“ช่วงนี้ท้องผมไม่ค่อยดีเท่าไร กินอาหารจีนเบาๆกันเถอะ”ท่าทีเทาเท่เฉยชาปฏิเสธข้อเสนอของซูซี
แววตาของซูซีมีความเศร้าผาดผ่าน เธอชอบกินอาหารตะวันตกประเภทสเต๊กเนื้อมาก และเทาเท่ก็ชอบกินด้วยเช่นกัน เธอเคยรู้สึกภูมิใจมากที่ความชอบในเรื่องอาหารของเธอกับเทาเท่จะเข้ากันได้
ซูซีพยายามพูดปลอบตัวเองว่าช่วงนี้เทาเท่อาจจะท้องไส้ไม่ดีจริงๆ ดังนั้นก็จึงเปลี่ยนเป็นถามด้วยความห่วงใยเขาแทนว่า“เป็นโรคกระเพาะหรือเปล่า?”
ระหว่างที่เดินไปเทาเท่ก็ตอบอืมกลับมาคำหนึ่ง หนึ่งปีมานี้กระเพาะของเขาเหมือนจะไม่ปรกติ
ตอนที่มีหลินจืออยู่ด้วยกันอาหารทั้งสามมื้อในแต่ละวันของเขาหลินจือจะคอยดูแลและจัดแจงให้เขาอย่างเอาใจใส่
โรคกระเพาะของเขาในตอนนั้นต้องพึ่งอาหารในการฟื้นฟูบำบัด เขาไม่เคยเชื่อมันเลย หลังจากที่หย่ากันแล้วหนึ่งปี ความจริงก็ได้สอนให้เขารู้ทุกอย่าง
ไม่มีอาหารที่เหมาะสมและดีต่อสุขภาพ โรคกระเพาะของเขาก็สำแดงอาการได้ทุกเมื่อ
ซูซีถอนหายใจและพูดว่า“ฉันบอกคุณแล้วว่าให้เลิกดื่มกาแฟ บุหรี่กับเหล้าก็เพลาๆลงบ้าง แต่คุณก็ไม่ฟังเลย ”
พูดถึงเรื่องกาแฟแล้วซูซีก็กัดฟันกร่อน เธอรู้ว่าเมื่อก่อนหลินจือชอบชงกาแฟให้เทาเท่ดื่มทุกเช้า
หลังจากที่เทาเท่หย่าแล้วเธอก็ไปเรียนรู้เรื่องการชงกาแฟ ยังเคยชงให้เทาเท่ด้วยความมั่นใจในฝีมืออยู่หลายครั้ง แต่เทาเท่กลับจิบไปแค่คำเดียวก็ไม่แตะต้องมันอีกเลย
เธอโกรธจนแทบจะกระอัก แต่หลังจากนั้นก็ไม่อยากจะเหนื่อยใจกับมันอีก อ้างเหตุผลว่ากระเพาะเขาไม่ค่อยดีให้เขาเลิกๆมันไปซะ
เลิกดื่มกาแฟ ก็ได้จะขจัดความเคยชินแย่ๆที่หลินจือได้ปลูกฝังมันเอาไว้ให้เขา
สำหรับการบ่นของซูซี เทาเท่ไม่ได้มีปฏิกิริยาใดๆ ซึ่งก็แสดงให้รู้ในทางอ้อมว่าเขาจะไม่เลิกดื่มกาแฟ
หลังจากที่ทั้งสองคนขึ้นนั่งบนรถแล้วเทาเท่ก็ขับรถไปส่ง ซูซีที่บ้านพักของเธอ
ระหว่างทาง ซูซีถามหยั่งเชิงเขาว่า“เออนี่ บทละครของวันนี้คุณพอใจกับมันไหม ?”
เทาเท่ตอบกลับไปสองคำ“ดีมาก”
ซูซีกัดฟันกร่อนและพูดต่อว่า“ คุณไม่รู้สึกเหรอ ว่าตอนจบมันแปลกๆ?”
เทาเท่ถามกลับอย่างเรียบเฉย“แปลกตรงไหน?”
ซูซีพยายามควบคุมอารมณ์ตัวเองให้สงบที่สุด“ ตอนจบคือพระชายากับท่านอ๋องก็สมปรารถนาตามที่วาดหวังไว้ หญิงในดวงใจของท่านอ๋องเสียชีวิต ทั้งๆที่ก่อนหน้านั้นก็บอกเล่าเรื่องราวว่าท่านอ๋องรักหญิงสาวคนนี้มากแค่ไหน แต่สุดท้ายก็เขียนให้หญิงสาวคนนี้ต้องมาตาย แบบนี้มันเหมาะสมแล้วเหรอ?”
ในที่ประชุมเธอแทบลมจับ หากเธอไม่รู้ว่าคนเขียนบทคือหลินจือก็คงจะไม่เท่าไร แต่พอรู้ว่าหลินจือเป็นคนเขียนบทละครนี้ เธอก็รู้สึกเหมือนว่าหลินจือกำลังเขียนชีวิตของพวกเขาสามคนยังไงอย่างนั้น
ละครย้อนยุคนี้พระเอกของเรื่องคือเดอะคิง ชื่อตัวละครนี้ชื่อว่าคิงรองค์ คิงรองค์ถูกจับให้แต่งงานกับพระชายา แต่การแต่งงานของคนทั้งสองคือสมรสพระราชทานจากฮ่องเต้ ท่านอ๋องไม่ได้ชอบพอกับพระชายา ในใจของเขามีหญิงสาวที่รักอยู่แล้ว
นี่มันเป็นชีวิตจริงของเธอ กับเทาเท่และหลินจือความสัมพันธ์ของพวกเขาสามคนไม่ใช่เหรอ ?
แต่ในตอนจบหลินจือเขียนให้หญิงสาวในดวงใจคนนั้นต้องตาย พระชายาที่ไม่ถูกรักเขียนให้เป็นท่านอ๋องรักมากที่สุดในดวงใจ ในชีวิตจริงเป็นสิ่งที่หลินจือไม่เคยได้รับ ดังนั้นก็จึงเขียนมันออกมาแบบนี้เพื่อปลอบใจตัวเองงั้นเหรอ ?
ภายใต้การพูดเตือนของซูซีและแล้วเทาเท่ก็รู้สึกว่าบทละครนี้ค่อนข้างคล้ายคลึงกับชีวิตจริงของพวกเขาสามคน แต่เขาก็ไม่ได้รู้สึกว่ามีตรงไหนที่มันไม่เหมาะไม่ควร
“โครงเรื่องของเนื้อเรื่องทั้งหมดกับประเด็นหลัก ผลที่ออกมาสุดท้ายแล้วจบลงแบบนี้ ไม่สอดคล้องกันเลย ”
“ชายารองค์กับคิงรองค์ฝ่าฟันเรื่องราวต่างๆด้วยกันมามากมาย ตั้งแต่ยึดบัลลังก์จนถึงสงครามชายแดน แล้วต่อด้วยท่านอ๋องได้รับบาดเจ็บสาหัส จนท่านอ๋องได้ขึ้นครองบัลลังก์เป็นฮ่องเต้ เหตุการณ์สำคัญทุกอย่างของท่านอ๋องมีพระชายาคอยอยู่เคียงข้างจนสำเร็จ โดยเฉพาะในช่วงเวลาความเป็นความตายของท่านอ๋อง เป็นพระชายาที่ยืนหยัดกับทุกอย่างในตำหนักรองค์ สุดท้ายท่านอ๋องก็ได้ขึ้นครองบัลลังก์และรับปากกับพระชายาว่าจะมีเธอเพียงคนเดียวในวังหลัง ก็สมเหตุสมผลแล้ว”
คำบรรยายนี้ของเทาเท่อ้างอิงมาจากเค้าโครงของเรื่องนี้ซึ่งก็พูดด้วยอารมณ์ที่สงบนิ่งและมีเหตุผล แต่ ซูซีกลับรู้สึกหงุดหงิดจนแทบคลั่ง