เทาเท่ไม่คิดว่าอุบัติเหตุที่หลินจือเจอคืออุบัติเหตุทางรถยนต์ ชั่วขณะหนึ่งรู้สึกว่าสิ่งที่ตัวเองพูดไปเมื่อครู่นั้นดูโหดร้ายเกินไป
ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งเขาก็กดโทรไปหาหลินจืออีกครั้ง เพื่ออยากจะขอโทษเธอ และอยากจะถามไถ่เธอว่าได้รับบาดเจ็บอะไรไหม แต่ว่าสายที่โทรไปก็ไม่มีคนรับ เห็นชัดว่าเธอจงใจไม่รับสาย
จากนั้นเทาเท่ก็กดเรียกสายภายในให้จอนห์เข้ามาหาเพื่อสั่งงาน“ นายให้คนขับรถไปรับคนที่โรงพยาบาลแถวชานเมืองหน่อย”
“ได้ครับ” จอนห์รับคำจากนั้นก็ถามขึ้นว่า “ไปรับใครครับ?”
เทาเท่พูดออกมาอย่างยากลำบาก“หลินจือ。”
จอนห์ประหลาดใจมาก แต่ก็รับคำแล้วเตรียมที่จะไปดำเนินการ
เทาเท่ก็เรียกเขาไว้อีกครั้ง“เดี๋ยวก่อน นายไปรับเองดีกว่า”
จอนห์เป็นคนสนิทของเขาและเป็นคนสุขุมลุ่มลึก เป็นคนที่เขาเชื่อใจได้
และจอนห์เองก็ติดตามเทาเท่มานานหลายปี ดังนั้นก็จึงเข้าใจความคิดของเทาเท่เช่นกัน จึงพูดแนะนำว่า“ประธานเทาเท่ หรือคุณจะไปเอง?”
เทาเท่ปฏิเสธ“ไม่ดีกว่า นายไปเถอะ”
ตอนนี้เขากับหลินจือหมางใจกันซะขนาดนี้ หากเขาไปก็มีแต่จะทำให้ความสัมพันธ์ของพวกเขานั้นแย่ลงมากขึ้นไปอีก
จอนห์รับคำสั่งให้ไปรับหญิงสาว หลังผ่านไปสี่สิบนาที จอนห์ก็โทรกลับมาหา
จอนห์พูดอย่างลำบากใจ“ประธานเทาเท่ คุณหลินจือเธอไม่ยอมขึ้นรถของผมครับ และประธานเจเทาวน์ก็มาที่นี่ด้วยตัวเอง รับคุณหลินจือเธอไปแล้วครับ”
เทาเท่กัดฟันแล้วถามว่า“เจเทาวน์ไปรับด้วยตัวเองงั้นเหรอ?”
เขาคิดเอาไว้อยู่แล้วว่าเจเทาวน์คิดไม่ซื่อกับหลินจือ เพราะถ้าหากเขามองหลินจือเป็นพนักงานทั่วไป มีเหรอที่พนักงานประสบอุบัติเหตุแล้วคนเป็นเจ้านายต้องไปรับและไปดูด้วยตัวเองแบบนี้
จอนห์ตอบ“ใช่ครับ ตอนที่ผมมาถึงประธานเจเทาวน์ก็อยู่ตรงนี้แล้ว ”
จอนห์พูดอีกว่า“ผมได้สอบถามแล้ว คุณหลินจือไม่ได้รับบาดเจ็บอะไร ดูเหมือนว่าที่แขนจะมีแผลถลอกเล็กน้อยเท่านั้นครับ”
“นอกจากนี้ คำขอโทษของคุณผมก็ได้พูดแทนคุณให้เธอไปแล้ว เธอ เธอตอบกลับคุณมาด้วยครับ”
เทาเท่ถามเสียงเบา “ตอบกลับว่าไง?”
จอนห์ตอบตามความจริง“เธอบอกว่าไม่เป็นไร เพราะคุณชอบหาเรื่องเธออย่างไม่มีเหตุผลอยู่แล้ว และในสายตาคุณไม่ว่าเธอจะทำอะไรก็ผิดทั้งนั้น”
จอนห์คิดไปถึงท่าทีและน้ำเสียงของหลินจือเมื่อครู่ คนนอกอย่างเขายังสัมผัสได้ว่าเมื่อก่อนเจ้านายตัวเองคงจะทำเรื่องแย่ๆไว้กับหลินจืออยู่ไม่น้อยแน่ๆ
เทาเท่ถือโทรศัพท์อยู่ครู่หนึ่งก่อนจะพูดขึ้นว่า“นายกลับมาเถอะ”
จอนห์ก็รีบรายงานอีกครั้งว่า“เออบอสครับ คุณหลินจือเธอมาที่ชานเมืองเพราะวันครบรอบการเสียชีวิตของแม่เธอครับ ”
“วันนี้เป็นวันครบรอบการเสียชีวิตของแม่เธอ เพราะไม่อยากจะพลาดการประชุมของวันนี้ เธอมาที่ชานเมืองตั้งแต่เมื่อวานตอนบ่าย เช้านี้หลังจากที่ไหว้แม่เธอเสร็จก็รีบขึ้นรถบัสเที่ยวแรกเพื่อเดินทางกลับ ไม่คิดว่าระหว่างทางจะเกิดอุบัติเหตุขึ้น”
หลังจากที่เทาเท่ฟังรายงานของจอนห์จบ ไม่รู้ว่าในใจของตัวเองนั้นรู้สึกอย่างไร
วันครบรอบการเสียชีวิตของแม่เธอ?
เขารู้ว่าแม่ของเธอนั้นเสียชีวิตไปหลายปีแล้ว แต่ไม่เคยรู้เลยว่าสุสานของแม่เธออยู่ที่ชานเมือง และไม่รู้ว่าวันไหนคือวันครบรอบการเสียชีวิตของแม่เธอ
เธอไม่เคยพูดถึงมัน หรือต่อให้จะเคยพูดถึงเขาก็ไม่เคยจะสนใจ
อีกอย่าง เพราะไม่อยากจะพลาดการประชุมเธอเดินทางไปเขตชานเมืองตั้งแต่เมื่อวาน เขายังต่อว่าเธอว่าเห็นที่ทำงานเป็นตลาด เห็นชัดว่าเธอให้ความสำคัญกับการประชุมในครั้งนี้เป็นอย่างมาก ……
ตอนนี้หลินจือกำลังนั่งอยู่ในรถของเจเทาวน์เพื่อเดินทางกลับเข้าเมือง ดวงตาเธอแดงก่ำเล็กน้อย
เธอไม่ได้เสียใจกับคำพูดของเทาเท่ แต่เธอรู้สึกโกรธมันมากกว่า
เธอโกรธที่เธอก็หย่ากับเทาเท่ไปแล้วแต่ทำไมเทาเท่ยังต้องมาสร้างความลำบากใจให้เธออีก แต่แล้วเธอก็มานั่งขบคิด แม้เธอจะหย่ากับเทาเท่ไปแล้ว แต่งานที่เธอทำตอนนี้เทาเท่ก็เหมือนเป็นเจ้านายของเธอด้วยอีกคน
ในวงการนี้ ผู้ลงทุนคือผู้ชี้ชะตา คือผู้มีอำนาจ และคือพระเจ้า
ดังนั้นการที่เธอขาดประชุมก็จึงเป็นเรื่องธรรมดาที่เขาจะถามถึง นี่คงจะเป็นฝันร้ายในที่ทำงานแล้วล่ะ