ยัยหมอวายร้ายที่รัก บทที่ 242 คุ้มไหม?
ทันใดนั้นเขาก็เงยหน้าขึ้นและดวงตาสีแดงฉานที่เต็มไปด้วยความอาฆาตแค้นของเขาทำให้คนที่พบเห็นต่างขนหัวลุก
คุณท่านกมลภพถึงกับช็อก!
เขาถอยห่างออกไปสองสามก้าวติดต่อกัน และเขานิ่งอึ้งไปสักพักโดยที่ไม่พูดอะไรเลย
“แก…มันบ้าไปแล้วจริงๆ!”
“ใช่สิ ผมมันบ้าไปแล้ว ถ้าท่านฆ่าเธอ ผมรับรองไม่ได้จริงๆว่าผมจะทำอะไร” แสนรักกดฟันถ้อยพูดคำเหล่านั้นออกมา!
ใช่แล้ว นั่นคือสิ่งที่เขามาที่นี่ในวันนี้!
ส่งตัวผู้หญิงคนนั้นคืนมาให้เขา หรือจะรอให้เขาบ้าคลั่งอีกเป็นครั้งที่สอง
ใบหน้าของชายชราถึงกับขาวซีดเซียว
เขาคิดว่าคงยากที่จะอธิบายเรื่องนี้ เมื่อแสนรักรับรู้ แต่คาดไม่ถึงว่าแสนรักจะแข็งกระด้างและข่มขู่เขาด้วยตัวของเขาเอง
เขารักผู้หญิงคนหนึ่งได้มากขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่?
ก่อนหน้านี้เขาไม่เคยสนใจว่าหล่อนจะเป็นหรือตายไม่ใช่เหรอ?
ชายชราจ้องไปที่ลูกชายคนนี้ ทั้งตกใจและโกรธในเวลาเดียวกัน เป็นครั้งแรกที่เขารู้สึกว่าเขาไม่คุ้นเคยและยากที่จะมองผ่าน
“ฉันไม่ได้ฆ่าหล่อน และไม่ได้แตะต้องตัวหล่อนเลย แกอย่าบ้าคลั่งนะ!” ชายชราอาการเหมือนไก่คอตก หมดอาลัยตายอยากจะพูดคำนั้นออกมา
ดวงตาทั้งสองของแสนรักหรี่ลงทันทีและเต็มไปด้วยความอันตราย
“ไม่เหรอ?”
“ใช่ ฉันไม่เคยคิดที่จะฆ่าหล่อนเลย ฉันแค่ขอให้หล่อนอยู่กับฉันอย่างเชื่อฟังและอย่าออกไปไหนอีก แต่เมื่อคืนนี้เด็กผู้หญิงคนนั้นหนีไปแล้ว และตอนนี้ฉันก็กำลังตามหาหล่อนอยู่”
เมื่อชายชราพูดถึงเรื่องนี้ ก็อดที่จะรู้สึกโกรธไม่ได้เมื่อวานเขาไม่มีเจตนาที่จะโหดเหี้ยมขนาดนั้น เพื่อเป็นการชดเชย เขาได้เตรียมโฉนดที่ดินและเครื่องประดับล้ำค่าบางอย่างไว้ให้เขา
คิดว่าจะให้เมื่อพาผู้หญิงคนนี้กลับมา แล้วค่อยให้หล่อน
แต่ใครจะคิดว่าจู่ๆหล่อนจะวิ่งหนีไป
เมื่อแสนรักได้ฟังเรื่องทุกอย่างแล้ว ขณะนั้นก็เหมือนมีหินก้อนใหญ่ตกลงมาในหัวใจของเขา เขาจ้องไปที่ผู้เป็นพ่อ ในแววตาแฝงไปด้วยความเย้ยหยัน
“ถ้าหล่อนไม่หนี จะรอให้ท่านจับขังไปตลอดชีวิตเหรอ?”
“แก——”
ชายชราอั้มอึ้งพูดอะไรไม่ถูกอีกครั้ง
โชคยังดีที่ตอนนี้ลูกชายคนนี้ไม่มีอาการบ้ามากนัก เขายืนขึ้นและจัดเสื้อผ้าอย่างใจเย็น
“ผมจะหาตัวหล่อนให้เจอ และหวังว่าเรื่องแบบนี้จะไม่เกิดขึ้นอีก หล่อนเป็นคนแบบไหนท่านคงรู้ดีกว่าผม ไม่ใช่เหรอ”
“แกพูดเรื่องอะไร?”
“ผมพูดว่า ปีนั้นที่ท่านไปสู่ขอหล่อน ไม่ใช่เพราะว่ารู้ว่าหล่อนเป็นใครหรอกเหรอ ท่านถึงไปสู่ขอหล่อน หรือไม่จริง”
เขาเริ่มโมโหอีกครั้ง
เพียงแต่ว่าสายตาครั้งนี้ของเขายิ่งน่ากลัวเข้าไปอีก
เขามองมาที่ท่านกมลภพโดยที่ไม่ท่าทีโกรธเคืองใดๆ แต่ดวงตาสีดำที่น่ากลัวกลับจมลงราวกับหมุนวน แทงทะลุหัวใจของชายชรา และขุดสิ่งที่ไม่สามารถบรรยายออกมาได้ซึ่งฝังเขาไว้ในส่วนลึกสุดของหัวใจ!
เขารู้เรื่องนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่?!!
สีหน้าของชายชราเริ่มซีดเซียวขึ้นเรื่อยๆ
ในขณะนี้ คุณท่านกมลภพหมดความมั่นใจที่จะโต้เถียงกับเขาอีกต่อไป เขาเหมือนถูกเปิดเผยตัวตนที่แท้จริงออกมาทั้งหมด ใบหน้าของเขาแดงขาวสลับกันไปมา อย่าได้พูดถึงความมีชีวิตชีวาเลย
เมื่อแสนรักเห็นอย่างนั้นก็ยิ้มเยาะเย้ยและหันหลังจากไปทันที
ใช่แล้ว งานแต่งในปีนั้น ทุกคนคิดว่าตระกูลหิรัญชาของเขาที่มีคุณธรรม ยื่นมือช่วยเหลือในย่ามที่ผู้อื่นตกอยู่ในสถานการณ์เลวร้ายที่สุดและช่วยเหลือเด็กกำพร้าที่ครอบครัวแตกแยก
แต่ใครจะรู้ว่าที่เขาทำแบบนี้ เพียงเพราะเขาต้องการตัวผู้หญิงคนนี้?
เพราะหล่อนสอดแนมจนไปรู้ความลับของแสนรัก เขาจึงกังวลเสมอเมื่อหล่อนอยู่ข้างนอก เขากลัวว่าวันหนึ่งหล่อนจะบอกความลับนี้และทำลายแสนรัก
จากนั้นเขาก็จงใจมาขอแต่งงานในตอนที่ชีวิตหล่อนตกต่ำที่สุด
แล้วผู้หญิงคนนี้ล่ะ?
ตั้งแต่ที่หล่อนยังเป็นเด็กเธอรู้สึกผิดและต้องรับผิดชอบต่อแสนรักเนื่องจากเหตุการณ์นั้น อีกทั้งเป็นเพราะว่าหล่อนแอบชอบเขามาโดยตลอด
หล่อนลาออกจากมหาวิทยาลัยที่เธอสอบติด ยอมปล่อยโอกาสที่จะฟื้นฟูตระกูลวชิรนันท์ของหล่อน และแต่งงานเข้ามาอยู่ในครอบครัวของพวกเขาในทางที่สิ้นหวัง
แต่ผลลัพธ์?
นั่นคือสิ่งที่หล่อนได้รับตอบแทน
เมื่อแสนรักขับรถออกไป ตัวของเขาก็สั่นเล็กน้อย
อันที่จริงเขาไม่รู้เรื่องนี้เลย แต่ตอนที่เขาคุยกับชายชราเมื่อครู่นี้ เห็นได้ในแววตาของเขาว่าไม่สนใจว่าผู้หญิงคนนั้นจะเป็นตายร้านดี แสนรักพึ่งเข้าใจ
เกิดผลกระทบใหญ่มาก!
เขาไม่เคยรู้มาก่อนว่าพ่อของเขามีนิสัยที่โหดเหี้ยมเช่นนี้
และท่านก็แสดงได้ดีมาก ดีจนแม้กระทั่งเขาเองก็ถูกหลอก
“บี๊บ——”
อารมณ์ของเขาพุ่งถึงขีดสุดจนต่อยพวงมาลัยอย่างแรง!
สิ่งนั้นคือความเจ็บปวด
เขาไม่เคยรู้เลยว่าจะมีสักวันที่เขาจะรู้สึกเห็นใจผู้หญิงคนนี้จริงๆ
ราวกับว่ามีของแหลมคมแทงเข้าไปในหัวใจของเขา เขาไม่ต้องการที่จะยอมรับมัน แต่ความเจ็บปวดที่แท้จริงครั้งหนึ่งทำให้ผู้คนต้องนอนบนพวงมาลัยจริงๆ และไม่สามารถแม้แต่จะยืดเอวของพวกเขาให้ตรง
ทำไมหล่อนถึงได้โง่ขนาดนี้?
ทำเพื่อเขา มันคุ้มค่าแล้วเหรอ?
เมื่อเขาพบว่าหล่อนเป็นคนทิ้งจดหมายไว้ตอนนั้น เขาก็ไม่มีปฏิกิริยาใดๆ มากนัก เขารู้ว่าหล่อนเก็บความลับของเขาไว้และไม่เคยพูดออกไป และเขาก็ ไม่ได้แสดงท่าทีอะไร
แต่ตอนนี้ เขารู้สึกเจ็บปวดใจแทนหล่อนจริงๆ
มันเจ็บปวดแหลกละเอียดเหมือนเข็มแทง เหมือนมีดบาด มันเจ็บปวดมากจนไม่สามารถจับพวงมาลัยได้