บทที่ 33 ฟ้าไม่ได้ถล่ม

อยากง้อเหรอ คุณสามี(เก่า)

ซูซีในฐานะหญิงสาวในดวงใจในชีวิตจริง รับไม่ได้กับการจบที่พลิกแพลงของละครเรื่องนี้

เมื่อครู่ที่เขาพูดเรื่องนี้กับเทาเท่ ก็หวังว่าเทาเท่จะรู้สึกเหมือนกันว่าตอนจบของเรื่องนี้มันไม่มีเหตุมีผลเท่าไร ในฐานะของผู้ลงทุนเรียกร้องให้หลินจือแก้ไขโครงเรื่องเสียใหม่

เธอไม่คิดว่าเทาเท่จะเห็นด้วยกับตอนจบแบบนี้ หนำซ้ำก็ยังไม่ได้รู้สึกว่ามันผิดปรกติตรงไหน

ซูซียังอยากจะพูดต่อ “เทาเท่——”

แต่ในวินาทีถัดมาเทาเท่ ก็ชิงพูดขึ้นก่อนด้วยน้ำเสียงที่จริงจัง“ซูซี ตอนนี้ผมกำลังทำละครอยู่ ไม่ได้กำลังจะเล่นขายของ ”

ความหมายก็คือเขาพอใจกับโครงเรื่องในตอนนี้เป็นอย่างมาก ให้เธอไม่ต้องมาก้าวก่าย

คำพูดของเทาเท่ทำเอาซูซีโกรธจนดวงตาแดงก่ำ นี่เท่ากับว่าเขากำลังต่อว่าเธอทางอ้อมว่าไม่รู้เรื่องและเอาโปรเจ็คต์ของเขาไปทำเป็นเล่นขายของ

เธอรู้อยู่แล้วว่าเขากำลังทำละคร ตลอดหลายปีเธอเคยเข้าไปวุ่นวายกับงานของเขาเมื่อไรกัน?

หากผู้เขียนบทละครเรื่องนี้ไม่ใช่หลินจือ เธอคงไม่อึดอัดแบบนี้ และไม่เข้าไปยุ่งวุ่นวายแบบนี้แน่นอน

แต่ไม่ว่าซูซีจะรู้สึกน้อยใจมากแค่ไหนเธอก็ต้องเก็บความรู้สึกนี้เอาไว้ เพราะต่อหน้าเทาเท่เธอไม่เคยแสดงให้เขาเห็นว่าเธอไม่รู้เรื่องที่หลินจือกลับมาและเป็นคนเขียนบทละครเรื่องนี้ เธอพยายามอย่างเต็มที่ที่จะรักษาภาพลักษณ์ของคนที่อ่อนโยนและเอื้อเฟื้อของเธอ

ซูซียิ้มเยาะในใจ เทาเท่ไม่เห็นด้วยกับการเปลี่ยนบทละครก็ช่างปะไร เธอจะหาคนมาจัดการกับเรื่องนี้เอง

ผู้ลงทุนสร้างนั้นถือว่าเป็นบุคคลสำคัญ และผู้กำกับก็ถือว่าสำคัญมากด้วยไม่ใช่เหรอ ?

หากผู้กำกับไม่พอใจกับบทละคร โปรเจกต์นี้ก็ดำเนินการต่อไม่ได้

ตลอดหลายปีในวงการนี้ เธอก็มีเส้นสายของตัวเองและวิธีการจัดการ เธอก็อยากจะรู้เหมือนกัน นักเขียนบทหน้าใหม่อย่างหลินจือ จะเอาอะไรมาสู้กับนักแสดงดังอย่างเธอ

หรือไม่เธอก็ยังมีพินอินอีกคน ละครที่เทาเท่ลงทุนทำเอง มักจะมีตัวละครให้พินอินได้ร่วมเล่นอยู่เสมอ

ขอแค่พินอินมีส่วนร่วมในละครเรื่องนี้ ถึงเวลาถ่ายทำก็สร้างปัญหา หลินจือไม่มีทางจัดการได้แน่

ด้วยเรื่องเล็กๆนี้ สีหน้าของเทาเท่ก็ไม่ได้ดูดีขึ้นเลย ส่งซูซีถึงที่เขาก็ขับรถออกไปเลย ไม่แม้แต่จะมองหน้าซูซี ซูซีโกรธจนกัดฟันกร่อนแล้วเข้าบ้านไป

เทาเท่ไม่ได้ไม่พอใจในเรื่องที่ซูซีเข้ามาก้าวก่ายงานของเขา แต่เป็นเพราะเขาอ่านความคิดของซูซีออก

เห็นชัดว่าซูซีรู้แล้วว่าหลินจือกลับมาและยังเป็นคนเขียนบทละครเรื่องนี้ ไม่อย่างนั้นทำไมจู่ๆซูซีถึงได้ขอตามเขาไปร่วมประชุมด้วย ?

เห็นๆอยู่ว่าเธอเอาแต่ตั้งแง่กับหลินจือ แต่ต่อหน้าเขาก็ยังทำเป็นใสซื่อบริสุทธิ์

แบบนี้ทำเอาเทาเท่รู้สึกระอิดระอามาก

เทาเท่ไม่เข้าใจว่าทำไมซูซีถึงได้กลายเป็นคนแบบนี้ซูซีที่เขาเคยรู้จักเป็นคนสุขุมและเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ มีเหตุมีผล

หลังจากที่กลับมาถึงที่ทำงานเทาเท่ก็หยิบเอาเบอร์โทรของหลินจือที่เจเทาวน์ให้ออกมา นิ่งเงียบลังเลอยู่ชั่วครู่จากนั้นก็กดโทรไปหา

ปลายสายกดรับในทันที น้ำเสียงที่เย็นเยือกของหญิงสาวดังลอดเข้ามา“ สวัสดีค่ะ นั่นใครคะ ?”

ใครงั้นเหรอ?

น้ำเสียงของเธอดูห่างเหินและหมางเมิน อารมณ์เทาเท่ถึงกับลุกโชน คำพูดที่พูดออกมาก็เต็มไปด้วยกลิ่นดินปืน“หลินจือ ฟ้าถล่มดินทลายหรือยังไง การประชุมสำคัญแบบนี้ทำไมถึงไม่มา?”

ปลายสายนิ่งเงียบไปชั่วขณะ จากนั้นเสียงที่เยาะเย้ยของเธอก็ดังขึ้น“ประธานเทาเท่ ฟ้าไม่ได้ถล่มหรอกค่ะ แค่รถบัสที่ฉันนั่งประสบอุบัติเหตุพลิกคว่ำนิดหน่อย”

“ฉันต้องขอโทษด้วยจริงๆที่ขาดการประชุมที่สำคัญแบบนี้ หากคุณไม่พอใจสามารถไปแจ้งเรื่องกับประธานเจเทาวน์เพื่อขอเปลี่ยนตัวดิฉันได้ค่ะ”

หลังจากที่เธอพูดจบก็กดวางสายไปทันที เทาเท่กำโทรศัพท์ที่วางสายไปแล้วแน่นในหัวสมองมีเพียงคำว่ารถบัสประสบอุบัติเหตุ

ภาพเหตุการณ์อันน่าสลดในทีวีก็ปรากฏขึ้นในแววตา เมื่อนึกถึงน้ำเสียงที่เรียบนิ่งของหลินจือ และเมื่อนึกถึงการเยาะเย้ยถากถางของตัวเองที่แสดงต่อเธอ ในใจของเขาก็สั่นไหวอย่างอธิบายไม่ถูกด้วยความกลัว