ตอนที่ 217 โดนหลอก

นางว่าอย่างไรนะ?

ซูหวานหว่านขมวดคิ้วแน่น เป็นไปได้หรือไม่ว่าของชิ้นใหญ่ที่ซูเสี่ยวเหยียนต้องการมอบให้นาง คือต้องการให้พวกเขาตายบนเรือ?

“เป่ยฉวนเฟิงหลิว เจ้าคงคาดไม่ถึงสินะว่าเจ้ากับน้องสาวของเจ้าจะต้องตายมาด้วยน้ำมือของข้าในสักวัน ฮ่า ฮ่า ฮ่า!” ซูเสี่ยวเหยียนหัวเราะออกมาอย่างบ้าคลั่ง “หากวันนั้นพวกเจ้าร่วมมือทำกิจการกับข้า บางทีพวกเจ้าอาจจะไม่ต้องตกอยู่ในสภาพจนตรอกเช่นนี้!”

ใครกันแน่ที่กำลังจนตรอก ซูหวานหว่านยิ้มเยาะพร้อมกับพูดออกมาว่า “ซูเสี่ยวเหยียนข้าจะบอกอะไรเจ้าให้ฟัง ต่อให้เจ้าตายข้าจะไม่มีวันตาย!”

“ปากดี ข้าว่าเจ้าควรเอาชีวิตให้รอดก่อนนะตอนนี้ หึ!” ซูเสี่ยวเหยียนยิ้มกว้าง ทันใดนั้นก็มีบางสิ่งที่มีลักษณะเป็นของเหลวไหลเข้าไปในปากของนางก่อนลงคอไป!

นางรู้สึกเหมือนมีไฟกำลังแผดเผาอยู่ในลำคอ ซูเสี่ยวเหยียนเกิดอาการเมื่อนางเห็นซูหวานหว่านถืออะไรบางอย่างเอาในมือ จึงตะโกนออกมาอย่างเคียดแค้น “เจ้าเอาอะไรมาให้ข้ากินกัน!”

“แล้วเจ้าคิดว่ามันคืออะไรล่ะ? ซูเสี่ยวเหยียนถ้าเจ้าไม่ช่วยข้า ชีวิตของเจ้าอยู่ไม่ห่างจากความตาย” ซูหวานหว่านเอ่ยขึ้นมา นางเดินอย่างสงบอยู่บนพื้นไม้ มองผืนน้ำที่อยู่ใกล้ดาดฟ้าเรือ แล้วนางก็พูดออกมาว่า “หากเจ้าไม่ช่วยข้า ข้าก็ไม่รู้จะทำอย่างไร เช่นนั้น…ก็แล้วแต่เจ้าล่ะกัน!”

หากแต่นางคิดผิดไปเล็กน้อย นางคิดไม่ถึงเลยว่าซูหวานหว่านจะโยนยามาใส่ปากของนางได้ ซูเสี่ยวเหยียนกำหมัดด้วยความโกรธ นางได้เงินจากการขายน้ำงามมาไม่ต่ำกว่าหนึ่งพันตำลึง เหตุใดนางจะไปหาหมอในเมืองหลวงที่เก่ง ๆ และรักษาให้นางไม่ได้? เด็กสาวหันมาพูดกับคนคนบังคับเรือ “เป็นอะไรไป? เจ้ายังไม่ได้กินข้าวหรืออย่างไร! รีบพายเรือให้มันเร็ว ๆ หน่อย! อย่าทำให้เงินที่ข้าจ่ายไปมันเปล่าประโยชน์!”

สีหน้าของซูหวานหว่านพลันเศร้าหมองลง มองดูเรือที่แล่นห่างออกไปจากสายตาของนางเรื่อย ๆ นางคิดไม่ถึงเลยว่าซูเสี่ยวเหยียนจะไม่ติดกับกับดักที่นางวางเอาไว้! นางไม่สามารถปล่อยให้ซูเสี่ยวเหยียนหนีรอดไปได้เช่นเดียวกัน! ซูหวานหว่านกระตุกยิ้มเย็นชา มองดูพวกชาวบ้านที่อพยพขึ้นเรือไป ซูหวานหว่านมองหาอะไรบางอย่าง จากนั้นนางก็เห็นไม้พายสองอันจึงหยิบมันขึ้นมา นางโยนมันลงไปในน้ำแล้วกระโดดเหยียบลงบนไม้พาย แล้วส่วนไม้ไผ่อีกอันก็เอาไว้พาย

หญิงสาวตัวเบาราวกับวิญญาณที่ล่องลอยอยู่บนผิวน้ำได้เลย!

ศิษย์น้องคนนี้ช่างกล้ามาก! เป่ยฉวนเฟิงหลิวครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วเขาก็กระโดดข้ามเหยียบลงปลายอีกด้านหนึ่งของไม้ไผ่เช่นเดียวกัน แต่ทันใดก็ดูเหมือนว่าไม้ไผ่จะไม่สามารถรองรับน้ำหนักทั้งสองคนได้ เลยทำให้ความเร็วของไม้ไผ่นั้นช้าลงเล็กน้อย ซูหวานหว่านมองไปเป่ยฉวนเฟิงหลิวอย่างช่วยไม่ได้

ทั้งสองคนใช้เวลาไม่นานก็สามารถตามเรือของซูเสี่ยวเหยียนทัน ซูหวานหว่านโยนไม้ไผ่ในมือของนางไปให้เป่ยฉวนเฟิงหลิวก้าวขึ้นไปบนเรือ และกระโดดขึ้นไปบนเรือของซูเสี่ยวเหยียน

ซูหวานหว่านหยิบมีดกริชออกมาจ่อไปที่คอของซูเสี่ยวเหยียน สัมผัสเย็นยะเยือกของใบมีดทำให้นางรู้สึกเย็นวาบไปทั่วทั้งแผ่นหลัง ทันใดนั้นนางก็ได้ยินคำพูดที่คุ้นเคยของซูหวานหว่านดังขึ้นมา ซูเสี่ยวเหยียนเกิดอาการตกใจ นางหันศีรษะกลับไปมองเล็กน้อยแต่ถูกคมกริชมีดบาดจนเลือดไหล จึงร้องออกมาทันทีว่า “เป่ยฉวนเฟิงอวิ๋น …นี่เจ้า”

ซูหวานหว่านเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ซูเสี่ยวเหยียน ข้าไม่ได้อยากจะฆ่าเจ้า ข้าแค่ต้องการดอกไม้ที่เจ้าใช้มันผสมน้ำสำหรับทำน้ำงามเท่านั้น หากเจ้าเอาออกมาให้ข้า ข้าจะปล่อยตัวเจ้าไป”

นางไม่มีทางที่จะมอบดอกไม้นั้นให้กับซูหวานหว่านอย่างแน่นอน! ซูเสี่ยวเหยียนครุ่นคิดอยู่สักครู่หนึ่ง นางก็ได้หยิบกล่องไม้ออกมา ดวงตาของนางสั่นไหวและเอ่ยออกมาว่า “ข้ายังคงยืนยันคำเดิมว่าเจ้าต้องให้เงินข้าหนึ่งพันตำลึงข้าจึงจะมอบมันให้แก่เจ้า”

“ก็ได้” ซูหวานหว่านตอบตกลง นางหยิบเงินหนึ่งพันตำลึงออกมาแล้วโยนให้ซูเสี่ยวเหยียน ซูหวานหว่านรับกล่องไม้นั้นมาและกำลังจะเปิดมันออกดู แต่ทันใดนั้นนางก็ถูกผลักกระเด็นออกมา จากนั้นซูเสี่ยนเหยี่ยนก็กระโดดลงน้ำไปทันที

น้ำสาดกระจายเป็นวงกว้าง ไม่นานก็กลับมานิ่งสงบเช่นเดิม ซูเสี่ยวเหยียนว่ายน้ำหนีไปแล้ว!

เป่ยฉวนเฟิงหลิวกระโดดมาหาซูหวานหว่าน และถามออกมาด้วยความสงสัย “ด้วยฝีมือของเจ้า เจ้าสามารถฆ่านางได้แต่ทำไมเจ้าถึงปล่อยนางไป อีกทั้งยังให้เงินนางไปด้วย?”

“นางเพิ่งแท้งลูก ร่างกายของยังคงอ่อนแอ การที่นางกระโดดน้ำหนีไปเช่นนั้นเมื่อต้องเจอกับคลื่นลมนางจะทนได้หรือ? ยิ่งไปกว่านั้นยาที่ข้าได้โยนเข้าปากของนางไปมันก็คือยาทำให้กล้ามเนื้ออ่อนแรง ไม่ถึงหนึ่งเค่อแน่นอนว่านางไม่สามารถดำน้ำหนีไปได้อย่างแน่นอน นางจะต้องจมน้ำตายในไม่ช้า!” ซูหวานหว่านกระตุกยิ้มออกมาพร้อมกับถุงเงินออกมาแล้ววางลงไปในมือของเป่ยฉวนเฟิงหลิว “นอกจากนี้ศิษย์พี่ยังไม่รู้จักข้าดี ข้าขี้เหนียวมาก ไม่มีทางให้เงินใครไปง่าย ๆ แบบนั้นหรอก หากเห็นว่าข้าใจกว้างเมื่อไร ให้รู้เอาไว้ว่านั่นคือเงินปลอม”

เงินปลอม? เป่ยฉวนเฟิงหลิวกลอกตาไปมา เขาเพิ่งเคยเห็นคนไร้ยางอายแบบซูหวานหว่านเป็นคนแรก! เขาไม่เคยได้ยินใครกล้าเรื่องทำเงินปลอมขึ้นมาแบบหน้าตาเฉยเช่นนี้!

ทั้งสองคนขอให้คนพายเรือช่วยพายวนกลับไปนิดหน่อย จากนั้นพวกเขาทั้งสองคนเหยียบลงบนไม้พายเหมือนเดิม และพายกลับไปที่ในเมืองอีกครั้ง

เมื่อพวกเขาทั้งสองคนมาถึง ซูหวานหว่านและเป่ยฉวนเฟิงหลิวจึงวางแผนที่จะไปโรงเตี๊ยมเพื่อนอนพักผ่อน แต่ใครจะไปคิดว่าพวกเขาจะเจอกับซุนฉางอานที่กำลังรอพวกเขาทั้งสองคน

“เกิดเรื่องใหญ่แล้ว! ข้าได้ยินมาว่าน้ำงามได้เริ่มแพร่กระจายในเมืองหลวงแล้ว คนที่ไม่รู้เรื่องนี้ก็ได้ใช้มันไป และตอนนี้มันก็กำลังเป็นที่นิยมอย่างมากในเมืองหลวง! มีพ่อค้ามาจากต่างเมืองมารออยู่ที่ร้านเจวียเซ่อเพื่อต้องการคุยเรื่องการค้ากับพวกเจ้าสองคน!” ซุนฉางอานเอ่ยออกมาอย่างรีบร้อน

“อะไรนะ?” ซูหวานหว่านเลิกคิ้วขึ้น สถานการณ์ตอนนี้มันเป็นอย่างไรกันแน่?

ว่านฮวาหงอยู่ในมือของนางไม่ใช่เหรอ แล้วทำไมถึงยังมีคนเอามันไปขายมันในเมืองหลวงได้อีก? ซูหวานหว่านขมวดคิ้วด้วยความสงสัยและเปิดกล่องไม้ที่ซูเสี่ยวเหยียนให้นางมา ทว่านางกลับพบว่ามันมีแต่กล่องเปล่า ข้างในว่างเปล่าไม่มีสิ่งของใด ๆ

นางหลอกซูเสี่ยวเหยียนและคิดไม่ถึงเลยว่าซูเสี่ยวเหยียนก็หลอกนางกลับเช่นกัน

“ซูเสี่ยวเหยียน!” ซูหวานหว่านกัดฟันกรอดด้วยความโกรธ ก่อนจะถ่มน้ำลายออกมา หญิงสาวกระตุกยิ้มมุมปากเล็กน้อย และด้วยแรงบีบในมือทำให้กล่องไม้ที่ถืออยู่แตกกระจายเป็นผุยผง

“อย่าเพิ่งโมโหไป ในตอนนี้มีพ่อค้าคนนั้นกำลังรอพวกเจ้าอยู่ในร้าน เขายังบอกอีกว่าถ้าพวกเจ้าไม่ตอบตกลงที่จะร่วมมือกับเขา เขาจะ… เฮ้อ! พวกเจ้าไปดูกันเองน่าจะดีกว่า รีบไปดูเถอะ!” ซุนฉางอานพูดออกมาอย่างร้อนรน

ซูหวานหว่านก็พยักหน้าและเดินทางไปที่ร้านพร้อมกับเป่ยฉวนเฟิงหลิวทันที แต่ว่าพ่อค้าคนนั้นได้หายไปแล้ว! กลับมีเพียงพลลาดตระเวนกลุ่มหนึ่งยืนอยู่! โดยมีซุนซ่างชูกำลังนั่งจิบชาอยู่ในห้องอาหารส่วนตัวอย่างสบายใจ ลูกค้าภายในร้านต่างหายไปหมด!

สงสัยเขาจะไล่คนอื่น ๆ ออกไปจนหมด นางไม่เชื่อว่าซุนซ่างชูจะมาที่นี่เพื่อมานั่งจิบชาเฉย ๆเท่านั้น! ซูหวานหว่านจึงพูดขึ้นว่า “ท่านซุนซ่างชูได้โปรดอย่ามาสร้างปัญหาที่นี่! ท่านมาที่นี่ในวันนี้ต้องการอะไรกันแน่?”

คิดไม่ถึงเลยว่าซูหวานหว่านจะพูดออกมาอย่างตรงไปตรงมาเช่นนี้ ซุนซ่างชูตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง ชายชราลูบเคราของตัวเองหรี่ตามองซูหวานหว่าน และพูดออกมาว่า “กิจการของครอบครัวเป่ยฉวนของเจ้านั้นจะต้องมีคนคอยคุ้มกันดูแลความปลอดภัย เจ้ารู้เรื่องนี้หรือไม่?”

เขาพูดจาเช่นนี้หมายความว่าอย่างไร? เห็นได้ชัดว่านางพึ่งพาตัวเองมาโดยตลอด ซูหวานหว่านกลอกตาก่อนมองซุนซ่างชูแล้วพูดออกมาว่า “ซุนซ่างชู ท่านต้องการพูดถึงเรื่องอะไร ท่านก็พูดออกมาตรง ๆ เสียจะดีกว่า เพราะว่าข้าไม่ได้มีเวลามากพอที่จะมาสู้รบกับท่าน”

พูดจากันดี ๆ ไม่ใช่ชอบ ชอบให้บังคับสินะ! ซูนซ่างชูรู้สึกโกรธเมื่อได้ยินซูหวานหว่านพูดออกมาเช่นนั้น เขากำมือแน่นจนถ้วยน้ำชาในมือแตกกระจาย เขาคิดว่าซูหวานหว่านจะตกใจกลัว แต่ นางกลับพูดออกมาว่า “ถ้วยน้ำชานั่นเป็นของที่ข้าสั่งทำมาเป็นพิเศษ ราคาสิบตำลึงต่อหนึ่งใบ หากท่านจะออกจากร้านไปเมื่อไร ก็ได้โปรดจ่ายค่าเสียหายมาก่อน”

“เจ้า!” ซุนซ่างชูทั้งโกรธและเจ็บใจ “ฮึ่ม! เงินแค่สิบตำลึงข้าจะจ่ายชดเชยให้เจ้าเอง! แต่ว่าตอนนี้ข้านั้นอยากจะแจ้งเรื่องหนึ่งให้เจ้าได้รับรู้ ตอนนี้มีโรคระบาดเกิดขึ้นในเมืองหลวง ข้าต้องการสูตรน้ำศักดิ์สิทธิ์ของเจ้า! หากโรคนี้หยุดระบาดเมื่อไร ก็จะมีเจ้าหน้าที่มามอบของตอบแทนให้กับเจ้า!”

“…”

คำพูดของซุนซ่างชูไร้ซึ่งความน่าเชื่อถือ! เขาเพียงต้องการหลอกนางโดยการนำสูตรของนางไปทำขายเองเสียมากกว่า

ซูหวานหว่านเอ่ยออกมาเบา ๆ ว่า “ข้าก็ไม่มีสูตรเหมือนกัน”

เมื่อพูดออกมาอย่างนั้น ซูหวานหว่านก็ขยิบตาให้เป่ยชวนเฟิงหลิว และเป่ยชวนเฟิงหลิวก็พูดขึ้นมาว่า “ข้าเองไม่มีเช่นเดียวกัน น้ำศักดิ์สิทธิ์เหล่านั้นเป็นสูตรของศิษย์น้องของข้าที่ล่วงลับไปแล้วทิ้งเอาไว้ให้ข้า ตอนนี้น้ำศักดิ์สิทธิ์ก็เหลือเพียงไม่กี่ขวด ข้าเดาว่าต่อไปในอนาคตคงจะไม่ได้ขายมันแล้ว!”

“อะไรนะ? พวกเจ้าอย่ามาหลอกข้าเลยจะดีกว่า!” ซุนซ่างชูขมวดคิ้วและพูดตะโกนออกมา “พวกเจ้าเป็นคนเห็นแก่ตัว ข้าต้องการจะช่วยเหลือพวกเจ้าแท้ ๆ พลลาดตระเวนค้นร้านของพวกเขาเสีย หาสูตรออกมาให้ข้าที! อย่าปล่อยให้ทุกมุมในร้านหลุดรอดสายตาไปได้! แม้จะต้องงัดกระเบื้องทุกแผ่นขึ้นมาก็ต้องทำ!”