บทที่ 413 ประกาศสงคราม

Myth Online ฮีลเลอร์สายบู๊ [网游之奶个锤子]

บทที่ 413 ประกาศสงคราม

บทที่ 413 ประกาศสงคราม

“พวกเธอทำอะไรกันอยู่! ทำไมถึงปล่อยให้เซียวหลิงถูกฆ่าได้! แบบนี้ฉันจะแอบส่งคนไปปกป้องเธอลับ ๆ เพื่ออะไรกันฮะ!”

ภายในมหาปราสาทประจำเมืองแห่งความโศกเศร้า หลิวเฉียงเหว่ยกำลังโกรธจนตัวสั่นไปหมดหลังจากรับรู้เรื่องที่เกิดขึ้น แววตาของเธอดูเยือกเย็นยามที่มองไปยังสาวน้ำแข็งและสาวไฟผู้ยืนเงียบอยู่ตรงหน้า

“ฉันต้อง… ขอโทษด้วยจริง ๆ ค่ะ มันเป็นความประมาทของฉันเอง…” ทั้งสาวน้ำแข็งและสาวไฟต่างก้มหน้าไปพร้อม ๆ กัน พวกเธอรู้สึกผิดมาก ๆ เนื่องจากคนจากเฮลนั้นรับหน้าที่คอยดูแลและคอยปกป้องเซียวหลิงแบบลับ ๆ

แต่ครั้งนี้เซียวหลิงเป็นฝ่ายเลือกที่จะพาหนิงเคอเค่อเทเลพอร์ตหนีไปยังเมืองอื่นเพื่อเก็บเลเวลกันเอง เลยทำให้คนที่ส่งไปคอยติดตามไม่สามารถรู้ได้ว่าทั้งสองสาวไปเมืองไหน มันจึงไม่ใช่เรื่องแปลกหากพวกเธอจะไม่สามารถตามปกป้องได้

“ขอโทษฉันแล้วมันจะได้อะไรขึ้นมา! พวกเธอควรจะคิดหาวิธีอธิบายให้เซียวเฟิงฟังเอง!” ตลอดเวลาที่ผ่านมา หลิวเฉียงเหว่ยไม่เคยโกรธขนาดนี้มาก่อน ใบหน้าของเธอมันซีดไปหมดเพราะความโกรธ

สิ่งที่หลิวเฉียงเหว่ยพูดนั้น ทำเอาสาวไฟและสาวน้ำแข็งต่างต้องก้มหัวลงต่ำกว่าเดิมอีกนิดหน่อย พวกเธอต่างพากันมองหน้ากันเอง และในสายตาของแต่ละคนก็กำลังโทษตนเองอยู่ตลอดด้วย

“พี่เฉียงเหว่ย ฉันเองก็ต้องรับผิดชอบเรื่องนี้ด้วย”

ตอนนั้นเอง ซือเยี่ยจิ่งก็ออกจากโหมดล่องหนและโทษตนเองด้วยเช่นกัน นั่นเพราะตอนที่เกิดเรื่อง เธอควรจะได้อยู่กับเซียวหลิง แต่เพราะตอนนั้น เหล่าสวีขอให้เธอไปที่สนามประลองเพื่อจัดการเรื่องอันดับต่าง ๆ ผนวกกับเซียวหลิงต้องการที่จะมีอิสระอยู่แล้ว ดังนั้นเจ้าตัวจึงเป็นฝ่ายขอให้ซือเยี่ยจิ่งไปเองเสียด้วยซ้ำ

“ไม่ใช่ความผิดของพวกนี้หรอกน่า ฉันเลือกที่จะไปด้วยตัวฉันเอง”

ทันใดนั้นเอง เซียวหลิงก็เดินเข้ามาในปราสาทพร้อมกับหนิงเคอเค่อ เจ้าตัวพูดด้วยน้ำเสียงเฉยเมย เด็กสาวรู้อยู่แล้วว่าหลิวเฉียงเหว่ยนั้นแอบส่งคนไปคอยปกป้องเธออยู่ตลอดภายในโลกของเกมนี้ ซึ่งการที่เธอได้พบเจอกับหานเฟิงก็เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ด้วยเช่นกัน

เพราะหลังจากที่เซียวหลิงได้เจอกับหานเฟิงในหมู่บ้านเริ่มต้น หลิวเฉียงเหว่ยก็เริ่มแอบส่งใครมาคอยปกป้องเธอแบบลับ ๆ แล้ว เนื่องจากในโลกแห่งเกมนี้ มันมีอันตรายที่ซุ่มรออยู่มากมายกว่าโลกแห่งความเป็นจริงนัก

ก่อนหน้านี้เพราะมีเสี่ยวไป๋อยู่ด้วย มันจึงไม่มีอะไรน่าห่วง เซียวหลิงสามารถทำตัวหยิ่งผยองเมื่ออยู่ข้างนอกได้โดยที่ไม่ต้องมีใครติดตามก็ได้ ตามปกติแล้วไม่ค่อยมีผู้เล่นคนไหนที่จะมาใส่ใจท่าทีของเธอนัก ยังไงเสียเธอก็ยังเป็นแค่เด็กสาวที่หน้าตาสะสวยคนหนึ่งเท่านั้น แต่ก็ไม่ใช่ว่าทุกคนจะไม่สนใจ มันก็ยังมีบางคนที่สนใจในความสวยน่ารักของเธอคนนี้ แน่นอนว่ามันย่อมไม่ดีแก่ตัวเซียวหลิงแน่ ๆ แต่ที่สิ่งนั้นไม่เคยเกิดขึ้นตลอดมา นั่นเพราะเธอมีเสี่ยวไป๋อยู่ข้างกายด้วย

แต่ในตอนนี้ เสี่ยวไป๋ได้จากไปเป็นการชั่วคราว หลิวเฉียงเหว่ยจึงทำได้แค่บอกคนในเฮลไว้ให้คอยแอบปกป้องเซียวหลิงอย่างใกล้ชิด แต่เซียวหลิงกลับรู้สึกตัวได้ก่อนและรู้สึกไม่เป็นอิสระ เพราะงั้นเธอจึงแอบพาตัวหนิงเคอเค่อเทเลพอร์ตหนีออกมาไกล ๆ เพื่อให้พวกเฮลตามหาตัวเธอไม่เจอ

“ยังไงก็เถอะ ฉันไม่คาดคิดเลยนะเนี่ยว่าคนที่ทำเหมือนรังเกียจฉันอย่างเธอ จะแอบซื่อสัตย์กับฉันขนาดนี้ ถือเป็นเรื่องที่น่ายินดีสำหรับองค์หญิงเซียวหลิงจริง ๆ”

เซียวหลิงหันไปมองหลิวเฉียงเหว่ยแล้วพูดด้วยความพอใจ

“เซียวหลิง นี่ไม่ใช่เวลามาพูดล้อเล่นนะ ถ้าเธอจงใจทำแบบนั้น เดี๋ยวฉันจะไปฟ้องเซียวเฟิง” แต่โชคไม่ดีที่หลิวเฉียงเหว่ยนั้นไม่ใช่พวกที่พูดเล่นเป็น เพราะงั้นเธอจึงพูดกับเซียวหลิงอย่างตรงไปตรงมา

“เอะอะไรก็ฟ้อง คิดว่าองค์หญิงเซียวหลิงกลัวนักหรือไง!” เมื่อเซียวหลิงได้ยินเช่นนั้น เธอก็รีบส่ายหน้าด้วยความรู้สึกผิดน้อย ๆ ทันที แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็ยังไม่ละทิ้งความดื้อดึงอยู่ดี

“แล้ว… ใครเป็นคนลงมือ?” หลิวเฉียงเหว่ยไม่ได้ติดใจอะไรกับท่าทีนั้น เธอเปลี่ยนไปถามอย่างอื่นแทน

“ฉันเจอแล้ว เป็นสมาชิกของกิลด์กางเขนเหล็ก แล้วก็เป็นญาติของหานเฟิงด้วย” ซือเยี่ยจิ่งรีบตอบทันที

“กางเขนเหล็กเหรอ? แจ้งข่าวไปในกิลด์ เตรียมพร้อมสำหรับการต่อสู้!”

แววตาที่งดงามของหลิวเฉียงเหว่ยเปลี่ยนไปเป็นเย็นชาอีกครั้ง “แล้วก็หานเฟิงนั่น เธอมั่นใจหรือเปล่าว่าเขาไม่ได้จงใจยั่วยุให้แต่ละกิลด์ห้ำหั่นกันเอง? ยังไงเสียเขาก็ติดอยู่ในอันดับคนดังด้วย เรื่องชื่อเสียงคงไม่ต้องพูดถึงเลย”

“เดี๋ยวฉันจะสืบเรื่องนี้ให้เดี๋ยวนี้เลย” นักฆ่าสาวแสดงสีหน้าขึงขัง จากนั้นก็หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย

ไม่ถึงสิบนาที สิ่งที่หลิวเฉียงเหว่ยสั่งก็กระจายไปทั่วทั้งเขตฮัวเซียผ่านฟอรัมในเขต แรงสั่นสะเทือนมหาศาลเกิดขึ้นกับหมวดกิลด์จนในหมวดนั้นแทบจะลุกเป็นไฟ

อันที่จริง หากมันไม่กลายเป็นข่าวใหญ่สิเรื่องแปลก เพราะมันคือการประกาศสงครามของเจ้าแห่งฟากใต้อย่างมิดซัมเมอร์กับเจ้าแห่งฟากตะวันตกอย่างกางเขนเหล็กเลยนะ!

การประกาศสงครามนี้มันกะทันหันมากเกินไป! ไม่มีใครรู้หรือเห็นมูลเหตุมาก่อน เพราะงั้นทั่วทั้งฮัวเซียจึงไม่มีใครเตรียมตัวให้พร้อมกับเรื่องนี้ได้ทัน การประกาศสงครามของกิลด์ระดับผู้ปกครองนั้นมันไม่ใช่เรื่องที่เกิดขึ้นง่าย ๆ เพราะมันจะนำมาซึ่งการตายของผู้เล่นในสงครามกว่าสิบล้านคน!

แน่นอนว่าผลกระทบนี้ถือว่าใหญ่มาก ไม่ว่าผลที่ออกมาจะเป็นอย่างไร แต่ด้วยขนาดของสงครามย่อมทำให้เกิดการสูญเสียทางเศรษฐกิจและทรัพยากรอย่างใหญ่หลวง สิ่งเหล่านี้ไม่ใช่เรื่องที่จะฟื้นกลับมาง่าย ๆ

ดังนั้น มันจึงเป็นเรื่องยากมาก ๆ ที่กิลด์ระดับผู้ปกครองจะมาเปิดสงครามกับกิลด์อื่น โดยเฉพาะการที่อีกฝ่ายเป็นกิลด์ผู้ปกครองเช่นกัน หากไม่ใช่เพื่อชิงอำนาจกันแล้ว ปัญหาข้อพิพาทต่าง ๆ ล้วนแต่ไม่มีน้ำหนักมากพอให้พวกเขาประกาศสงครามใส่กันเลย

อย่างไรก็ตาม สำหรับกรณีของมิดซัมเมอร์และกางเขนเหล็กนั้นแตกต่างออกไป เพราะฝ่ายหนึ่งเป็นผู้ปกครองอยู่ในฟากใต้ ในขณะที่อีกฝั่งหนึ่งก็เป็นผู้ปกครองในทิศตะวันตก แน่นอนว่าเรื่องอำนาจนั้นไม่เกี่ยวแน่ ๆ รวมถึงผลประโยชน์ด้วย ไม่มีใครรู้ว่าระหว่างสองกิลด์นี้มีเรื่องอะไรกัน?

พวกเขารู้แค่ว่าตอนนี้ ทั้งกิลด์เล็กหรือใหญ่ทั่วทั้งฮัวเซียต่างก็ตื่นตระหนกกันไปหมด และมันก็ทำเอาผู้เล่นที่กำลังติดตามฟอรัมเขตฮันกึลอยู่ กลับมายังเขตของตนเองด้วย

“เกิดอะไรขึ้นน่ะ? ทำไมจู่ ๆ มิดซัมเมอร์ถึงประกาศสงครามกับกางเขนเหล็ก?”

“ฉันก็ไม่รู้ ไม่เห็นเคยได้ยินเลยว่าสองกิลด์นี้มีเรื่องกันมาก่อน”

“มีใครรู้บ้างไหมว่าเกิดอะไรขึ้น?”

“รีบไปตามหากันดีกว่าว่าเกิดอะไรขึ้น!”

ผู้เล่นฮัวเซียทุกคนต่างพากันงุนงง ไม่เว้นแม้แต่คราวน์ปรินซ์ที่อยู่ไกลถึงฟากเหนือ สีหน้าของเขาก็ดูจะประหลาดใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นไม่แพ้คนอื่น ๆ จนต้องส่งคนมาสืบหาต้นตอของเรื่องนี้ด้วยเช่นกัน

“นี่มันเกิดอะไรขึ้น? ทำไมจู่ ๆ มิดซัมเมอร์ถึงประกาศสงครามกับพวกเรา?”

อย่าว่าแต่คนอื่นเลย ขนาดชินห่าวผู้เป็นหัวหน้ากิลด์กางเขนเหล็กเองก็ยังไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น เขาเรียกทุกคนที่เป็นผู้บริหารเข้าห้องประชุมประจำกิลด์แล้วเอ่ยถามด้วยสีหน้าจริงจัง

“พวกเราเองก็ไม่รู้เหมือนกัน กิลด์ของเรากับมิดซัมเมอร์ยังไม่เคยเจอกันเลยแม้แต่ครั้งเดียว รวมไปถึงกางเขนเหล็กเองก็อยู่ในขั้นพัฒนาตามแผนที่วางไว้ด้วย เรียกได้ว่าพวกเราแทบจะไม่ได้ออกไปนอกเขตตนเองเลย มีเพียงคนกลุ่มเดียวที่ได้ออกไปนอกเขตก็คือกลุ่มที่ถูกส่งไปตามล่าหานเฟิง แต่มันไม่มีทางเป็นไปได้แน่ ๆ ที่มิดซัมเมอร์จะมาประกาศสงครามกับเราเพราะหานเฟิงจริงไหม?”

ภายในโถงห้องประชุมของกางเขนเหล็ก บัดนี้เหล่าผู้บริหารระดับสูงกำลังนั่งล้อมวงประชุมกันด้วยสีหน้าเคร่งเครียด และหนึ่งในนั้นที่เพิ่งพูดจบไปก็คือรองหัวหน้ากิลด์ที่จนปัญญากับเรื่องนี้เหมือนกัน

อันที่จริง หัวหน้ากิลด์ผู้นี้คือผู้นำกิลด์กางเขนเหล็กตัวจริง ชินห่าวนั้นเป็นเพียงนักลงทุนผู้อยู่เบื้องหลัง แต่สามารถใช้เส้นสายจนได้ตำแหน่งหัวหน้ามาครอบครองในที่สุด

หลาย ๆ กิลด์ที่มีขนาดใหญ่ก็เป็นแบบนี้เช่นกัน แม้จะเป็นคนละกลุ่มแต่ก็มีโครงสร้างที่คล้ายคลึงกันอยู่ ถึงแม้ว่าหัวหน้ากิลด์จะถือเป็นผู้ที่อยู่สูงสุดภายในกิลด์นั้น ๆ แต่บางครั้งมันก็แค่ฉากบังหน้า พวกเขาอาจจะเป็นแค่นักลงทุนหรือสปอนเซอร์ที่กำลังทำธุรกิจอยู่เบื้องหลัง ในขณะที่หัวหน้ากิลด์ตัวจริงจะเป็นเพียงแค่ผู้บริหารและคอยออกคำสั่งอยู่ในเงาแทน

มิดซัมเมอร์เองก็เช่นกัน หากหลิวเฉียงเหว่ยหรืออดีตหัวหน้ากิลด์อย่างมิดซัมเมอร์หยีเย่ ไม่ได้เป็นหัวหน้าด้วยตนเอง บางทีทั้งกิลด์อาจจะถูกออกคำสั่งโดยมิดซัมเมอร์กรุ๊ปแทนก็ได้

“ไอ้ปากหมานั่นน่ะนะ? ไม่มีทางหรอก ถ้าหมอนั่นกับมิดซัมเมอร์มีอะไรเกี่ยวข้องกันจริง ๆ ป่านนี้พวกเราโดนเจ้าพวกนั้นประกาศสงครามไปนานแล้ว! มันต้องมีเหตุผลอื่น…”

ชินห่าวขมวดคิ้วขณะครุ่นคิด ถึงแม้ว่าเขาจะอยู่ในภารกิจเมื่อครั้งที่ทัพแห่งความมืดโต้กลับกับมิดซัมเมอร์กิลด์ด้วยก็จริง และไม่ปฏิเสธด้วยว่ามีแผนที่ตั้งใจจะทำเพื่อทำลายมิดซัมเมอร์ด้วยโอกาสอันหายากในครั้งนั้นแล้ว แต่เพราะพลังของกิลด์นี้มีมากเกินกว่าที่เขาคาดไว้ มันเลยทำให้แผนนั้นถูกยกเลิกไปเสียก่อน

และต่อให้เขาจะแสดงให้เห็นถึงความเป็นศัตรูออกไป แต่ยังไงเสียเขาก็ยังไม่ได้ทำอะไรอยู่ดี ถึงหัวหน้ามิดซัมเมอร์กิลด์จะรับรู้ได้ แต่ตราบใดที่เขาไม่ได้ทำให้เธอเสียหน้า มันก็ไม่น่าจะลามมาจนกลายเป็นเรื่องใหญ่ขนาดประกาศสงครามเช่นนี้

เพราะความที่ทั้งมิดซัมเมอร์และกางเขนเหล็กต่างก็เป็นกิลด์ระดับผู้ปกครองกันทั้งคู่ มันไม่มีเหตุผลเลยที่จะมาทำสงครามกันเพราะประโยคสั้น ๆ แค่หนึ่งถึงสองประโยคนั้น และถ้ามันเกิดขึ้นจริง ๆ ฝ่ายที่แพ้ต้องไม่สามารถแบกหน้าเอาไว้ได้แน่ ๆ

แต่ตอนนี้เรื่องมันดันเกิดขึ้นมาจริง ๆ แล้ว เสียงประกาศของระบบมันยังคงกังวลในหูของเขา

[มิดซัมเมอร์กิลด์ ประกาศสงครามกับกางเขนเหล็กกิลด์] นี้เป็นเรื่องจริง!

เมื่อใดก็ตามที่สงครามถูกเปิดฉากขึ้น ผู้แพ้ในสงครามกิดล์รอบนั้น ๆ ก็จะต้องถูกลงโทษจากระบบ รวมไปถึงลดเลเวลกิลด์ลงมาด้วย!

“มันเกิดเรื่องบ้าอะไรขึ้นกันแน่นะ…” หลังจากที่พยายามคิดหาเหตุผลมารองรับเรื่องนี้พักใหญ่ ๆ แล้ว ชินห่าวก็ยังคงไม่เข้าใจอยู่ดีว่าทำไมจู่ ๆ มิดซัมเมอร์ถึงมาประกาศสงครามกับพวกตน!

“ท่านหัวหน้า พวกเรากลับมาแล้วครับ แล้วก็ฆ่าไอ้ปากหมานั่นจนกลับไปเกิดใหม่ที่หมู่บ้านเริ่มต้นได้ด้วย ฮ่า ๆๆ ”

ขณะนั้นเอง อัศวินโต๊ะกลมก็นำคนของเขาเข้ามาในที่ประชุมของ กางเขนเหล็กด้วย เขาพูดถึงผลลัพธ์ทางฝั่งตนแล้วหัวเราะอย่างชอบใจกับชินห่าว

“อืม…” ชินห่าวพยักหน้ารับ แต่ตอนนี้เขาไม่ได้อยู่ในอารมณ์ที่จะมาสนใจเรื่องของหานเฟิงนัก เขายังคงนึกย้อนกลับไปในความทรงจำของตน ว่าสรุปแล้วตนได้ไปทำอะไรให้มิดซัมเมอร์ไม่พอใจหรือเปล่า หรือจะเป็นแผนที่เขาคิดจะทำลายเมืองแห่งความโศกเศร้า? อย่าบอกนะว่าในกลุ่มคนที่ส่งไปป่วนทำให้ลิชคิงตื่น มีคนของมิดซัมเมอร์อยู่ด้วย แต่เธอมีหลักฐานอะไรหรือไง?

“เอ้อ…ว่าแต่ ทำไมกิลด์ของเราอยู่ในสภาวะสงครามล่ะครับ? เราจะไปสู้กับใครงั้นเหรอ?”

อัศวินโต๊ะกลมถามด้วยความตื่นเต้นขณะมองไปรอบ ๆ ตัวแล้วมองไปยังสถานะของกิลด์

เสียงประกาศของระบบนั้นดังขึ้นภายในเขตแดนของกิลด์กางเขนเหล็กเท่านั้น ซึ่งมันห่างไกลจากจุดที่อัศวินโต๊ะกลมอยู่ก่อนหน้าค่อนข้างมาก เพราะคนกลุ่มนี้เอาแต่ตามไล่ฆ่าหานเฟิงอยู่ในต่างถิ่น พวกเขาจึงไม่ได้รับการแจ้งเตือนว่ากิลด์ถูกประกาศสงครามจนถึงตอนนี้

“มิดซัมเมอร์กิลด์ประกาศสงครามกับพวกเรา” รองหัวหน้ากิลด์พูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง ทำเอาทั้งอัศวินโต๊ะกลมและลูกน้องที่เป็นผู้เล่นระดับสูงของเขาต่างเข้ามายืนเรียงแถวรอรับคำสั่งสำหรับโจมตีกันอย่างเคร่งครัด

“หา? มิดซัมเมอร์กิลด์เหรอครับ? เป็นไปไม่ได้น่า…” อัศวินโต๊ะกลมชะงักไปเลย นั่นเพราะเขาและพรรคพวกเพิ่งจะไปยุ่งเกี่ยวกับกิลด์นี้เมื่อครึ่งค่อนชั่วโมงก่อนเอง เขาฆ่าสมาชิกกิลด์นี้ไปสองคน เพราะงั้นพอได้ยินเช่นนี้จึงได้รู้สึกประหลาดใจ

“มีอะไรหรือเปล่า?” ชินห่าวรีบหันไปมองยังอัศวินโต๊ะกลมแล้วถามด้วยความรู้สึกผิดปกติทันที

“เมื่อตอนที่กำลังไล่ล่าไอ้เวรนั้น พวกเราฆ่าสมาชิกกิลด์มิดซัมเมอร์ไปสองคนระหว่างทางน่ะครับ เพราะงั้นก็เลยกำลังสงสัยว่ามันเป็นต้นเหตุหรือเปล่า” เขาตอบกลับอย่างตรงไปตรงมา

“ว่ายังไงนะ! นายฆ่าคนของมิดซัมเมอร์ไปสองคนงั้นเหรอ!? ใคร! อย่าบอกนะว่าเป็นหัวหน้ากิลด์มิดซัมเมอร์น่ะ!” ดูเหมือนชินห่าวจะเริ่มปะติดปะต่อเรื่องราวต่าง ๆ ได้หลังจากได้ยินแบบนั้น

“พวกเราจะไปลืมหน้าตาแสนสวยของเทพธิดาอันดับ 1 ของเขตฮัวเซียจนเผลอฆ่าไปได้ยังไงกันครับ? ก็แค่เด็กผู้หญิงสองคน ดู ๆ แล้วยังเป็นแค่เด็กเลยคิดว่าไม่น่าจะเป็นสมาชิกหลักของมิดซัมเมอร์กิลด์ ดีไม่ดีจะเป็นแค่ผู้เล่นทั่วไปด้วยซ้ำ” อัศวินโต๊ะกลมรีบตอบอย่างต่อเนื่อง

“เด็กตัวเล็ก ๆ…” ชินห่าวขมวดคิ้วหนักกว่าเดิม เขาครุ่นคิดและทันใดนั้นก็นึกถึงอะไรบางอย่างขึ้นมา “เดี๋ยวนะ ใช่เด็กผู้หญิงผมสีบลอนด์ทองดูเหมือนต่างชาติหรือเปล่า?”

“โอ้ ใช่เลยครับ ที่ตาของเธอดูเหมือนไพลิน ต่อให้สวมหน้ากากอยู่ผมก็ค่อนข้างมั่นใจเลยว่าเธอจะต้องสวยมากแน่ ๆ ท่านหัวหน้าเองก็รู้จักเหรอครับ?”

อัศวินโต๊ะกลมพยักหน้า เขาไม่ใช่คนโง่ เพราะเมื่อเห็นว่าชินห่าวดูจะรู้จักเด็กคนนี้ เขาก็ถามกลับไปด้วยความระมัดระวัง

“ฉิบหายแล้ว! ฉันเคยเจอมาก่อน! ตั้งแต่เมื่อตอนที่อยู่ในเมืองแห่งความโศกเศร้าที่มีภารกิจโต้กลับของทัพแห่งความมืด! ดูเหมือนเธอน่าจะมีความเกี่ยวข้องกับนางฟ้าที่เป็นสัตว์เลี้ยงอันดับ 1 ตนนั้น!” ชินห่าวขึ้นเสียง

“ว่าอะไรนะ!” รู้เช่นนั้นรองหัวหน้าก็รู้สึกตกใจด้วยเช่นกัน “งั้นนี่คือเหตุผลที่มิดซัมเมอร์ประกาศสงครามกับพวกเรางั้นเหรอ? ไม่น่าจะใช่หรือเปล่า? ต่อให้มิดซัมเมอร์จะเกี่ยวข้องกับนางฟ้าตนนั้นยังไง แต่แค่เด็กตายก็ไม่น่าจะถึงขั้นประกาศสงครามเลยนี่?”

“แต่ถ้าไม่ใช่เหตุผลนี้ฉันก็คิดไม่ออกแล้วนะ! ถ้างั้นช่วยรอก่อน ฉันจะถามมาเอง” ชินห่าวยังคิดทบทวนเรื่องนี้ไม่ตก ท้ายสุดเขาก็ตัดสินใจที่จะส่งคำขอโทรศัพท์ไปยังมิดซัมเมอร์โรส

อย่างไรก็ตาม เสียงของระบบที่ดังกลับมาก็แสดงให้เห็นว่า เขาถูกบล็อกการเป็นเพื่อนไปเรียบร้อยแล้ว สีหน้าของชินห่าวถอดสีทันที ดังนั้นเขาจึงต้องส่งเป็นข้อความไปทางกิลด์มิดซัมเมอร์แทน แต่ก็โชคร้ายที่สมาชิกกิลด์เหล่านั้นก็ไม่รู้เช่นกัน ทุกอย่างเป็นคำสั่งของผู้เป็นหัวหน้ากิลด์ที่สั่งการลงมา ตอนนี้เขาเพียงได้แต่รู้สึกหมดหนทางรอดแล้วเท่านั้น

“ท่านหัวหน้าครับ! สมาชิกกิลด์มิดซัมเมอร์มาถึงที่ด้านหน้าแคมป์ของพวกเราแล้วครับ!”