ตอนที่ 218 กรรมตามสนอง

คิดไม่ถึงเลยว่าซุนซ่างชูจะไม่เชื่อ! หญิงสาวแสยะยิ้มออกมาแล้วเดินเข้าไปนั่งในห้องส่วนตัวพร้อมกับเป่ยฉวนเฟิงหลิว นั่งลงจิบชาด้วยท่าทางนิ่งสงบ แม้แต่ซุนฉางอานเองก็เดินเข้าไปนั่งจิบชาด้วยเช่นกัน

“พรุ่งนี้พวกเราจะกินอะไรกันดี?” เป่ยฉวนเฟิงหลิวถามออกมา

“พรุ่งนี้ข้าอยากกินผัดเผ็ดหอยลาย ซี่โครงหมูเปรี้ยวหวาน หมูตุ๋น ผักกะหล่ำปลีนึ่ง แล้วก็ซุปสักถ้วย” ซุนฉางอานเอ่ยขึ้น

“อาหารเหล่านั้นล้วนเป็นเมนูเนื้อเกือบทั้งหมด ข้ารู้สึกว่ามันน่าจะเลี่ยนไปเล็กน้อย คงต้องมีชาผู่เอ๋ออีกหม้อถึงจะดี!” ซูหวานหว่านเอ่ยต่อ

“…”

พวกเขาทั้งสามคนไม่สนใจเขาเลยอย่างงั้นหรือ! เมื่อเห็นท่าทางนิ่งสงบของพวกเขาแล้วก็ทำให้ซุนซ่างชูโกรธมากยิ่งขึ้นและพูดออกมาว่า “หากพวกเจ้ามีสูตรก็จงส่งมอบมันมาให้ข้าเร็ว ๆ! เมื่อถึงเวลานั้นแน่นอนว่าทุกคนที่เมืองหลวงจะต้องยกย่องพวกเจ้าเป็นอย่างมาก!”

คิดว่านางจะเชื่องั้นหรือ? ซูหวานหว่านได้ยินข่าวลือมาว่าเมื่อก่อนซุนซ่างชูมีนิสัยเช่นไร เขาได้ขโมยสูตรยาไปจากหมอท่านหนึ่งในช่วงที่มีการระบาดของโรคชนิดหนึ่ง เขาเอาหน้าไปคนเดียวเต็ม ๆ โดยได้รับของกำนัล ทั้งยังคำสรรเสริญจากองค์ฮ่องเต้ ส่วนหมอคนนั้นที่เป็นคนคิดค้นสูตรยาเพื่อช่วยแก้ปัญหาโรคระบาดก็ถูกเขาฆ่าปิดปาก!

ตอนนี้ซุนซ่างชูทำแบบนี้เห็นได้ชัดว่าเขาต้องการหลอกนาง ซูหวานหว่านหมุนถ้วยชาเบา ๆ แล้วพูดออกมาว่า “ใต้เท้า ถ้าท่านต้องการสูตรของมัน เหตุใดท่านถึงไม่ไปหาหมอเก่ง ๆ ในเมืองช่วยคิดค้นยาเพื่อแก้โรคนี้ขึ้นมาเล่า มันดีกว่าที่จะพูดถึงเรื่องสูตรน้ำศักดิ์สิทธิ์อีกนะ! ถึงแม้ว่าน้ำศักดิ์สิทธิ์ของข้าจะสามารถแก้ปัญหาได้ก็จริง แต่มันก็แก้ปัญหาเฉพาะหน้าได้เพียงแค่วันสองวันเท่านั้น แต่ไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้”

ถ้าหมอเหล่านั้นสามารถทำได้ เขาจะต้องมาที่นี่อีกทำไมกัน! ซุนซ่างชูโกรธมากและเมื่อรู้ว่าทั้งสองคนไม่มีสูตรเขาก็มองไปที่ทั้งสองคนอย่างไม่สบอารมณ์ก่อนจะเดินออกจากร้านไป

ทันทีที่ซุนซ่างชูและพลลาดตระเวนเดินออกจากร้านไป บรรยากาศในร้านเจวียเซ่อก็สงบลงทันที ซูหวานหว่านกำลังจะคิดว่าจะสืบหาอย่างไรว่าว่านฮวาหงอยู่ที่ใด แต่จู่ ๆ เป่ยฉวนเฟิงหลิวก็ได้พูดขึ้นออกมาว่า “ว่านฮวาหงมีกลิ่นแรง เพียงแค่เด็ดดอกหรือว่าใบของมันใส่ลงไปในน้ำ ก็จะยังคงมีกลิ่นอันเป็นเอกลักษณ์ของมันติดอยู่ และเมื่อกี้ข้าก็ได้กลิ่นว่านฮวาหงมาจากซุนซ่างชู!”

“อะไรนะ? ศิษย์พี่ท่านกำลังหมายความว่าซุนซ่างชูเป็นคนเอาว่านฮวาหงไปขายที่เมืองหลวง เพื่อทำน้ำความงามและขายมันให้กับผู้คนใช้งั้นรึ?” ซูหวานหว่านอุทานออกมาอย่างตกใจ คิดไม่ถึงเลยว่าซุนซ่างชูจะหลงในอำนาจเงินจนตาบอดขนาดนี้!

“ใช่” เป่ยฉวนเฟิงหลิวพยักหน้า “เมื่อครู่ ข้าเห็นหน้าผากของเขาที่บวมและแดงมาก จึงคิดว่าเขาน่าจะใช้น้ำความงามเองด้วย ทว่าไม่มียารักษาโรคของน้ำงามนี้ ภายในไม่ถึงหนึ่งเดือนข้าคิดว่าเขาจะต้องตายอย่างแน่นอน!”

“อะไรนะ!” ซูหวานหว่านและซุนฉางอานร้องอุทานออกมาพร้อมกัน พวกเขาไม่คิดเลยว่าซุนซ่างชูจะยอมทำสิ่งนี้เพื่อแลกกับเงิน และอาจจะคิดว่าน้ำงามนี่เขาเป็นคนคิดค้นมันจะดีจึงนำออกไปขายและใช้เอง อีกทั้งเขายังขายมันในราคาถูกด้วย!

เมื่อนึกถึงเหตุการณ์เมื่อครู่ที่ซูหวานหว่านและซุนฉางอานอุทานออกมาพร้อมกัน ซูหวานหว่านอดไม่ได้ที่จะหัวเราะ “บังเอิญมาก!”

ใบหน้าซุนฉางอานพลันขึ้นสีแดงระเรื่อ และบอกว่าเขาจะกลับไปพูดเกลี้ยกล่อมซุนซ่างชู แต่ซูหวานหว่านก็ส่ายหัวและบอกซุนฉางอานว่าไม่ต้องทำอย่างนั้น เนื่องจากซุนซ่างชูได้ตัดสินใจทำมันลงไปแล้ว แน่นอนว่าเขาคงจะไม่ยอมรามือจากเรื่องนี้ง่าย ๆ แน่

ตกกลางคืน ถนนหนทางกลับมาเงียบสงัดไร้ผู้คนอีกครั้ง โคมไฟสีแดงกระจัดกระจายอยู่ทั่วเมือง พลันปรากฏตัวชายชุดดำที่เดินช้าๆ อยู่บนถนน เมื่อไปถึงบริเวณที่มีกำแพงสูง เขาก็กระโดดขึ้นไปยืนอยู่บนนั้น

ดวงตาของชายชุดดำคมราวกับนกอินทรี หากซุนฉางอานเห็นเข้า เขาจะต้องจำได้อย่างแน่นอนว่าเป็นซูหวานหว่าน!

ซูหวานหว่านเดินทางมาถึงยังจวนของซุนซ่างชู นางพบว่าทุกอย่างภายในบ้านค่อนข้างเงียบจนน่าประหลาดใจ ซูหวานหว่านปืนป่ายเข้าไปด้านในได้อย่างง่ายดาย เพราะมันเป็นทรงแบบบ้านโบราณที่ล้อมไปด้วยกำแพงเท่านั้น

นางเดินเข้าไปที่ห้องนอนของซุนซ่างชู ก็พบว่ามีคนประมาณสิบคนที่จับไม้จับมือกันอยู่หน้าห้องนอนของซุนซ่างชู!

อีกทั้งยังมีลูกน้องของเขาราวยี่สิบคนยืนหลับกันอยู่ที่หน้าประตูใหญ่อีกด้วย!

ไม่น่าแปลกใจเลยที่ไม่มีคนเฝ้าอยู่ที่ลานสนามและหน้าบ้าน ที่แท้ก็มาเฝ้าซุนซ่างชูอยู่ที่หน้าประตูใหญ่นี่เอง!

ซูหวานหว่านคิดเอาไว้ว่าซุนซ่างชูจะต้องมีอะไรบางอย่างซ่อนเอาไว้ในบ้านแน่ ๆ หลังจากครุ่นคิดไปอยู่ครู่หนึ่ง นางก็หาจุดบอดและกระโดดขึ้นไปบนคานบ้าน ปีนขึ้นไปบนหลังคาพร้อมกับเปิดกระเบื้องที่มุมบนหลังคาห้องนอนของซุนซ่างชูและมองลงมา ก็เห็นว่าเขากำลังนอนอยู่บนเตียง และส่งเสียงพูดออกมา

แต่กลับพบว่า ภายในห้องนอนมีคนเฝ้าเขาอยู่สองคน!

ซุนซ่างชูระมัดระวังตัวมากจริง ๆ! ซูหวานหว่านครุ่นคิด นางหยิบยาสลบโปะไปที่ผ้าเช็ดหน้าแล้วกระโดดเข้าไปในห้องนอนอย่างรวดเร็ว คนคุ้มกันภายในห้องคนหนึ่งก็รู้สึกเหมือนว่ามีอะไรผ่านเข้ามาทางหน้าตาจึงหันไปมองและถามว่า “นั่นใคร?”

“เจ้าช่วยเบาเสียงลงหน่อย! เจ้ากำลังจะปลุกใต้เท้าให้ตื่นขึ้นเพราะเสียงของเจ้า!”

“อือ” ชายคนนั้นรับคำ กำลังจะถามชายอีกคนหนึ่ง แต่จู่ ๆ เขาก็โดนผ้าเช็ดหน้ามาปิดจมูกและปากของเขาเอาไว้ จากนั้นก็หมดสติไป

“เจ้า!” ชายอีกคนอีกคนกำลังจะพูดออกมา แต่ก็ถูกซูหวานหว่านปิดจมูกด้วยผ้าเช็ดหน้าเช่นเดียวกัน

ซูหวานหว่านวางพวกเขาสองคนลงบนพื้นอย่างเบา ๆ จากนั้นค่อย ๆ ค้นของภายในห้องนอนเพื่อหาร่องรอยของว่านฮวาหง ค้นทั้งโต๊ะ ตู้เสื้อผ้า คาน กระทั่งเตียงแต่ก็ยังหาไม่พบอยู่ดี แต่กลับพบกระดาษสองสามแผ่นบนคานห้องนอน ซูหวานหว่านใช้แสงจันทร์ส่องอ่านมันดู

นางพบว่ามันเป็นจดหมายแลกเปลี่ยนและเป็นหลักฐานชิ้นดีได้ว่าซุนซ่างชูได้รับสินบน เพื่อแลกกับว่านฮวาหงแล้วส่งขายไปที่เมืองหลวง!

ซูหวานหว่านตกใจเป็นอย่างมาก นางเก็บจดหมายและเตรียมตัวออกไป คิดว่าจะทำให้ซุนซ่างซูเป็นลมสลบลงไปบนเตียง นางกำลังจะเดินเข้าไปแต่ก่อนที่นางจะลงมือ จู่ ๆ ซุนซ่างชูก็ลืมตาขึ้นมาเสียก่อน!

“เจ้าเป็นใครกัน? แล้วเข้ามาทำอะไรที่นี่? ข้าอยากจะแนะนำอะไรให้เจ้าฟัง ว่าเจ้าควรจะคุกเข่าอ้อนวอนขอร้องข้าซะ แล้วข้าจะไว้ชีวิตและปล่อยตัวของเจ้าไป!” ซุนซ่างชูพูดออกมาอย่างเคร่งขรึม และพวกลูกน้องหลายสิบคนของเขาก็ผลักประตูห้องนอนเข้ามาทันที

ซูหวานหว่านไม่ได้ตื่นตระหนกอะไร นางยังคงมีท่าทีนิ่งสงบ จากนั้นก็ได้ถอดจิตของตัวเองเข้าไปในมิติฟาร์มแล้วหยิบผงยาสลบหนึ่งกำมือออกมา ก่อนจะปาใส่คนกลุ่มนั้นจนสลบไป!

“ข้ายังมียาอีกเยอะ คิดว่าข้าจะกลัวเจ้าอย่างงั้นเหรอ?” ซูหวานหว่านพูดออกมาอย่างเย็นชา

ลูกน้องของเขามีจำนวนทั้งหมดยี่สิบคน! แต่กลับถูกซูหวานหว่านนั้นจัดการไปอย่างง่ายดาย! ซุนซ่างชูเกิดอาการตื่นตระหนก ปากพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือว่า “เจ้า เจ้าเป็นใครกันแน่! เจ้าอย่าทำอะไรข้าเลยนะ! เจ้าบอกข้าได้ว่าเจ้านั้นต้องการอะไร ข้าจะยกให้เจ้าหมดเลย!”

“สิ่งที่ข้าต้องการคือว่านฮวาหง! มอบมันมาให้ข้าแล้วข้าจะไว้ชีวิตเจ้า!” ซูหวานหว่านกล่าวและหยิบมีดออกมา เมื่อชายชราเห็นเขาก็ตกใจจนหมดสติไปทันที

ไร้ประโยชน์สิ้นดี! ซูหวานหว่านรู้สึกรังเกียจคนเหล่านี้ นางใช้เวลาทั้งหมดที่เหลือค้นภายในบ้านของซุนซ่างชูทั้งคืนแต่ก็ไม่พบอะไรเลย จนกระทั่งท้องฟ้าเริ่มเปลี่ยนสี ซูหวานหว่านจึงหยุดค้นหาและกำลังจะออกไป แต่นางได้ยินเสียงกีบม้าดังขึ้น ซูหวานหว่านเลยปีนขึ้นไปบนหลังคาเพื่อดูว่าเหตุการณ์ข้างนอกมันเป็นอย่างไร ปรากฎว่ามีม้าของเหล่าทหารกำลังมาที่นี่! เรียกได้ว่านี่คือหายนะ!

ทันใดนั้นนางก็รู้สึกถึงลางสังหรณ์ที่ไม่ดี ซูหวานหว่านคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพลันข้ามกำแพงไปช่วยซุยรุย ออกจากบ้านไปในทันที

ทันทีที่นางออกไป นางก็ได้ซ่อนเสื้อสีดำของนางเอาไว้ ทำการเปลี่ยนเป็นสวมชุดลำลองทันที ก่อนจะได้ยินข่าวว่าจวนของซุนซ่างชูถูกล้อมไปด้วยคนของทางการของเหล่าทหารจากเมืองหลวง “เร็วเข้ามาล้อมบ้านของเขาเอาเสีย จับกุมตัวของซุนซ่างชูเอาไว้! ปิดตายจวนนี่ซะ!”

ซูหวานหว่านรีบพาตัวของซุนรุยไปซ่อนไว้ที่ร้านอาหารเจวียเซ่อทันที ไม่นานนางก็ได้ยินข่าวว่าตระกูลซุนนั้นเต็มไปด้วยผู้บุกรุก ซุนฉางอานและซุนรุยอาจจะโดนตามหาตัว ดังนั้นซูหวานหว่านจึงได้ให้เงินแก่ซุนฉางอานเพื่อพาตัวซุนรุยไปหลบซ่อนตัวอยู่ที่อื่นก่อนสักพัก

ซูหวานหว่านและเป่ยฉวนเฟิงหลิวนั่งอยู่ในร้านเจวียเซ่อ ทั้งสองนั่งกินขนมอยู่ในร้าน เป่ยฉวนเฟิงหลิวเอามือเท้าคางของตัวเองพูดว่า “ว่านฮวาหงไม่ได้ไปอยู่ในเมืองหลวงแล้วยังงั้นหรือ? พวกเราต้องออกไปตามหามันหรือไม่? ดอกของมันมีขนาดไม่ใหญ่มาก ใช้ได้ไม่กี่วันก็หมดแล้ว”

“…”

ศิษย์พี่คนนี้ของนางทำไมถึงเป็นคนแบบนี้! ซูหวานหว่านจึงพูดออกมาว่า “ไม่ได้ พวกเราจะต้องหามันให้พบ คนอื่นจะได้ไม่เป็นอันตรายไปมากกว่านี้”

พูดออกมาแบบนี้มันก็ถูก แต่ว่าพวกเขาทั้งสองยังไม่มีเบาะแสเกี่ยวกับมันเลย!

ทันใดนั้น จู่ ๆ ก็มีลูกธนูยิงมาโดยมีกระดาษม้วนเล็ก ๆ ห้อยอยู่ ซูหวานหว่านหยิบมันขึ้นมาและเปิดกระดาษอ่านทันที ทันใดนั้นสีหน้าของนางก็เปลี่ยนไป

“มันเขียนว่าอะไรบ้าง?” เมื่อเห็นการแสดงออกของซูหวานหว่าน ดวงตาของเป่ยฉวนเฟิงหลิวก็พลันฉายแววตื่นตระหนกออกมา