บทที่ 127 ปณิธานในการต่อสู้ของนาตาชา

Throne of Magical Arcana ศึกบัลลังก์เวทอาร์คานา

เมื่อได้ยินคำพูดของลูเซียน นาตาซารู้สึกตลกขึ้นมา “ข้าขอโทษที่เจ้าต้องมาเจอการต่อสู้อันตรายแบบนี้เพราะข้า เจ้ายังไม่เคยสัมผัสแม้แต่มือของหญิงสาว! ถ้าเรารอดคืนนี้ไปได้ ข้าจะแนะนำผู้หญิงดีๆ ให้เจ้าสักคน”

ลูเซียนถอนหายใจ “พะยะค่ะ…” ขณะเดียวกัน ลูเซียนดีใจที่เห็นนาตาซายังมีอารมณ์ปล่อยมุกตลก เนื่องจากนางเป็นเพียงอัศวินหลวงระดับห้าคนเดียวของฝ่ายเขา เจ้าหญิงเป็นกำลังไขสำคัญที่จะกำหนดว่าอย่างน้อยพวกเขายังมีความหวังที่จะรอดตายในคืนนี้หรือไม่

“อัศวินคาชาเรล แดเนียล และบอร์ชต์ ทำไม?” นาตาซาหันไปทางอัศวินทั้งสามนายที่ตัดสินใจยังอยู่กับนาง

“หัวใจกระหม่อมเต้นรัว” คาชาเรลชี้ไปที่หัวใจของเขา “นี่คือหัวใจของอัศวิน ไม่ใช่คนตาขาว”

แดเนียลเป็นอัศวินวัยกลางคน ท่าทางน่าเกรงขามและสุขุม “กระหม่อมเคยเป็นยาจก ตอนนี้ได้เป็นถึงอัศวิน กระหม่อมเคยทำเรื่องไม่ดีมามากมาย แต่ปณิธานในการต่อสู้กับกองทัพชั่วไม่เคยเปลี่ยนแปลง” แล้วเขาก็ทำเครื่องหมายกางเขน “แม้กระหม่อมต้องตายในคืนนี้ เหนือสิ่งอื่นใด กระหม่อมขอแสดงความสำนึกต่อบาปที่เคยก่อในอดีต”

ส่วนบอร์ชต์เพิ่งขึ้นชั้นเป็นอัศวินได้ไม่นาน และยังดูค่อนข้างหนุ่ม เขาเกาหัวแกรกๆ ดวงตาสีเขียวของเขาเป็นแวววาวด้วยประกายแห่งความมุ่งมั่น “ศึกนี้เป็นการต่อสู้ครั้งแรกของกระหม่อมในฐานะอัศวิน และกระหม่อมจะไม่ละทิ้งหน้าที่ในการต่อสู้ครั้งแรก มิฉะนั้น วิเวียนอาจหัวเราะเยาะข้า”

พอพูดถึงวิเวียนแล้ว บอร์ชต์ก็ดูท่าทางเขินอาย

นาตาซาพยักหน้าให้พวกเขาก่อนหันไปหาอัศวินฝึกหัดอีกสองนาย “ไบรต์ ทิอาน่า… อัศวินฝึกหัดและทหารนายอื่นๆ ทิ้งไปหมดแล้ว ทำไมเจ้าเลือกจะอยู่?”

“ฝ่าบาท… พระองค์จำชื่อกระหม่อมได้!” ไบรต์แปลกใจมาก “นั่นก็เป็นเหตุผลพอให้กระหม่อมสู้เพื่อพระองค์แล้วพะยะค่ะ ฝ่าบาท!”

ตรงข้ามกัน ทิอาน่า หญิงสาวครึ่งเอลฟ์ครึ่งมนุษย์ ดูท่าทางลังเลเล็กน้อย “ฝ่าบาท… หะ เหตุผลของกระหม่อมไม่สูงส่ง กระ… กระหม่อมรู้สึกว่าอย่างไรเขาก็จะฆ่าพวกที่ยอมแปรพักตร์อยู่ดี”

เหตุผลที่เวอร์ดี้ยังไม่เปิดฉากโจมตีก็เพราะเขากำลังรอให้อัศวินอาภาและจอมเวทระดับสูงมาเป็นกองหนุน หลังจากพวกเขาสังหารคามิลสำเร็จ และในฐานะอัศวินหลวงระดับห้า พลังของนาตาซาไม่อาจถูกมองข้ามได้

เมื่อได้ยินสิ่งที่ทิอาน่าเพิ่งพูด เวอร์ดี้ตอบกลับ “หากข้าจะฆ่าคนที่ล่วงรู้แผนการของข้า ข้าคงต้องฆ่าอัศวิน อัศวินฝึกหัด และทหารที่ติดตามข้าทั้งหมด นั่นเป็นไปไม่ได้ และที่สำคัญ ข้าไม่มีเหตุผลต้องฆ่าพวกเขา ไม่มีหลักฐานชัดเจนพอจะพิสูจน์ว่าข้าสมคบคิดกับอาร์เจนต์ ฮอร์น และพวกนักเวท สิ่งที่ข้ากำลังทำนี้ผ่านการรับรองของตระกูลใหญ่ส่วนใหญ่ในราชรัฐแล้ว ส่วนพวกศาสนจักร พวกนั้นยินดีจะเห็นพวกขุนนางทำสงครามกันเองอยู่แล้ว เพื่อถ่วงดุลอำนาจ และพอข้าได้ขึ้นเป็นแกรนด์ดยุกคนต่อไป ทุกคนที่ติดตามข้าจะได้รับการปูนบำเหน็จอย่างงาม”

นาตาซาฟังเวอร์ดี้อยู่เงียบๆ หลังจากเขาไล่เลียงเหตุผลทั้งหมดเพื่อหาความชอบธรรมให้กับการกระทำของตัวเอง และยืนยันกับทหารฝ่ายเขาว่าสิ่งที่ทิอาน่าพูดไม่เป็นความจริง นาตาซาส่ายหน้าเบาๆ และยิ้ม “โถ ท่านญาติผู้พี่ เจ้าเคยสงสัยไหมว่าทำไมสภาเวทมนตร์อยากให้ข้าตายนักหนา ถึงขนาดเสี่ยงขอความร่วมมือจากเจ้า? หากเจ้าไม่เคยคิด เจ้าจะไม่มีวันเข้าใจว่าศาสนจักรใส่ใจข้าเป็นพิเศษขนาดไหน ถึงแม้แต่เจ้าจะสังหารข้าได้ เจ้าก็ไม่ใช่ทายาทโดยชอบธรรมคนเดียวที่เหลืออยู่ในตระกูลไวโอเล็ต”

เมื่อเวอร์ดี้ยังคงเงียบงันอยู่ด้วยความสับสน นาตาซาหันไปพูดกับคนของนางช้าๆ ด้วยปณิธานกันแรงกล้า “อัศวินของข้า นักรบของข้า แม้คนเราจะน้อยกว่า แต่พวกมันต้องกระจายกำลังคนมาล้อมพวกเรา นั่นหมายความว่าจำนวนของศัตรูตรงหน้าพวกเรามีมากกว่าเพียงไม่กี่คนเท่านั้น”

“เรายังมีโอกาส?!” ตาของอัศวินและอัศวินฝึกหัดเป็นประกายขึ้นมา

“ตราบใดที่เราจัดการศัตรูตรงหน้าเราก่อนพวกมันจะอ้อมมาตีข้างหลัง” นาตาซาพยักหน้าด้วยปณิธานอันแรงกล้า

ศึกนี้จะเป็นการรบที่ตัดสินกันที่ความเร็ว ความเร็วจะตัวตัดสินความเป็นความตาย

ขณะนั่งอยู่บนหลังม้าเกล็ดมังกรชื่อ ‘อะกาธา’ นาตาซาหันกลับไปจ้องหน้าเวอร์ดี้ ซึ่งมีอัศวินหลวงระดับห้าสองนายและอัศวินอื่นๆ อีกสี่นายเรียงรายอยู่ด้านหลัง

หลังจากนั้น นาตาซาแสยะยิ้มราวกับในที่สุดสิ่งที่นางเฝ้าฝันมาตลอดจะเป็นจริงในคืนนี้ ตาของนางเป็นประกายด้วยความตื่นเต้นสุดขีด เป็นประกายด้วยความฝันที่จะได้เป็น ‘วีรสตรี’

แม้ว่าเวอร์ดี้ไม่ได้ยินสิ่งที่นาตาซาพูดกับคนของนาง แต่จากท่าทางที่นาตาซานั่งบนหลังม้า เวอร์ดี้บอกได้ว่านางพร้อมรบ ไม่มีเวลาให้เขารออีกต่อไป

กระชับทวนยาวชื่อ ‘สเลเยอร์’ ใต้วงแขน นาตาซาชักดาบอัศวินชื่อ ‘นาตาซาส์ ธันเดอร์’ ของนางออกมา

“เคลื่อนพล! ไม่มีถอยกลับ! ในนามแห่งไวโอเล็ต!” เจ้าหญิงตะโกน

“ไวโอเล็ต! ไวโอเล็ต!” อัศวินและอัศวินฝึกหัดตะโกนไล่ตามหลังนาตาซาด้วยฮึกเหิม

ลูเซียนคาดไม่ถึงและประทับใจมาก เนื่องจากเขาไม่คาดว่านาตาซาจะมีทัศนคติแบบนี้ในการเผชิญหน้ากับอันตรายอันใหญ่หลวง สิ่งที่เขาเห็นคือจิตวิญญาณที่แท้จริงของอัศวิน

“เพื่อเกียรติยศแห่งไวโอเล็ต! ประจัญบาน!” นาตาซาตะโกนเสียงดังอีกครั้งและพุ่งไปข้างหน้ารวมกับลูกธนูเป็นหัวหมู่ทะลวงฟันนำการเข้าปะทะ

“เพื่อเกียรติยศแห่งไวโอเล็ต!” คาชาเรล ลูเซียน และวายออน รวมถึงแดเนียล ทิอาน่า ไบรต์ และบอร์ชต์ ควบม้าตามนาตาซาไปอย่างกระชั้นชิด และเข้าปะทะกับศัตรูตรงหน้าด้วยเสียงร้องโห่การรบด้วยความภาคภูมิ

ในกลุ่มพวกเขา ลูเซียนเป็นเพียงคนเดียวที่ค่อนข้างสุขุมกว่าใคร เขาเป็นนักเวท ไม่ใช่อัศวิน ถือดาบอะเลิร์ตของเขากระชับในมือ ลูเซียนพร้อมที่จะเรียกใช้ ‘มงกุฎสุริยัน’ ได้ทุกเวลา

ม้าร่างสูงชื่ออะกาธาร้องพยศเสียงดังเมื่อวิ่งห้อด้วยความเร็วเต็มกำลัง ควันสีดำออกมาจากโพรงจมูกของมัน เกล็ดเหมือนมังกรของมันเคลื่อนไหวตามอย่างสง่างาม เมื่อกีบเท้าหน้ากระแทกพื้น มีเสียงดังอื้ออึงและพื้นดินสั่นสะเทือน ราวกับมังกรจริงๆ กำลังพุ่งเข้าพิชิตศัตรู

ลูเซียนกำลังขี่ม้าสีแดงเข้มที่ถูกอัศวินที่แปรพักตร์หักหลังฝ่ายเจ้าหญิงทิ้งไว้ คาชาเรลประจำการอยู่ปีกซ้าย และวายออนรับผิดชอบทางปีกขวา แม้ว่าฝ่ายพวกเขามีเพียงแปดคน พวกเขากำลังเข้าประจัญบานกับศัตรูราวกับเป็นกองทัพอันยิ่งใหญ่

ขณะที่พวกเขากำลังพุ่งเข้าประจัญบานด้วยความเร็วขึ้นๆ ปลายทวนแหลมคมของ ‘สเลเยอร์’ เปลี่ยนกระแสลมและสร้างโล่ขนาดใหญ่รอบตัวนาตาซาและอัศวินและอัศวินฝึกหัดทุกคน

เวอร์ดี้เตรียมพร้อมรับมืออยู่แล้ว เขายกมือซ้ายขึ้น ขมวดคิ้ว และส่งสัญญาณ ทันใดนั้น ลูกธนูเป็นร้อยๆ ดอกถูกยิงเล็งเป้ามาที่เจ้าหญิงและผู้ติตตามอีกเจ็ดคน

อย่างไรก็ตาม โล่ที่ทวนของนาตาซาสร้างขึ้นช่วยปกป้องพวกเขาไม่ให้บาดเจ็บจากลูกธนู ลูกธนูทุกดอกหักและร่วงลงพื้นทันทีที่ปะทะเข้ากับมวลเกราะกระแสลม

เวอร์ดี้ไม่ได้แปลกใจ ต่อมาเขาโบกมือขวา อัศวินฝึกหัดที่รอรับคำสั่งอยู่เริ่มเข้าปะทะกับพวกที่ติดตามนาตาซา ขณะเดียวกัน เวอร์ดี้พุ่งเข้าใส่นาตาซาด้วยโล่เหล็กสีดำขนาดใหญ่ และดาบเพลิงในมือขวา

อัศวินหลวงระดับห้าอีกนายที่อยู่ข้างกายเวอร์ดี้ ชื่อ ท็อด ก็พุ่งเข้าปะทะใส่พวกเขาเช่นกัน ด้วยพลังแฝงจากพร ‘โลหิตเหล็ก’ ท็อดมั่นใจว่าจะบดขยี้ฝ่ายตรงข้ามได้ภายในสิบวินาที

ตาสีม่วงของนาตาซาเปลี่ยนเป็นสีเงินทั้งดวงตา จับจ้องเวอร์ดี้และท็อด ตาของนางเยือกเย็นขึ้นเรื่อยๆ

ทวนสีเงินของท็อดครูดกับสเลเยอร์ของนาตาซา ด้วยการคุ้มกันจากโล่ยักษ์ของเวอร์ดี้ ท็อดทุ่มกำลังทั้งหมดของเขาในการปะทะ โล่ที่เวอร์ดี้กำลังใช้เรียกว่า ‘โล่แห่งสัจธรรม’

นาตาซาไม่ได้ตั้งท่าจะป้องกัน นางกลับแทงเข้าที่โล่ของเวอร์ดี้ตรงๆ เมื่อความเร็วเพิ่มขึ้น ทวนของนางมีเส้นคลื่นพลังสีดำที่เห็นได้ชัดอยู่รอบๆ ซึ่งออกมาจาก ‘พร’ ของนาตาซาที่ชื่อว่า ‘ฝ่าฟัน’ หรือเรียกกันว่า ‘ดาบแห่งสัจธรรม’

นี่เป็นการปะทะกันระหว่างดาบและโล่

โลกทั้งใบดูเหมือนจะหยุดชั่วขณะ ขณะที่ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมาก เวอร์ดี้ได้ยินเสียงรอยแตกเล็กๆ บนโล่ของเขาหลังจากปะทะกัน

เมื่อเวอร์ดี้เรียกใช้พลังจาก ‘พร’ ที่มีทั้งหมดเพื่อซ่อมแซม ‘โล่แห่งสัจธรรม’ ทวนของท็อดพุ่งทะลุผ่านช่วงท้องของนาตาซา!

แม้แต่ท็อดเองก็รู้สึกแปลกใจมาก เขาคาดว่านาตาซาน่าจะใช้ดาบอัศวินของนางปัดป้องการโจมตีของเขาได้ และหันเหทิศทางการเข้าปะทะของนาง จริงๆ แล้วจุดประสงค์การโจมตีของเขาก็เพื่อชะลอความเร็วในการเข้าปะทะของนาตาซาเท่านั้น

ขณะเดียวกัน ลูกธนูเงินอีกจำนวนหนึ่งก็พุ่งทะลุร่างของนาง เนื่องจาก ‘เกราะโลหิตมังกร’ ที่นาตาซาสวมอยู่ได้รับความเสียหายหนักมาก่อนอยู่แล้ว จึงไม่อาจปกป้องนางได้ดีพอ

แม้ว่าสีหน้าของนาตาซาแสดงออกว่านางเจ็บปวด ลูกตาสีเทาของนางยังคงเยือกเย็นและสุขุม นางไม่ใช้ทวนหรือดาบ แต่กลับใช้มือเปล่าคว้าทวนของท็อดและดันทวนที่ปักคาช่องท้องออกสุดกำลัง

นางยังไม่ยอมหยุดแค่นั้น นาตาซาคว้าทวนของท็อดอยู่ในมือและยังคงพุ่งไปข้างหน้า

สีหน้าของนางดูตื่นเต้นสุดขีด จนเกือบเหมือนจะบ้า

หลังจากนั้น ด้วยเสียงแตกดัง “เปรี้ยง” ‘สเลเยอร์’ ของนาตาซาพุ่งทะลุโล่แห่งสัจธรรมอย่างสุดกำลัง! โล่แตกออกเป็นเสี่ยงๆ ในทันที

เวอร์ดี้ไม่อยากเชื่อในสิ่งที่เขาเห็น ทันใดนั้น เขาก็รู้ได้ว่านาตาซามีพลังแฝงที่กลายพันธุ์จาก ‘พร’ ของนาง เนื่องจาก ‘พร’ ของนางที่เรียกว่า ‘ดาบแห่งสัจธรรม’ เป็นการผสมผสานพลังของสองตระกูลที่อยู่กันคนละฟากของทวีป ตระกูลไวโอเล็ตและตระกูลโฮล์ม พลังกลายพันธุ์ของนางมีหลักการง่ายๆ ยิ่งนางบาดเจ็บมากเท่าไร นางยิ่งมีพลังมากเท่านั้น!

เวอร์ดี้ไม่ใช่นักรบมือสมัครเล่นในสมรภูมิ เมื่อเผชิญหน้ากับทวนที่พุ่งตรงมาหาเขา เขาเรียกใช้อุปกรณ์เวทมนตร์โดยไม่ลังเล ทันใดนั้นเขาก็หายตัวไปจากจุดที่เขาอยู่ และในวินาทีต่อมา เขาไปโผล่อีกครั้ง ห่างไปอีกราวยี่สิบเมตร

“นางทำได้ยังไง?” ความคิดแปลกๆ ผุดขึ้นในหัวของเวอร์ดี้แว่บหนึ่ง

นาตาซายังไม่ยอมหยุด นางกระชับทวน ‘สเลเยอร์’ ไว้ใต้วงแขนและคว้าทวนของท็อดที่เสียบทะลุท้องของนางไว้แน่นในมือ นาตาซาผลักท็อดกระเด็นถอยหลังไป และยังคงพุ่งตรงไปยังเวอร์ดี้ในเวลาเดียวกัน

ขณะที่นาตาซากำลังสู้สุดกำลัง แต่ละคนที่ตามหลังนางไม่ได้อยู่ในสภาพดีนัก เพราะการถูกโจมตีขนาบทั้งสองข้าง

แม้ว่าอัศวินและอัศวินฝึกหัดไม่คณามือของวายออน ซึ่งเป็นอัศวินหลวงระดับสี่ แต่คาชาเรลกำลังปะทะกับอัศวินระดับเดียวกับเขา ขณะที่คาชาเรลกำลังใช้พลังทั้งหมดโรมรันกับอัศวินระดับเดียวกัน เขาก็ได้รับบาดเจ็บสาหัสจากหอกของเหล่าอัศวินฝึกหัดฝ่ายของเวอร์ดี้

หลังจากได้ยินเสียงด้วยความเจ็บปวดที่ห้วนและแหลมจากไบรต์และทิอาน่า ลูเซียนก็ไม่ได้ยินเสียงทั้งสองคนอีกเลย เขาได้ยินเสียงหายใจหนักๆ ของบอร์ชต์ไล่ตามอยู่ข้างหลัง และเสียงครวญครางฟังไม่ได้ศัพท์สองสามครั้งจากแดเนียล

เมื่อลูเซียนกำลังเข้าไปช่วยคาชาเรลด้วยดาบอะเลิร์ตของเขา เขาเห็นลูกธนูสีเงินจำนวนนับไม่ถ้วนพุ่งมาทางเขาราวกับห่าฝน

ลูเซียนร่ายคาถา ‘เวทเกราะแสงดารา’ หากพวกเขารอดตายไปได้ ลูเซียนค่อยหาโอกาสคิดข้ออ้างคำอธิบายดีๆ แต่หากพวกเขาต้องตายที่นี่ ความพยายามทุกอย่างที่ทำมาก็ไร้ประโยชน์

เกราะแสงดาราคุ้มกันลูเซียนและคนอื่นๆ พร้อมทั้งเปล่งแสงเป็นประกายยามค่ำคืน ลูกธนูจำนวนมากที่ปะทะเข้ากับเกราะร่วงตกลงบนพื้นโดยไม่มีใครได้รับบาดเจ็บ

อีกฝั่งหนึ่ง ท็อดปล่อยมือจากทวนและโล่เหล็กก็โผล่ขึ้นมาในมือซ้ายที่เรียกใช้มาจาก ‘พร’ เขากวัดแกว่งดาบยาวในมือขวา ท็อดเริ่มตอบโต้กลับนาตาซา อัศวินหลวงคนอื่นๆ ในฝั่งเวอร์ดี้ที่ล้อมกรอบรุมกินโต๊ะนาตาซาและคนของนางอยู่ห่างจากฝั่งตรงข้ามเพียงครึ่งของระยะทางจริง!

……………………………………….