คำพูดของโจมอนทำเอาหลินจือตกใจไม่น้อย ความดังของโจมอนในตอนนี้รู้กันดีว่าฮอตปรอทแตกมากแค่ไหน มีแฟนคลับรู้ว่าเขาอยู่ที่ไหนจากนั้นก็จะแจ้งเข้าไปในกลุ่ม ปากต่อปากก็จะผู้คนอีกมากมายในละแวกใกล้เคียงตามมา ถึงตอนนั้นก็จะออกันเต็มที่ใต้ตึกของเธอ…… .
แค่คิดถึงภาพนั้นหลินจือก็แทบทรุด เธอรีบไปที่หน้าต่างแล้วดึงผ้าม่านออกดูอย่างระมัดระวัง และแล้วที่ชั้นล่างก็มีเด็กสาวรุ่นๆรวมตัวกันอยู่จำนวนหนึ่ง
หลินจือรีบปิดผ้าม่านลงด้วยความปวดหัวแล้วหันไปถามโจมอน“แล้วตอนนี้จะทำยังไง?”
เมื่อเทียบกับความมึนตึ้บของหลินจือโจมอนกลับรู้สึกผ่อนคลายและนิ่งสงบ
เขาโยนร่างที่สูงโปร่งของตัวเองลงไปที่โซฟาของหลินจือส่งยิ้มหล่อๆให้ “งั้นผมก็ยังไม่ไป”
หลินจือกังวลถึงขั้นดึงทึ้งผมตัวเอง “ ชายหญิงอยู่ห้องเดียวกัน คนอื่นเขาจะมองกันอย่างไร?”
โจมอนแวะมาเยี่ยมเธอ หลินจือคิดว่ามันเป็นอะไรที่พอเข้าใจได้ แต่ถ้าหากจะพักค้างคืนแบบนี้ก็ดูจะไม่เหมาะสมเท่าไร
แล้วยิ่งโจมอนยังเป็นไอดอลชื่อดังอีก หากแฟนคลับจับพิรุธเธอได้จากเบาะแสอะไรก็ตาม เธอคงต้องตายอย่างอนาถแน่นอน
โจมอนปลอบเธอ“ตึกนี้มีคนพักอาศัยอยู่จำนวนมาก ไม่มีใครรู้หรอกว่าผมอยู่กับพี่ ”
หลินจือก็ยังรู้สึกรับไม่ได้อยู่ดี พูดเร่งเร้าเขา“ นี่นายรีบติดต่อกับบริษัทของนายซะ ให้ผู้จัดการของนายหาวิธีล่อพวกเธอไปก่อน จากนั้นนายก็รีบๆออกไป ”
โจมอนกอดหมอนอิงที่โซฟาของเธอแล้วทำตัวน่าสงสาร“ พี่ ผมรีบเดินทางมาทั้งเหนื่อยและง่วงมาก พี่จะใจดำไล่ผมไปแบบนี้เลยเหรอ ?”
หลินจือถอนหายใจ มองไปยังโจมอนแล้วพูดอย่างจริงจัง“ นายต้องไป เพราะไม่เช่นนั้นหากมีเรื่องอะไรเกิดขึ้นนายต้องแย่แน่ๆ ”
มามีเรื่องพัวพันกับผู้หญิงที่แก่กว่าถึงหกปี แล้วยังเป็นผู้หญิงที่ผ่านการหย่าร้างมาแล้ว มันจะทำลายโจมอนเอาได้
ตอนที่หลินจืออยู่ต่างประเทศ หลายครั้งที่โจมอนไปทำงานที่นั่นแล้วทั้งสองคนก็ได้เจอกันและทานอาหารด้วยกัน แต่หลินจือก็เห็นโจมอน เป็นเสมือนน้องชายมาโดยตลอด
นานิเคยบอกเป็นนัยกับเธอว่า โจมอนอาจจะมีความรู้สึกฉันชู้สาวกับเธอแต่หลินจือกลับรู้สึกว่ามันเป็นไปไม่ได้
อย่างแรกเลยเธอไม่ได้รู้จักอะไรกับโจมอนอย่างที่สองเธอกับโจมอนอายุห่างกันถึงหกปี ความสัมพันธ์แบบสาวใหญ่กับเด็กหนุ่มสำหรับหลินจือแล้วมันน่าตื่นกลัวเกินไป เธอรับมันไม่ได้
นานิกลับไม่สนใจ“เธออายุมากกว่าเขาหกปีแล้วยังไง ? เทาเท่ก็อายุมากกว่าเธอหกปีเหมือนกันไม่ใช่เหรอ?”
“หรือโลกนี้อนุญาตให้แค่ผู้ชายเคี้ยวหญ้าอ่อนได้เท่านั้น ผู้หญิงเคี้ยวไม่ได้หรือยังไง ? ”
นิสัยของนานิเป็นคนดื้อด้านมาแต่ไหนแต่ไร หลินจือก็ไม่ได้พูดอะไรกับเธอมากไปกว่านี้
เธอรับได้ที่คนอื่นจะมีความรักในแบบสาวใหญ่กับเด็กหนุ่ม แต่เธอรับไม่ได้หากมันเกิดขึ้นกับตัวเอง
ในขณะที่หลินจือกำลังคิดไม่ตกเจเทาวน์ก็โทรเข้ามาหาเธอพอดี
หลินจือราวกับเจอที่พึ่งสุดท้าย หวังจะขอความช่วยเหลือจากเจเทาวน์ว่าเธอควรทำอย่างไรกับสถานการณ์แบบนี้
เจเทาวน์เคยเป็นไอดอลมานานหลายปี ย่อมต้องรู้วิธีจัดการกับเรื่องแบบนี้
แต่ยังไม่ทันที่เธอจะได้อ้าปากพูด เจเทาวน์ก็ชิงพูดธุระอื่นกับเธอก่อน “เมื่อครู่เทาเท่เพิ่งแจ้งข่าวกับผม ”
หลินจือก็รู้สึกประหม่าขึ้นมา เธอแทบไม่ได้สนใจกับสถานการณ์ในปัจจุบัน หัวสมองเต็มไปด้วยเรื่องของบทละคร “เขาว่ายังไงคะ?”
เจเทาวน์ส่งต่อข้อความว่า“ เขาบอกว่าให้คุณไปหาเขาที่ฟอเรนากรุ๊ปในตอนนี้ มีรายละเอียดอีกมากเกี่ยวกับโครงเรื่องนี้ที่ต้องการจะหารือกับคุณเพิ่มเติม แบบนี้เขาก็จะได้ทำการตัดสินใจว่าละครเรื่องนี้จะยังใช้ได้อยู่ไหม ”
หลินจือมึนงงเล็กน้อย“ไปคุยกับเขาตอนนี้ ? เลิกงานกันแล้วไม่ใช่เหรอ?”
เจเทาวน์ยิ้มและพูดว่า“ สงสัยว่าท่านประธานเทาเท่จะเป็นคนบ้างานน่ะ ตอนนี้ยังทำงานล่วงเวลาอยู่ที่บริษัท”
ส่วนว่าจะทำงานล่วงเวลาจริงหรือไม่นั้นเทาเท่รู้ดีที่สุด และเขาเองก็รู้ด้วยเช่นกัน
หลินจือกำโทรศัพท์แน่นขบริมฝีปากอย่างลังเล อยู่ในห้องลำพังกับโจมอนก็น่าอึดอัด แต่ไปหาเทาเท่เพื่อหารือกันเรื่องบทละครก็เอาเรื่องอยู่มาก เธอไม่อยากจะเผชิญหน้ากับเทาเท่ตามลำพัง……