บทที่ 468 แต่งงานกับหลี่หรง
บทที่ 468 แต่งงานกับหลี่หรง
ชายหนุ่มคนนี้รับมือยากจริง ๆ!
หลี่อิงไห่ลอบถอนหายใจ หลังจากลังเลอยู่ครู่หนึ่ง สุดท้ายเขาจึงเปิดเผยความในใจ
“ตอนแรกฉันไม่พอใจหรอก แต่หลังจากนั้นก็เริ่มทำใจได้บ้าง เรื่องที่เกิดขึ้นเป็นความผิดของฉันเอง นายใจดีกับฉันเกินไปแล้ว”
หลังจากพูดอย่างนั้น หลี่อิงไห่ก็รู้สึกว่าตัวเองกำลังจะหมดเรี่ยวแรง แผ่นหลังจึงเปียกชุ่มด้วยเหงื่อเย็น
ถ้าเป็นการเผชิญหน้ากับคนธรรมดา เขาคงโกหกไปแล้วว่าไม่แค้นอีกฝ่ายแม้แต่น้อย แต่กลับกันเขาสัมผัสได้ว่าผู้ชายคนนี้ไม่เหมือนคนอื่น ๆ!
ผู้ชายตรงหน้าสามารถอ่านใจคนอื่นได้
อวี้ฮ่าวหรานครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนละสายตาจากอีกฝ่าย
“โอเค พรุ่งนี้คุณเริ่มงานได้เลย อย่างแรกคือเราต้องแก้ปัญหาหลังเปลี่ยนแผนการบริหาร ซึ่งตอนนี้ผมต้องการผู้บริหารระดับสูงหลายอัตรา”
สาเหตุที่ตอบรับแบบนั้น เพราะเขารู้เจตนาที่แท้จริงของอีกฝ่ายแล้ว
ไม่มีใครรอดพ้นเนตรเทวะไปได้
ไม่นานเหล่าสมาชิกตระกูลหลี่ก็พูดคุยถึงการพัฒนาของธุรกิจตนเอง แต่ฮ่าวหรานกลับนิ่งเงียบ
เขาแค่อยากรู้วิธีการบริหารของบริษัทอื่น…
หลังการสนทนาจบลง อวี้ฮ่าวหรานก็พาหลี่หรงออกจากห้องรับแขกในคฤหาสน์ตระกูลหลี่
เมื่อเดินผ่านลานเล็ก ๆ พวกเขาก็ได้ยินหลี่จิงเทียนคุยโวอีกครั้ง
“…พวกเธอเห็นไหม คนพวกนั้นไม่ได้เรื่องเลย กว่าจะบริหารบริษัทให้เติบโตแบบนี้ใช้เวลาไปเท่าไร?”
พอได้ยินอย่างนั้น ดวงตาของหญิงสาวรอบ ๆ ตัวเขาก็เปล่งประกายวาววับ
“อวี้ฮ่าวหรานน่าทึ่งมาก! เขาหล่อและเท่ที่สุดเลย!”
“ถ้าเทียบกันแล้ว พวกผู้ชายที่โรงเรียนโง่และซื่อบื้อมาก! ฉันชอบอวี้ฮ่าวหรานที่สุด!”
“…”
หลี่หรงได้ยินบทสนทนาที่เด็กสาวพวกนั้นพูดคุยกัน!
หลังจากปรายตามองดวงตาที่เปล่งประกายของเหล่าเด็กสาวตระกูลหลี่ เธอจึงเลื่อนมือขึ้นไปควงแขนของพี่เขยด้วยความประหม่าเล็กน้อย
อวี้ฮ่าวหรานไม่สนใจเรื่องที่เกิดขึ้น เขาจึงไม่เข้าใจว่าทำไมอีกฝ่ายถึงทำอย่างนี้
“ฮึ! แม้แต่ศัตรูตัวเล็กที่สุดก็คือศัตรู!”
หลังจากเดินผ่านลานเล็กแล้ว หลี่หรงก็ตระหนักได้ว่าตอนนี้ตัวเองกำลังทำตัวหยาบคายจึงปล่อยมือพร้อมถอนหายใจเบา ๆ
เมื่อถึงเวลาหกโมงเย็น งานเลี้ยงวันเกิดจึงเริ่มขึ้นอย่างเป็นทางการ
เหล่าผู้อาวุโสและสมาชิกตระกูลหลี่ต่างไปรวมตัวกันที่ห้องโถงใหญ่ ซึ่งมีอาหารหลากหลายชนิดวางเรียงรายอยู่บนโต๊ะ
ใบหน้าของถวนถวนเต็มไปด้วยความสุขเมื่อเห็นอาหารวางอยู่เต็มโต๊ะ
เธอไม่สนใจเรื่องของผู้ใหญ่ สิ่งเดียวที่เจ้าตัวน้อยคิดถึงในตอนนี้มีแค่อาหารเท่านั้น
“แม่หรง! ถวนถวนอยากกินอันนี้! อืม…อันนี้ด้วยค่ะ!”
เจ้าตัวน้อยมองอาหารบนโต๊ะก่อนพูดเสียงดัง
“ถวนถวน หนูต้องกินอาหารที่อยู่ในมือให้หมดก่อน ถ้าไม่อย่างนั้นน้าจะไม่อนุญาตให้กินอีก”
หลี่หรงไม่ตามใจถวนถวน เธอคิดว่าต้องดุหลานสาวซะบ้าง ไม่อย่างนั้นเธอคงถูกพี่เขยตามใจจนเสียคน
“ฮ่า ๆ หลานสาวตาไม่ได้มาที่นี่บ่อย ๆ อยากกินอะไรก็กินเลยลูก”
หลี่ชงซานหัวเราะขณะนั่งลงบนเก้าอี้ จากนั้นเอื้อมมือไปหยิบน่องไก่ทอด
“พ่อ!”
หลี่หรงโกรธเคืองพ่อเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้ตำหนิอีกฝ่าย พี่เขยตามใจถวนถวนคนเดียวก็พอแล้ว นี่พ่อของเธอยังเห็นดีเห็นงามด้วยอีกคนเหรอ?
“แม่หรง! ถวนถวนเก่งไหม ถวนถวนกินเกี๊ยวหมดแล้ว”
เจ้าตัวเล็กกินอาหารตรงหน้าให้เสร็จก่อนเอื้อมมือไปหยิบน่องไก่ เด็กคนนี้มีมารยาทมาก
“ฮ่า ๆ ดูสิหลานตาเก่งแค่ไหน หรงเอ๋อร์อย่าเข้มงวดกับหลานเลย”
หลี่ชงซานหัวเราะคิกคัก ตอนนี้เขารักหลานสาวยิ่งกว่าเดิมซะอีก
เมื่อหลี่หรงได้ยินอย่างนั้น เธอจึงรู้สึกไม่พอใจก่อนพูดด้วยน้ำเสียงกระฟัดกระเฟียด
“พ่อคะ! พ่อใจอ่อนเกินไปแล้ว พ่อตามใจพี่รองยังไม่พอเหรอ? ถ้าไม่ใช่เพราะพี่เขย ตอนนี้คงไม่มีใครรู้ว่าเขาอยู่ที่ไหนหรอก!”
“หือ?”
หลี่จิงเทียนที่กำลังก้มหน้ารับประทานอาหารเงยหน้าขึ้นด้วยความสับสนเมื่อได้ยินน้องสาวพูดถึงตัวเอง
อวี้ฮ่าวหรานพูดไม่ออก นี่คืองานรวมญาติจริง ๆ เหรอ?
ในไม่ช้างานเลี้ยงก็ใกล้เลิกรา
“หรงเอ๋อร์ ลูกจะเรียนจบปีหน้าใช่ไหม?”
หลี่ชงซานถาม
หลี่หรงพยักหน้าตอบรับพร้อมป้อนอาหารให้ถวนถวน
“ค่ะ งานที่บริษัทยุ่งมาก หนูเลยไม่ค่อยได้เข้าเรียน”
“จริงด้วย ลูกต้องดูแลบริษัท ตอนนี้มันเติบโตขึ้นมาก ไม่ใช่บริษัทเล็ก ๆ เหมือนเมื่อก่อนแล้ว!”
อวี้ฮ่าวหรานอึ้งเล็กน้อย เขาไม่คิดว่าทำไมอีกฝ่ายถึงหยิบยกเรื่องอายุเป็นหัวข้อสนทนา
แต่จู่ ๆ หลี่ชงซานก็วางตะเกียบลงแล้วมองมาที่เขาอย่างเคร่งขรึม
“ฮ่าวหรานไม่ต้องห่วงหรอก ถ้าปีหน้าหรงเอ๋อร์เรียนจบเมื่อไร ฉันจะจัดงานแต่งให้พวกนายสองคนทันที”
หลี่หรงตกตะลึงทันทีที่ได้ยิน!
เธอแทบสำลักอาหารที่เพิ่งคีบเข้าปาก
“พ่อ…พูดอะไรน่ะ!”
เธอใช้เวลาอยู่ครู่หนึ่งก่อนตอบโต้อีกฝ่าย ใบหน้าแดงระเรื่อฉายแววประหลาดใจเล็กน้อย
“งานแต่งของลูกน่ะสิ ฮ่าวหรานไม่ได้บอกว่าจะดูแลลูกไปตลอดชีวิตหรอกเหรอ พ่อเห็นด้วยกับเขานะ”
หลี่ชงซานมีเหตุผลส่วนตัว
“อีกอย่างพ่อคุยเรื่องนี้กับเหล่าผู้อาวุโสแล้วล่ะ พ่อคิดว่าไม่น่ามีปัญหาอะไรแล้วนะ ฮ่าวหรานดีต่อตระกูลหลี่ของเรามาก ตระกูลหลี่เลยอยากให้เธอแต่งงานกับเขาเป็นการตอบแทน”
“หนู…”
หลี่หรงมีท่าทีลังเลเล็กน้อย เธอควรปฏิเสธการแต่งงานดีไหม?
แต่…ถ้าปฏิเสธผู้ชายดี ๆ แบบพี่เขย แล้วเธอจะหาผู้ชายที่เพียบพร้อมอย่างนี้ได้ที่ไหนอีก?
ยังไงซะเขาก็เป็นพี่เขย!
ถ้า…ถ้าเธอตอบตกลงแล้ว เขาจะคิดเหมือนกันไหม…
ความคิดของหลี่หรงดำดิ่งลงเรื่อย ๆ ขณะที่ใบหน้าแดงก่ำกว่าเดิม
เมื่อเห็นอย่างนั้น เหล่าผู้อาวุโสจึงอดอมยิ้มไม่ได้ ทุกคนต่างเห็นว่าลึก ๆ แล้วหลี่หรงเต็มใจแต่งงานกับอวี้ฮ่าวหราน
“ผมคิดว่าเราค่อยคุยกันเรื่องนี้ปีหน้าดีกว่านะ”
อวี้ฮ่าวหรานโพล่งขึ้น จิตใจของเขากำลังสับสนเช่นกัน ถ้าเป็นเมื่อสองสามเดือนก่อน เขาคงตอบตกลงอย่างง่ายดาย
หลี่เม่ยสำคัญกับชีวิตเขามาก!
แต่หลังจากผ่านร้อนผ่านหนาวมามากมาย ชายหนุ่มจะทอดทิ้งเธออย่างใจร้ายได้ยังไง
ท้ายที่สุดก็เป็นเขาเองที่เคยสัญญาว่าจะดูแลหลี่หรงไปตลอดชีวิต ดังนั้นจึงปฏิเสธไม่ได้
“โอเค ถ้า…ถ้างั้นเลื่อนงานแต่งออกไปก่อนเถอะ ปีหน้าเราค่อยมาคุยกันใหม่”
หลี่หรงตอบทันควัน ด้วยอารมณ์มากมายที่ปะทุขึ้นภายในจิตใจ เธอจึงเห็นด้วยกับข้อเสนอของอีกฝ่าย
เมื่อเหล่าผู้อาวุโสเห็นว่าคนทั้งสองไม่เร่งรีบ พวกเขาจึงไม่คัดค้านก่อนเปลี่ยนหัวข้อสนทนา
งานเลี้ยงกินเวลาไปเกือบสองชั่วโมง ไม่นานก็ถึงเวลาเลิกรา
ตอนนี้เป็นเวลาสามทุ่มกว่า ๆ แล้ว ทั้งสองเดินออกจากประตูคฤหาสน์ตระกูลหลี่
ลมกลางคืนหนาวเย็นขึ้นเล็กน้อย ทำให้หลี่หรงกระชับเสื้อคลุมแน่น
“แม่หรง คุณตาอยากให้แม่หรงแต่งงานกับพ่อหนูใช่ไหม”
ท่ามกลางความเงียบงัน จู่ ๆ ถวนถวนก็ถามขึ้น
“น้า…”
หลี่หรงพูดไม่ออก เธออยากแต่งงานกับพี่เขยมาก แต่ไม่สามารถเห็นแก่ตัวและทำผิดต่อพี่สาวได้
ไม่อยากปฏิเสธ ทว่าก็ไม่กล้าตอบตกลง
“ถวนถวน ตาแค่พูดเล่นน่ะ เรากลับบ้านกันเถอะ”
อวี้ฮ่าวหรานตอบด้วยรอยยิ้มขณะเดินจูงมือเด็กน้อย
“ค่ะ หนูสัญญาว่าจะไม่พูดเรื่องนี้อีก”
ดูเหมือนว่าเด็กน้อยสัมผัสได้ว่ามีสิ่งผิดปกติเกิดขึ้นกับน้าสาว เด็กน้อยจึงรีบพยักหน้าอย่างเชื่อฟัง