“คุณได้ยินหรือเปล่าคะ หม่าเวยเวยกำลังจะขายหุ้นที่ฉันโอนให้เธอไปน่ะค่ะ” หลังจากได้ยินข่าวมาจากคนรู้จักของเธอ หลงเจี่ยก็ต่อสายหาถังหนิง “ฉันยินยอมให้ไห้รุ่ยทวงจู้ซิงมีเดียคืนมาได้ ไม่อย่างนั้นมันคงจะน่าขายหน้าถ้าหม่าเวยเวยยังเอาแต่สร้างเรื่องวุ่นวายอยู่แบบนี้
“ฉันไม่อยากให้เธอทำลายความทุ่มเทที่เราสั่งสมมานะคะ!”
“ความทุ่มเทของเราไม่ได้เสียเปล่าหรอกนะ” ถังหนิงเอ่ยย้ำ “อย่าลืมสถานะของซิงหลานกับลัวเซิงในตอนนี้สิ แล้วก็อย่างลืมว่าพี่หงไม่จำเป็นให้ใครต้องมาสนับสนุนเธอเพื่อความอยู่รอด พวกเขาเป็นคนที่มุ่งมั่นตั้งใจกันทั้งนั้น
“จู้ซิงมีเดียอยู่ได้เพราะพวกเขา แล้วตอนนี้ทุกอย่างที่เหลืออยู่มันก็แค่เปลือกหอยที่ว่างเปล่าที่ไม่จำเป็นต้องมีอยู่แล้ว
“ถ้าหม่าเวยเวยดึงดันที่จะทำเรื่องหน้าไม่อายขนาดนี้ก็ช่วยเธอสักหน่อยแล้วกัน มีใครเสนอราคาไปหรือยังล่ะ”
“ฉันได้ยินมาว่ามีบริษัทใหญ่เข้ามาหาบ้างและคิดจะสานต่อเป้าหมายของจู้ซิงมีเดียในการเฟ้นหาศิลปินที่มีความสามารถต่อไปน่ะค่ะ” หลงเจี่ยตอบ “คุณวางแผนจะทำอะไรเหรอคะ”
“แผนของฉันคือรอให้หม่าเวยเวยเจรจาได้สำเร็จและได้รับเงิน ก่อนจะให้ถิงไปทวงจู้ซิงมีเดียคืนมายังไงล่ะ!” ถังหนิงเอ่ยขึ้นในห้องครัวระหว่างที่กำลังเตรียมอาหารเย็นอยู่
“ฮ่าๆๆ งั้นไม่ได้หมายความว่าเธอจะกลายเป็นตัวตลกเหรอคะ” เมื่อหลงเจี่ยจินตนาการถึงภาพนั้นเธอก็สะใจเป็นอย่างมาก
“นี่ก็เป็นสิ่งที่เธอสมควรได้รับแล้วไม่ใช่เหรอ” ถังหนิงถาม
“ความเจ้าเล่ห์ของคุณนี่ไม่เปลี่ยนไปเลยนะคะ” สิ้นเสียงหัวเราะของหลงเจี่ย เธอพลันนึกบางอย่างที่สำคัญขึ้นได้ “อีกไม่กี่วันลู่เช่อกับฉันอาจจะต้องขอลางานหน่อยนะคะ เรามีเรื่องส่วนตัวบางอย่างต้องไปจัดการน่ะค่ะ”
“โอ้ โอเค” ถังหนิงตอบกลับทันที
หลงเจี่ยจะไม่ได้บอกใครเรื่องสถานการณ์ที่บ้าน จึงไม่แปลกที่ถังหนิงจะไม่รู้ว่าหลงเจี่ยต้องเจอกับอุปสรรคแสนยากลำบาก
ถึงอย่างไรเธอก็ต้องลางานเพื่อไปร่วมงานฉลองครบหนึ่งร้อยวันของ เด็กอีกคน ของลู่เช่อ
น่าขันสิ้นดี!
…
หลังจากได้รับคำแนะนำจากพี่ชาย หันซิวเช่อพยายามอย่างหนักในการเข้าร่วมกลุ่มแฟนคลับ อย่างไรเสียกลุ่มแฟนๆ ที่มีการจัดการอย่างเป็นระบบก็ค่อนข้างเข้มงวด การจะเข้าร่วมได้ต้องได้รับการทดสอบก่อน
ส่วนเรื่องที่หม่าเวยเวยกำลังจะขายจู้ซิงมีเดีย หันซิวเช่อไม่เห็นด้วยกับความคิดนี้อย่างถึงที่สุด ทว่าเมื่อเขามองสถานการณ์จากอีกมุมหนึ่ง หม่าเวยเวยเองก็ได้ช่วยเขาเบี่ยงเบนความสนใจแฟนๆ ในขณะที่เขากำลังหาโอกาสแฝงตัวเข้าไปในกลุ่มแฟนคลับ
หวังว่านังคนไร้ประโยชน์ยังจะพอช่วยอะไรได้บ้าง!
หลังจากถังหนิงกลับมาปักกิ่ง หม่าเวยเวยได้สัมผัสถึงอำนาจของเธอ เธอไม่กล้าจะไปมีปัญหากับอีกฝ่ายอีกต่อไปแล้ว ดังนั้นข่าวที่หม่าเวยเวยจะขายจู้ซิงมีเดียซึ่งเดิมทีมีคนรู้เพียงไม่กี่คน น่าเสียดายที่หัน
ซิ่วเช่อเริ่มเผยแพร่ข่าวนี้ออกไปทั่วสารทิศ
ถังหนิงสร้างจู้ซิงมีเดียด้วยสองมือของเธอ แต่ตอนนี้หม่าเวยเวยกลับพยายามจะขายมัน คนในวงการอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจออกมา “เธอมีสิ่งที่ดีอยู่ในมือแท้ๆ กลับใช้มันแบบนี้ เสียของจริงๆ!”
ความรุ่งโรจน์และตกต่ำของจู้ซิงมีเดียได้กลายเป็นอีกหนึ่งตัวอย่างให้กับคนอื่นๆ ในวงการ
และแน่นอนว่าเป็นเรื่องธรรมดาที่แฟนๆ ของถังหนิงจะโกรธ
“หม่าเวยเวย นังชั่ว อย่ามาทำลายความทุ่มเทของหนิงของฉันนะ!”
“แล้วทำไมหนิงยังไม่ทวงจู้ซิงมีเดียกลับคืนมากันล่ะ”
“หันซิวเช่อใช้วิธีการรุนแรงในการแย่งจู้ซิงมีเดียและขึ้นมาควบคุมมันร่วมกับหม่าเวยเวย ที่พวกเขาไม่มีปัญญาทำให้บริษัทก้าวหน้าไปได้ก็แย่พออยู่แล้ว ตอนนี้พวกเขายังจะขายมันอีก! ไอ้พวกขยะ!”
“ฉันคิดถึงตอนที่หนิงของฉันอยู่ที่จู้ซิงมีเดีย แล้วทำให้ซิงหลานกับลัวเซิงก้าวขึ้นมาเป็นดาราชั้นแนวหน้าอย่างทุกวันนี้จริงๆ ไม่อยากจะเชื่อว่าตอนนี้บริษัทจะถูกนังตัวปลอมต่ำช้าเอาไปขาย ฉันหงุดหงิดจนอยากจะร้องไห้ออกมาแล้ว!”
ถังหนิงรับรู้ทุกคำคร่ำครวญนี้แต่ไม่ได้ตอบโต้กลับ เธอรู้จุดยืนของตัวเองดี ทุกครั้งที่เธอเปลี่ยนแปลงตัวเอง เธอไม่เคยนึกหันหลังกลับ
เธอเข้าใจว่ามันน่าเสียดายที่จู้ซิงมีเดียจะต้องปิดตัวลง ทว่าเพียงต้นสังกัดเดียวคงไม่เพียงพอที่จะสร้างความเปลี่ยนแปลงในวงการได้อย่างแท้จริง
เมื่อก่อนเธอคงมองโลกในแง่ดีเกินไป…
“หนิง พูดอะไรสักอย่างสิ!”
“แค่คำเดียวก็พอแล้ว!”
เมื่อเห็นความพยายามของแฟนๆ หลงเจี่ยส่งต่อความหวังดีของพวกเขามาให้ถังหนิง “คุณน่าจะไปปลอบใจพวกเขาไม่ให้พวกเขาเศร้านักสักหน่อยนะคะ”
หลังจากครุ่นคิดอย่างรอบคอบ ถังหนิงก็ตอบตกลง เธอใช้ช่องทางโซเชียลของโม่ถิงในการให้คำตอบ “วันนี้ฉันขโมยรหัสผ่านของคุณโม่มาเพราะได้ยินว่าจู้ซิงมีเดียกำลังจะถูกขาย ฉันเชื่อว่าจู้ซิงมีเดียจะตกอยู่มือของคนที่ดีกว่าค่ะ ดังนั้นแฟนๆ อย่ากังวลไปเลยนะคะ”
ถังหนิงไม่ได้ตอบกลับไปมากนัก ความจริงแล้วมันออกจะดูเรียบเฉยเสียด้วยซ้ำ
ถึงอย่างไรเธอเองไม่ได้ตอบเพื่อจู้ซิงมีเดียอยู่แล้ว แต่เพราะไม่ต้องการให้แฟนๆ ของเธอต้องเสียใจต่างหาก
หลังจากพวกเขาเห็นคำตอบของเธอก็รู้สึกใจชื้นขึ้นมา อย่างน้อยก็หมายความว่าถังหนิงคอยคิดตามข่าวเรื่องนี้และไม่ได้เพิกเฉยอย่างที่ทุกคนคิดกัน เพียงแค่เธอไม่อาจทำตัวเศร้าสร้อยหรือยินดีเกินไปได้ เพราะจู้ซิงมีเดียยังคงอยู่ในมือของหม่าเวยเวย
เธอมีฐานะและศักดิ์ศรีเป็นของตัวเอง
“ฉันเชื่อใจเธอนะ…”
“ฉันด้วย”
“ถึงฉันจะอยากเชื่อใจเธอจริงๆ นะ แต่หนิงก็ยังไม่ออกมาทำอะไรสักอย่างเลย”
ทว่าใช่ว่าถังหนิงจะไม่ทำอะไรเสียหน่อย เพียงแค่แอบลงมือเงียบๆ เท่านั้น
“อย่าบอกฉันนะว่าเราไม่มีทางเลือกนอกจากนั่งมองจู้ซิงมีเดียถูกขายไปน่ะ”
“ฉันจะบ้าตายอยู่แล้ว! หนิง รีบตอบโต้เร็วเข้า!”
แฟนๆ ของถังหนิงรู้สึกหวั่นอยู่ในอกเพราะบริษัทที่ถังหนิงก่อตั้งขึ้นกำลังจะถูกนังตัวปลอมไร้ค่าขาย นี่ถือว่าเป็นการสบประมาทถังหนิงครั้งใหญ่
แน่นอนว่าเมื่อหม่าเวยเวยเห็นการตอบโต้นี้ เธอมีความสุขไม่น้อย อย่างไรการได้เหยียบย่ำถังหนิงไม่ว่าจะเป็นทางใดก็ตามก็เป็นสิ่งที่ทำให้รู้สึกดี
ในขณะเดียวกันข่าวเริ่มแพร่สะพัดและกลายเป็นเรื่องใหญ่โต
ระหว่างนั้นเองมีบริษัทหลายแห่งที่สนใจซื้อจู้ซิงมีเดียจริงๆ และต้องการสานต่อความตั้งใจของถังหนิงในการเฟ้นหาศิลปินที่มีความสามารถ อย่างไรการสร้างชื่อเสียงอย่างที่จู้ซิงมีเดียมีก็ไม่ใช่เรื่องง่าย ถึงจะรู้ว่าตัวเองคงไม่มีทางทำได้ดีเท่าถังหนิง มันก็ยังเป็นการลงทุนที่คุ้มค่า
“ใครบางคนยอมเสนอซื้อบริษัทห่วยๆ นี้ตั้งสิบสองล้านหยวนแน่ะ” หม่าเวยเวยว่าเย้ยขณะที่มองข้อเสนอจากบริษัทที่เสนอตัวมาให้เธอ “ฉันล่ะไม่เข้าใจว่ามันจะมีค่าขนาดนั้นได้ยังไง แต่ฉันว่ามันก็ดีกับฉันเองนั่นแหละ”
“แล้วเธอจะขายให้กับใครล่ะ” ผู้จัดการของเธอถามพลางนั่งลงข้างๆ
“ขอฉันดูก่อนแล้วกัน ฉันสนใจปั๋วอี้มีเดียอยู่นะ พวกเขาดูมั่นคงและก็อาจจะช่วยฉันได้ในอนาคต”
“ตอนนี้บริษัทนี้ก็น่าไว้ใจที่สุดแล้วล่ะ” ผู้จัดการมองข้อมูลในมือของหม่าเวยเวยก่อนพยักหน้าให้
“โอเค อย่างนั้นก็เอาแบบนี้เลยแล้วกัน! ขายหุ้นพวกนี้ให้เร็วที่สุด ฉันไม่อยากจะยุ่งเกี่ยวกับผู้หญิงคนนั้นอีกแล้ว!”
“แล้วหันซิวเช่อล่ะ เธอไม่ได้วางแผนจะ…” ผู้จัดการหมายถึงเรื่องที่หันซิวเช่อยกหุ้นให้หม่าเวยเวยมาเปล่าๆ อย่างน้อยเธอก็ควรให้ค่าตอบแทนเขาบ้างไม่ใช่หรือ
“มันไม่ใช่เรื่องที่ต้องให้เขายินยอมซะหน่อย เกี่ยวอะไรกับเขากันล่ะ” หม่าเวยเวยเยาะเย้ย “เรื่องนี้ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับเขาสักนิด!”