บทที่ 33 ตัวอักษรที่คุณสักนี้ ใช่ชื่อพี่ชายฉันหรือเปล่า

รักหวานอมเปรี้ยว

มายมิ้นท์รีบดึงชายเสื้อลงปกปิดรอยสักตัวอักษรบนตัว ไปเปิดประตู ไม่คิดว่าด้านนอกประตูจะมีเปปเปอร์และส้มเปรี้ยวยืนอยู่ ทำให้เธอประหลาดใจมาก

เปปเปอร์สวมชุดสูทสีดำและส้มเปรี้ยวข้างกายเขาสวมชุดเดรสยาวสีแชมเปญ ผิวพรรณขาวสวย

ทั้งสองคนยืนด้วยกัน เหมาะสมกันเหลือเกิน

เปปเปอร์เห็นมายมิ้นท์ผมยุ่งเล็กน้อย แก้มก็แดงก่ำ กลิ่นอายบนร่างกายก็เย็นชาขึ้นมา ถามเธอด้วยเสียงเข้ม “ปีโป้ล่ะ?”

“ประธานเปปเปอร์รู้ได้ยังไงว่าเขาอยู่บ้านฉัน?” มายมิ้นท์ถามกลับ “รู้แม้กระทั่งสถานที่ที่ฉันอาศัย ติดตามฉันเหรอ?”

ส้มเปรี้ยวเดินไปข้างหน้าหนึ่งก้าว พูดด้วยเสียงอ่อนโยน “คุณมายมิ้นท์คุณเข้าใจผิดแล้ว คืนนี้พ่อแม่เปปเปอร์กินข้าวกับพ่อแม่ฉัน เปปเปอร์เห็นว่าปีโป้ไม่มาที่โรงแรม โทรศัพท์ก็ติดต่อไม่ได้ ก็เลยสืบหาตำแหน่งที่อยู่โทรศัพท์เขา ส่วนบ้านเลขที่ของคุณ เราถามเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยค่ะ”

มายมิ้นท์พูดอ๋อ รอยยิ้มที่ริมฝีปากสดใสและเฉื่อยชา “ฉันนึกว่าหลังจากหย่ากันแล้ว ประธานเปปเปอร์ยังคิดถึงฉันไม่ลืม ติดตามฉันอยู่ตลอดเวลา”

รอยยิ้มบนใบหน้าส้มเปรี้ยวแข็งทื่อ พูดด้วยความอ่อนโยนอย่างรวดเร็ว “เรามารับปีโป้ คุณให้เขาออกมาเถอะค่ะ”

“ปีโป้ พี่ชายกับพี่สะใภ้นายมาแล้ว” มายมิ้นท์ตะโกนเข้าไปในห้อง “ฉันไม่ได้เป็นคนบอกนะ พี่ชายนายตั้งตำแหน่งในโทรศัพท์นาย แล้วหาได้เอง”

ปีโป้เห็นพี่ชายตัวเองมาแล้ว ก็ดึงไหล่ เหมือนหวาดกลัวมาก ค่อยๆ หยิบกระเป๋านักเรียนเดินออกมา

เมื่อทั้งสามจะไปแล้ว มายมิ้นท์ก็เรียกพวกเขาไว้ “ประธานเปปเปอร์ น้องชายคุณใช้ยาของฉัน และกินบะหมี่เนื้อฉันสองชาม คุณไม่คิดจะจ่ายเงินเหรอ?”

ปีโป้พูดด้วยความโกรธ “บะหมี่เนื้อสองชามมันจะเท่าไรกันเชียว คุณเห็นแก่เงินเหรอ?”

“ตอนนี้เนื้อแพงนะ” มายมิ้นท์พูด “อีกอย่างเราไม่ได้เป็นอะไรกัน ทำไมฉันต้องให้นายกินฟรีดื่มฟรีที่บ้านฉันด้วย?”

ปีโป้ “……”

เปปเปอร์หยิบธนบัตรห้าใบออกมาจากกระเป๋าเงิน ยื่นให้มายมิ้นท์ สีหน้าเรียบเฉย “พอไหม?”

“พอแล้ว ขอบคุณค่ะประธานเปปเปอร์ พวกคุณเดินทางปลอดภัยนะ” หลังจากมายมิ้นท์รับเงินมา ก็เข้าห้องปิดประตูอย่างว่องไว ไม่มองพวกเขาอีก

ทั้งสามคนลงลิฟต์มาชั้นล่าง

จนกระทั่งขึ้นรถ เปปเปอร์ก็ถามปีโป้ “ทำไมไม่ไปโรงแรม แล้วมาที่บ้านมายมิ้นท์? แผลบนหน้ามันเกิดอะไรขึ้น?”

ปีโป้หวาดกลัวมากต่อหน้าพี่ชาย เมือ่เขาถาม ก็รีบตอบด้วยความสัตย์จริง “ต่อยตีกับเพื่อนนักเรียน ผมรู้ว่าคืนนี้พี่กินข้าวกับคนในครอบครัวพี่ส้มเปรี้ยว ผมกลัวว่าไปด้วยสภาพนี้มันไม่ดี เลยเรียกพี่สะ……มายมิ้นท์มาประกันตัวผม กินข้าวเย็นที่บ้านเธอ”

เห็นปีโป้จะเรียกมายมิ้นท์ว่าพี่สะใภ้ ส้มเปรี้ยวก็กำมือแน่น

ส้มเปรี้ยวหยิบกล่องยาบนรถมาช่วยปีโป้จัดการแผลอีกครั้ง การกระทำเบาและอ่อนโยน พูดจาก็นุ่มนวล “ปีโป้ ต่อไปมีเรื่องอะไรโทรหาฉันหรือไม่ก็พี่ชายนายนะ เราเป็นคนในครอบครัวเดียวกัน ไม่มีอะไรที่รบกวนไม่รบกวนหรอก”

“คุณมายมิ้นท์มีแฟน นายไปรบกวนเธอบ่อยๆ มันไม่ดี แฟนเธอจะมีอคติเอา”

ปีโป้ก็นึกถึงตอนกินข้าวเมื่อครู่นี้ คำพูดที่มายมิ้นท์หยอกล้อเขา สีหน้าแววตาก็อึดอัดมาก “เธอเหมือนอยู่คนเดียว ไม่ได้อยู่กับไอ้หน้าละอ่อนนั่น”

เปปเปอร์เหลือบมองเขาผ่านกระจกมองหลัง ไม่รู้ทำไม ได้ยินปีโป้พูดแบบนี้ จู่ๆ ในใจเขาก็โล่งใจ

“พวกเขาอาจจะอยู่อีกที่ก็ได้” ส้มเปรี้ยวหัวเราะเบาๆ “ฆ่าเชื้อแผลแล้ว ยังเจ็บไหม?”

“ไม่เจ็บแล้วครับ ขอบคุณครับพี่ส้มเปรี้ยว” ปีโป้ยิ้มกว้าง รู้สึกว่าส้มเปรี้ยวอ่อนโยนจริงๆ พูดจาก็นุ่มนวล ดีกว่ามายมิ้นท์เยอะเลย!

ส้มเปรี้ยวปิดกล่องยาแล้วเก็บเรียบร้อย พูดกับเปปเปอร์เหมือนตั้งใจแต่ก็ไม่ได้ตั้งใจ “เปปเปอร์ ข่าวพวกนั้นในกลุ่ม ได้ยินว่าคุณให้ผู้ช่วยเหมันตร์จัดการแล้วเหรอ? เป็นแค่เรื่องเล็กๆ เอง ไม่คิดว่าพนักงานเทนเดอร์กรุ๊ปจะถ่ายวิดีโอไว้แล้วเผยแพร่มั่วๆ ในกลุ่ม ชื่อเสียงคุณป้าแปดเปื้อน แถมทำให้คุณติดร่างแหไปด้วย”

“พี่ส้มเปรี้ยวหมายความว่าคุณสงสัยมายมิ้นท์ให้พนักงานของเธอบันทึกวิดีโอเหรอ?” ปีโป้ถามอย่างงุนงง

“ฉันไม่ได้หมายความว่าแบบนี้” ส้มเปรี้ยวรีบพูด “ฉันคิดว่า ถ้ามายมิ้นท์รู้เรื่องนี้นานแล้ว หยุดพนักงานในมือสักหน่อย วิดีโอก็คงไม่แพร่กระจายในกลุ่มเร็วขนาดนี้หรอก”

“พนักงานเทนเดอร์กรุ๊ปมีเยอะ ถึงเธอจะเตือนแล้ว ก็ยังมีพนักงานที่สร้างเรื่องแอบส่งออกไปอยู่ดี” ปีโป้เบ้ปาก “อีกอย่างเดิมทีแล้วแม่ผมก็ผิดเอง พี่ชายผมกับมายมิ้นท์หย่ากันไปแล้ว เธอยังไปโวยวายที่เทนเดอร์กรุ๊ปเพราะเรื่องเล็กน้อยอีก”

ถึงแม้ปีโป้จะไม่ชอบมายมิ้นท์ แต่อยู่ใต้หลังคาเดียวกันกับมายมิ้นท์มาหกปี รู้ว่าเธอจะไม่ทำเรื่องสกปรกเหล่านั้น

อีกอย่างพิศมัยไปโวยวายที่เทนเดอร์กรุ๊ป ไม่ใช่มายมิ้นท์เป็นคนหาเรื่อง

ส้มเปรี้ยวไม่อยากจะเชื่อเลย

ทั้งๆ ที่ปีโป้เกลียดมายมิ้นท์มาก ทำไมตอนนี้ช่วยพูดแทนมายมิ้นท์ล่ะ?

“พี่ส้มเปรี้ยว พี่มองผมแบบนี้ทำไม?” ปีโป้เห็นส้มเปรี้ยวมองตัวเอง ก็ยกมือลูบใบหน้า แต่ลูบไปโดนแผลที่ฆ่าเชื้อโดยไม่ได้ระวัง ก็ทำหน้าบิดเบี้ยวด้วยความเจ็บปวด “ใบหน้าเสียโฉมของผมแย่มากเลย?”

ส้มเปรี้ยวได้สติกลับมาทันที ยิ้มอย่างอ่อนโยน “มากเลย ฉันคิดว่าพรุ่งนี้นายไปโรงเรียนจะต้องโดนเพื่อนนักเรียนจ้องมองแน่ๆ”

ปีโป้ทำหน้ารู้สึกไม่ดี อยากพูดว่าลาหยุดไม่ต้องไปเรียนดีกว่า แต่กังวลว่าคนที่ขับรถคือพี่ชายตัวเอง ถ้าเขากล้าพูดว่าไม่ไปโรงเรียน พรุ่งนี้แม้แต่ประตูบ้านก็คงเข้าไม่ได้ จึงไม่กล้าพูดด้วยความหวาดกลัว

รถขับมาถึงตระกูลนวบดินทร์อย่างรวดเร็ว

พิศมัยเห็นส้มเปรี้ยวยังไม่กลับไป ก็ดึงมือเธอมาด้วยความเสน่หา “อุ๊ยตายส้มเปรี้ยว ให้เธอไปหาปีโป้ด้วยกันกับเปปเปอร์ ลำบากเธอเลยจริงๆ ดึกขนาดนี้แล้ว เธอนอนที่นี่ดีกว่า ยังไงเธอก็ย้ายเข้ามานานแล้ว”

ส้มเปรี้ยวก็อยากอยู่เช่นกัน จึงเหลือบมองเปปเปอร์ เห็นผู้ชายไม่พูด ก็เม้มปาก พูดอย่างอ่อนโยน “โอเคค่ะ ขอบคุณนะคะคุณป้า”

“เป็นครอบครัวเดียวกันแล้ว สุภาพทำไม!” พิศมัยเห็นเธอพักค้างคืน ก็มีความสุขมาก

เปปเปอร์อาบน้ำออกมาแล้ว ไม่รีบร้อนที่จะนอน จัดการเอกสารไม่กี่ฉบับ

เมื่อเขาเปิดลิ้นชักเพื่อหยิบหมึก แต่ดึงผิดลิ้นชัก เห็นด้านในสุดมีซองจดหมายสีเหลืองวางไว้อย่างเป็นระเบียบ

เห็นจดหมายเหล่านั้น แววตาผู้ชายก็อ่อนโยนโดยไม่รู้ตัว

เขารู้จักกับเพื่อนทางจดหมายคนนี้ที่ชื่อว่า “ต้นไผ่” โดยบังเอิญ ติดต่อกันบ่อย สื่อสารกันเยอะเลย ไม่คิดว่าทั้งสองคนจะคุยกันถูกคอ

เป็นครั้งแรกที่เขาใจเต้นกับคนที่เขาสื่อสารผ่านจดหมาย

ไม่คิดเลยว่า คนในจดหมายนั้นจะเป็นส้มเปรี้ยวจริงๆ