ตอนที่ 376 ลอบสังหาร

พลิกชะตาชายาสยบแค้น

ตอนที่ 376 ลอบสังหาร

“ท่านแม่ เหตุใดท่านจึงเป็นเช่นนี้เจ้าคะ ! ” อันหลิงอีอยากกอดหลี่ซื่อจนอยากร้องไห้ แต่ก็กลัวโดนบาดแผลที่ใบหน้าของอีกฝ่าย สุดท้ายจึงมิได้ทำตามใจคิด

“อย่าเอ่ยถึงมันเลย อีเอ๋อ เจ้าไปปิดประตูที”

หลี่ซื่อเล่าแผนการที่วางไว้ให้อันหลิงอีฟัง ตอนนี้ภายในจวนโหวมีคนที่นางไว้ใจได้แค่บุตรสาวเท่านั้น

“ท่านแม่ ท่าน!” อันหลิงอีอดเป็นห่วงมิได้เพราะวิธีนี้เสี่ยงมากเกินไป

“อีเอ๋อ เจ้าวางเถิด ต่อให้ครั้งนี้แม่ต้องตาย ทว่าต่อไปท่านพ่อก็จักมิใจร้ายกับเจ้าอีก ! ”

หลี่ซื่อกัดฟันกรอดเพราะนางเตรียมทุกอย่างเอาไว้หมดแล้ว

“แต่ลูกกลัวว่าครั้งนี้จักเสียแผนเพราะอันหลิงเกออีกเจ้าค่ะ”

ภายในใจของอันหลิงอีรู้สึกเหมือนอันหลิงเกอเป็นเสี้ยนหนามคอยทิ่มแทงอยู่ ทั้งที่นางรู้ดีว่าวันนั้นอันหลิงเกอเป็นคนใส่เข็มพิษในปิ่นปักผมแต่ก็มิสามารถพูดออกมาได้ นางจึงทำได้เพียงรับคำครหานี้อย่างกล้ำกลืนฝืนทน

“วางใจเถิด ! ” หลี่ซื่อยอมเอาชีวิตเป็นเดินพัน ฉะนั้นนางจักมิยอมให้แผนการนี้ล้มเหลวเป็นอันขาด

“ก็ได้เจ้าค่ะ แต่ท่านแม่ต้องห่วงเรื่องความปลอดภัยของตนเป็นอันดับแรก” อันหลิงอีถอนหายใจออกมา ตอนนี้คงเหลือเพียงวิธีนี้แล้วจริง ๆ

จวบจนเย็นวันที่สอง อันหลิงอีเพิ่งก้าวออกจากห้องเพื่อมาทานมื้อค่ำร่วมกับทุกคน

“ตั้งแต่นี้ไป เจ้ากับท่านแม่ก็ทานอาหารในเรือนของตน”

อันอิงเฉิงสงบลงแล้ว แม้มิได้โมโหเหมือนตอนแรกแต่ภายในใจยังขุ่นเคืองอยู่

อันหลิงอีชะงักฝีเท้าทันทีแล้วมองไปยังอันหลิงเกอด้วยสายตาเคียดแค้น ทั้งหมดนี้ก็เพราะมันคนเดียว !

“ท่านพ่อ…”

“มิต้องกล่าวอันใดอีก สถานที่ของพวกเจ้าในจวนโหวเหลือแค่เรือนส่วนตัวเท่านั้น ! ”

อันอิงเฉิงคิดดีแล้ว ในเมื่อจวนอ๋องอี้ให้เวลา 3 เดือน เช่นนั้นเขาก็จักสั่งสอนอันหลิงอีให้ดีเพื่อมิให้เกิดเรื่องเช่นนี้อีก

“ท่านโหว มีคนบุกเข้ามาในจวนขอรับ ! ”

ว่าอย่างไรนะ?

ใบหน้าของอันหลิงอีฉายแววตื่นเต้นขึ้นมาเล็กน้อย แต่สีหน้าเช่นนี้มิรอดพ้นสายตาของอันหลิงเกอได้ น่าแปลกที่มีคนบุกเข้าจวน แต่อันหลิงอียังรู้สึกตื่นเต้นราวกับดีใจ

หรือจักอาศัยคนอื่นมาชิงตัวนางไป ?

“โหวอัน เอาชีวิตเจ้ามาเดี๋ยวนี้ ! ” ในตอนนั้นมีนักฆ่าพุ่งเข้ามา อันหลิงเกอคอยสังเกตอันหลิงอีอยู่ตลอด แต่นึกมิถึงว่าเป้าหมายของนักฆ่าจักเป็นบิดา !

อันหลิงอีถึงขั้นหาคนมาลอบสังหารท่านพ่อเชียวหรือ !

อันหลิงเกอเบิกตาโพลงอย่างมิเชื่อ มิทันการณ์แล้วเพราะบัดนี้ปลายกระบี่กำลังพุ่งเข้าหาอันอิงเฉิงจนเกือบถึงตัวเขาอยู่แล้ว

“ท่านโหวระวังเจ้าค่ะ ! ”

ในตอนนั้นเอง อยู่ ๆ หลี่ซื่อก็พุ่งตัวเข้ามาจากด้านนอกแล้วผลักอันอิงเฉิงออกเพื่อรับกระบี่แทน จนกระบี่เล่มนั้นทะลุหัวไหล่ของนาง

“ท่านแม่ ! ”

“หรูเสวี่ย ! ”

อันอิงเฉิงเห็นดังนั้นภายในใจก็รู้สึกเจ็บปวดขึ้นมา อย่างไรเขาก็มิอาจตำหนิสตรีที่เอาชีวิตมาปกป้องเขาเช่นนี้

“ท่านแม่ ! ” อันหลิงอีอยากเข้าไปหา แต่โดนสายตาของหลี่ซื่อห้ามไว้

ใช่แล้ว นางยังมีเรื่องต้องทำ

“จับตัวมันไว้ ! ”

อันอิงเฉิงเพิ่งกล่าวจบ อันหลิงอีก็วิ่งไปทางนักฆ่าทันที

นางดึงปิ่นออกจากผม จากนั้นก็ปักลงที่คอของนักฆ่า

“เจ้าลอบสังหารท่านพ่อ ทั้งยังคิดทำร้ายท่านแม่ข้าอีก จงตายเสีย ! ” การกระทำของอันหลิงอีในสายตาของคนที่อยู่ตรงนั้นล้วนคิดว่านางทำเพราะความโกรธ

แต่อันหลิงเกอรู้ดีว่านี่เป็นละครที่พวกนางสองแม่ลูกจัดฉากไว้ตั้งแต่แรก

กระบี่เล่มนั้นแทงไปที่ไหล่แต่มิได้ทำร้ายส่วนสำคัญของร่างกายแม้แต่น้อย สำหรับนักฆ่ามืออาชีพแล้วมิมีทางเป็นไปได้

อีกทั้งคนที่ขลาดกลัวเยี่ยงอันหลิงอีกล้าสังหารคนต่อหน้าทุกคนที่อยู่ในห้อง นี่เป็นสิ่งที่มิน่าเป็นไปได้เลย

ดังนั้นจึงมีคำอธิบายเพียงอย่างเดียว

“หรูเสวี่ย หรูเสวี่ย เด็กเด็ก ไปตามหมอมาเร็ว ! ”

แต่อันอิงเฉิงเปลี่ยนไปทันที บุรุษช่างใจอ่อนได้ง่ายดายเหลือเกิน เขากอดหลี่ซื่อที่ร่างกายไร้เรี่ยวแรงเอาไว้และมือก็สั่นขึ้นมาอย่างห้ามมิอยู่

ฮูหยินผู้เฒ่าที่อยู่ตรงนั้นก็มิได้กล่าวสิ่งใดออกมาราวกับนางก็มองออกเช่นกัน

“เกอเอ๋อ ประคองข้ากลับเรือนที ข้าอายุมากแล้วทนมองเลือดมิไหว” ในเมื่อฮูหยินผู้เฒ่าเอ่ยปากเช่นนี้ อันหลิงเกอจึงมิคิดอยู่ดูการแสดงเช่นเดียวกัน

“เจ้าค่ะ”

เมื่อถึงเรือนชิงเฟิง ทันทีที่ฮูหยินผู้เฒ่านั่งลงก็กวักมือเรียกอันหลิงเกอเข้ามาใกล้

“เรื่องในวันนี้เจ้ามีความเห็นว่าอย่างไร ? ” อันหลิงเกอรู้สึกสงสัยว่าเหตุใดท่านย่าจึงถามเช่นนี้

“เรียนท่านย่า เป้าหมายของนักฆ่าคือท่านพ่อ แต่หลี่อี๋เหนียงก็เข้ามาขวางทางกระบี่แทนท่านพ่อจนได้รับบาดเจ็บ…”

“ข้าหมายถึงในมุมมองของเจ้าต่างหาก” ฮูหยินผู้เฒ่าส่ายหน้า สิ่งที่นางต้องการฟังหาใช่อันหลิงเกอแกล้งทำมิรู้เรื่องรู้ราว แต่เป็นมุมมองต่อเรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้ต่างหาก

“หลังจากที่หลี่อี๋เหนียงทำเช่นนี้ หลานคิดว่าความขัดแย้งระหว่างนางกับท่านพ่อคงมลายหายไป หากเป็นเช่นนั้นช่วงเวลาที่อันหลิงอีอยู่ในจวนก็จักมิลำบากเจ้าค่ะ”

เมื่อได้ยินถ้อยคำของอันหลิงเกอ ฮูหยินผู้เฒ่าก็พยักหน้าอย่างชื่นชม

“ใช่แล้ว เจ้าคิดว่าเรื่องในครั้งนี้คนที่บงการน่าจักเป็นผู้ใดมากที่สุด ? ”

คำถามที่เอ่ยมานั้น หาได้ต้องการคำตอบไม่

ฮูหยินผู้เฒ่าและนางต่างก็รู้ดีแก่ใจว่าคนที่ทำเรื่องพวกนี้และวางแผนรอบคอบ นอกจากหลี่ซื่อแล้วมิมีทางเป็นผู้อื่นได้

“แต่อันหลิงอีฆ่าคนปิดปากไปแล้ว เรื่องนี้เกรงว่า…”

“ใช่”

ฮูหยินผู้เฒ่ามิรอให้นางกล่าวจบก็พยักหน้า

หลังจากเรื่องในครั้งนี้ก็เกรงว่าความโกรธเกลียดที่อันอินเฉิงมีต่อหลี่หรูเสวี่ยจักแปรเปลี่ยนเป็นความละอายใจจนหมดสิ้น

“เกอเอ๋อ วางใจเถิด เจ้ายังมีย่าอยู่” อยู่ ๆ ฮูหยินผู้เฒ่าก็กุมมือของนางเอาไว้ น้ำเสียงเต็มไปด้วยความอ่อนโยน

อันหลิงเกอรู้สึกอบอุ่นในหัวใจและนางเข้าใจดี

“เอาล่ะ เจ้าไปดูที่เรือนของพวกนางเถิด ย่าเองก็เหนื่อยแล้ว” ฮูหยินผู้เฒ่ารู้ดีว่าอันหลิงเกอรู้อันใดควรกล่าวและอันใดมิควรกล่าว

“เจ้าค่ะ เกอเอ๋อขอตัวก่อนเจ้าค่ะ”

หลังจากอันหลิงเกอจากไปแล้วก็มิได้รีบไปดูสถานการณ์ทันที แต่มายังห้องโถงเพื่อดูร่องรอยที่นักฆ่าทิ้งไว้เมื่อครู่

บนพื้นมีฝุ่นจากกำแพงสีแดงเหลืออยู่เล็กน้อย มองแล้วคนผู้นั้นคงเข้ามาทางกำแพงสีแดงด้านตะวันออก

อันหลิงเกอจึงมาสำรวจกำแพงตามที่คาดเดาไว้และรอยเท้ายุ่งเหยิงบนพื้นดินชื้นแฉะเป็นเครื่องพิสูจน์สิ่งที่นางคาดการณ์ได้เป็นอย่างดี

ที่นี่มิได้มีแค่รอยเท้าของนักฆ่าเท่านั้น ยังมีรอยเท้าที่ค่อนข้างเล็กอีกหนึ่งคู่ ดูจากรอยเท้าแล้วน่าจักเป็นสาวใช้ที่อยู่ภายในจวน

มิต้องเดาก็รู้ว่าต้องเป็นสาวใช้ที่อยู่ข้างกายหลี่อี๋เหนียงแน่นอน

ทว่าแค่นี้ยังมิเพียงพอที่จักใช้เป็นหลักฐานได้ ความจริงที่เห็นอยู่ก็คือสองแม่ลูกสามารถเรียกความสงสารจากอันอิงเฉิงได้อีกครั้ง

แต่อันหลิงเกอมิได้กังวลเรื่องนี้เพราะตระกูลหลี่ทอดทิ้งพวกนางแล้ว หลี่กุ้ยเฟยก็มิมีทางช่วยพวกนางอีก หลี่อี๋เหนียงจึงเป็นแค่อนุภรรยาธรรมดาไร้ที่พึ่งไปแล้ว

แม้ได้รับความโปรดปรานจากอันอิงเฉิงอีกครั้งก็มิสามารถวางอำนาจในจวนได้ มิหนำซ้ำตอนนี้มีฮูหยินผู้เฒ่าอยู่ด้วย เรื่องทุกอย่างในจวนมิมีทางตกไปอยู่ในมือนางอย่างง่ายดายอีกเด็ดขาด

เมื่อตรวจสอบเรียบร้อยแล้ว อันหลิงเกอจึงเดินไปยังเรือนของหลี่อี๋เหนียง

“ท่านแม่…”

ยังมิทันก้าวเข้าไปก็ได้ยินเสียงร้องไห้สะอึกสะอื้นของอันหลิงอีดังออกมา

คงมิใช่ว่าหลี่อี๋เหนียงทนพิษบาดแผลมิไหว ?

เมื่อคิดได้ดังนั้นนางจึงก้าวเท้าให้เร็วขึ้น หากอีกฝ่ายตายก็จักสบายเกินไป !

“หรูเสวี่ย”

“นายหญิงหลี่มิได้เป็นอันใดมาก แค่เสียเลือดจนหมดสติไปเท่านั้น พรุ่งนี้ก็น่าจักฟื้นแล้วนายท่านมิต้องกังวลขอรับ”

เมื่อเดินมาถึงประตูห้อง อันหลิงเกอก็ได้ยินคำของท่านหมออย่างชัดเจน นางจึงถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก

รอก่อน การตายของหลี่อี๋เหนียงมิมีทางง่ายดายเช่นนี้ !