็ต้องดูแลตนเองหน่อยไม่ใช่หรือ?”

 

 

“บางครั้งข้ารู้สึกว่าเจ้าเป็นผู้ทะลุมิติมาจริงๆ…” จิ่งเหิงปัวพึมพำ ในใจรู้ว่าคนเช่นสวินหรูนี้ บอกว่าไม่เอาก็คือไม่เอา หัวเราะพลางเก็บเน่ยตานไว้ เตรียมไว้เผื่อเห็นใครต้องใช้ก็ให้คนนั้น

 

 

ไกลออกไปเสียงของเจ็ดสังหารแว่วมา ต่างตะโกนลั่นตามหาท่านอาจารย์จื่อเวย

 

 

“ไอ้แก่หนังเหนียว มาเร็ว ที่นี่มีของอร่อย!”

 

 

“ยายเฒ่าปีศาจ สตรีที่งดงามกว่าเจ้าเป็นร้อยเท่ามาเยือนแล้ว รีบออกมาประชันหน่อย!”

 

 

“ไอ้แก่หนังเหนียว พวกเราขุดหลุมบนยอดเขาลูกที่เจ็ด ข้างในฝังผีดิบหมื่นปีไว้ รีบไปนอนกับมันเร็ว!”

 

 

เสียงของลู่เอ่อร์แว่วมา เรือนร่างของเหยียลี่ว์สวินหรูพลันสั่นสะท้าน เงยหน้ากะทันหัน

 

 

นางคล้ายกำลังตั้งใจจำแนกเสียงบางอย่าง สีหน้าเคร่งเครียดเล็กน้อย จิ่งเหิงปัวอดจะถามไม่ได้ว่า “อะไรหรือ?”

 

 

เหยียลี่ว์สวินหรูพลันถามว่า “เมื่อครู่ผู้ใดกัน?”

 

 

“เจ็ดสังหาร ลูกศิษย์เจ็ดคนของท่านอาจารย์จื่อเวย”

 

 

จิ่งเหิงปัวมองเหยียลี่ว์ฉีอย่างงงงวย เหยียลี่ว์สวินหรูไม่ใช่คนที่เดี๋ยวตื่นเต้นเดี๋ยวตกใจ นี่มันเกิดอะไรขึ้น นางน่าจะไม่เคยเจอเจ็ดสังหาร เมื่อครู่ตอนที่เจ็ดสังหารเอ่ยวาจานางก็ไม่มีปฏิกิริยาอะไร

 

 

นัยน์ตาเหยียลี่ว์ฉีฉายแววเข้าใจ ยิ้มแย้มเล็กน้อย ทว่ารอยยิ้มเจือด้วยความโศกเศร้าหลายส่วน

 

 

“ขุดหลุม…ขุดหลุม…” เหยียลี่ว์สวินหรูพึมพำสองเสียง “ปีนั้น ข้าอยู่ในหลุม ไอ้ระยำหลายคนนั้นก็เคยเอ่ยว่าขุดหลุม เสียงของพวกเขา ข้านึกออกแล้ว!”

 

 

นางพลันเอื้อมมือมาทางจิ่งเหิงปัว “เร็ว เน่ยตาน!”

 

 

จิ่งเหิงปัวล้วงเน่ยตานออกมายื่นให้นางอีกครั้งอย่างงงงวย นางก็กลืนลงไปดังเอื๊อก

 

 

จิ่งเหิงปัวคิดว่านางไม่เคยตามความคิดของพี่สาวท่านนี้ทันเลยสักครั้ง

 

 

เหยียลี่ว์สวินหรูกินเน่ยตานแล้ว เหยียลี่ว์ฉีพลันวางนางลง โคจรปราณปกป้องนาง ผ่านไปไม่นาน สีหน้าขาวซีดของนางพลันแดงเรื่อเล็กน้อย ถอนหายใจยาว

 

 

จากนั้นนางลุกขึ้น เงยหน้าตะโกนว่า “ท่านอาจารย์จื่อเวย! เจ้าออกมา! ไม่ต้องหลบข้า ข้าคร้านจะตามหาเจ้าแล้ว! ทว่าศักดิ์ศรีของข้าเจ้าจะย่ำยีไม่ได้ ข้านับถึงสาม เจ้าไม่ออกมา ข้าจะประกาศทั่วโลกหล้าว่าสิบเอ็ดปีก่อน เจ้าหลอกลวงล่วงเกิน หยอกเย้าแล้วทอดทิ้งข้า…”

 

 

จิ่งเหิงปัวปากอ้าตาค้างมองนาง…ผู้หญิงคนนี้เป็นพี่น้องที่พลัดพรากของไท่สื่อหลันใช่ไหม? หรือว่าเป็นชาติก่อนของเธอ?

 

 

“หนึ่งสองสาม!” เหยียลี่ว์สวินหรูเริ่มนับแล้ว ซ้ำยังนับอย่างรวดเร็วยิ่งนัก

 

 

คำว่า ‘สาม’ เพิ่งจะสิ้นเสียง ข้างทะเลสาบมีเงาคนชุดม่วงร่วงลงมาแล้ว รีบเอ่ยว่า “จิ่งเหิงปัวการทดสอบครั้งนี้ของเจ้าติดลบ! ติดลบ!” พลางโยนยาเม็ดหนึ่งออกมาอย่างรวดเร็ว “ผู้ชราเพิ่งนึกขึ้นได้ว่ายังมีเรื่องสำคัญต้องทำ เดี๋ยวก็ต้องออกไปเที่ยวท่องโลกหล้า เขาชีเฟิงนี้ฝากให้พวกเจ้า แล้วเจอกัน!”

 

 

“เจ้ากล้าไปข้าก็จะเล่าเรื่องเหล่าจิ้งจอก!” จิ่งเหิงปัวตะโกนลั่น

 

 

เงาม่วงที่กะพริบออกไปหยุดนิ่งอย่างรวดเร็ว ครู่ต่อมาเหยียลี่ว์สวินหรูพุ่งเข้าไป นั่งบนชายกระโปรงสีม่วงที่ลากพื้นของเขา คว้าผมยาวจรดข้อเท้าของเขาไว้

 

 

ผมของเขาลื่นเกินไป เหยียลี่ว์สวินหรูคว้าไว้ไม่ได้ แนบร่างเข้าไปเสียเลย ยิ้มแย้มปรีดาเอ่ยว่า “อา จื่อเวย ไม่เจอกันนาน เจ้าผมยาวขนาดนี้แล้ว” จากนั้นลูบผมที่แห้งกร้านเล็กน้อยของตนเอง เอ่ยอย่างไม่พอใจยิ่งว่า “เหตุใดถึงดีกว่าผมข้า” มือเอื้อมเพียงครั้ง กรรไกรหนึ่งเล่มเพิ่มเข้ามาประหนึ่งเล่นกล คว้าผมของเขาไว้ ยิ้มแย้มเอ่ยว่า “ตัดตั้งแต่ที่ใดดีเล่า?”

 

 

“อย่านะ!”