เสวียนอี่หันกลับไปปรายตามองเขา “แล้วศิษย์พี่เซ่าอี๋ทำไมถึงมาอยู่ที่นี่ได้”
ลำบากเขาจริงๆ อุตส่าห์หานางเจอในสนามรบที่วุ่นวายอลหม่านอย่างนี้ได้ เอาเถอะ จริงๆ แล้วการจะหาตระกูลจู๋อินให้เจอได้ก็ไม่ใช่เรื่องยากอะไร พายุหิมะโดดเด่นเกินไป แต่ว่านางกลับรู้สึกว่าเขาจะต้องจงใจแน่ๆ
เซ่าอี๋งอปลายนิ้ว มีดยาวขนนกก็ลอยกลับมาในฝ่ามือเขา “หน่วยทุกหน่วยต่างก็ได้รับคำสั่งทั้งนั้น ข้ามาที่นี่ก็ไม่ได้มีอะไรน่าแปลกไม่ใช่หรือ”
นางอยู่ที่นี่ต่างหากที่น่าแปลก ปลาดุกยอุยน้อยมักเชี่ยวชาญการหลบหนีเป็นที่สุด ไม่ได้เจอกันมาระยะหนึ่งกลับเริ่มจัดการเผ่ามารแล้ว
เสวียนอี่กล่าวเสียงเย็น “แล้วท่านยังจะถามทำไมอีก”
เซ่าอี๋ร้องเอ๋ออกมา “ปากเจ้านี่มันเสียจริงๆ เลย “ยังดีว่านางเป็นตระกูลจู๋อิน ไม่อย่างนั้นคงไม่มีทางที่จะทำตัวตามสบายอิสระมาได้จนถึงทุกวันนี้แน่
เสวียนอี่ไม่สนใจเขา นางยังคิดวิธีการใหม่ที่จะใช้ทรมานเขาไม่ออก บีบบังคับถามไปก็ไม่ได้อะไร โมโหแล้วยังทุบเขาไม่ได้อีก แช่แข็งเขาก็ไม่ได้ ไปยุ่งกับเจ้านี่ดีแต่จะทำให้ตัวเองต้องอึดอัดเท่านั้น นางตัดสินใจแล้วว่าจะยังไม่หาเรื่องให้ตัวเอง
นางเป่าหิมะจู๋อินไปแช่แข็งเหล่านักรบเผ่ามารที่คิดจะปรี่เข้ามา พลันเหลือบไปเห็นพายุหิมะของชิงเยี่ยนไกลๆ จึงถอนหายใจออกมาทันที เขายังสู้อยู่กับราชาหูเซิน ราชาตนนี้มุดดินขึ้นฟ้ามั่วไปหมด ตาข้างขวามีเลือดไหลนองออกมาจนย้อมขนสีขาวบนร่างให้กลายเป็นสีแดง นอกจากนี้ บาดแผลบนร่างที่ถูกเหล่านักรบโจมตีกลับสมานกันดีแล้ว
เกรงว่าชิงเยี่ยนคงแช่แข็งเขาไม่ได้ นางเองก็ไม่ได้ คิดว่าต้องเป็นท่านพ่อถึงจะได้ แต่ว่าตอนนี้ท่านพ่ออาจจะกำลังมีความรักใคร่ที่ถูกขัดขวางด้วยพิธีการอยู่ก็ได้ เขาคงยังไม่มาสนใจเรื่องการฆ่าเผ่ามารหรอก ครอบครัวนางเวลาเอาแต่ใจขึ้นมาแต่ละคนเอาเรื่องไม่น้อย
เสวียนอี่กำลังคิดจะไปช่วยเขา พลันเห็นแสงรัศมีเทพหลายสิบสายพุ่งผ่านไป มันบาดตามาก คิดว่ามหาเทพหลายคนอาจจะมาถึงแล้ว เสียงลมบริสุทธิ์พัดมา มังกรสีทองขนาดใหญ่กว่าของฝูชางหลายเท่าตัวพลันปรากฏตัวขึ้น
พริบตานั้นท้องฟ้าทั้งผืนราวกับถูกแสงสาดส่องจนสว่างไสวไปหมด ทุกที่ที่มังกรทองไป ไอขุ่นมัวจะลดลงไปจนแทบหมด ราชาหูเซินกับเหล่านักรบเผ่ามารมากมายถูกมังกรสีทองพุ่งเข้าใส่จนสลายไป และถูกกลืนกินไปนับไม่ถ้วน เหล่าเทพอาศัยโอกาสนี้สู้กับเผ่ามารอย่างไม่ยอมลดละ สถานการณ์ยากลำบากก่อนหน้านี้กลับพลิกผันทันที
มังกรทองพุ่งสูงทะลุชั้นเมฆไป แล้วกลายเป็นเสาแสงขนาดใหญ่หนึ่งอัน กักขังราชาหูเซินที่มุดไปมาไว้ภายใน ไม่ว่าเขาจะทุบตี เตะและกระแทกอย่างไร ใช้วิธีการที่คิดได้ทุกรูปแบบแล้ว แต่ว่าก็ยังไม่สามารถออกไปจากวงแสงรัศมีนี้ได้
แสงกระบี่มากมายราวกับคลื่นน้ำพุ่งทะลุไปมาท่ามกลางเสาแสงนั่น และแทงร่างของราชาหูเซินไปโดยไร้ซึ่งความปรานี เขาร้องโหยหวนออกมาเสียงดัง ขนสีขาวของเขาแทบจะเปลี่ยนเป็นเนื้อสีแดงเปื่อยยุ่ยไปในพริบตา
ไม่นาน เสาแสงนั่นก็หดเล็กลงอย่างรวดเร็ว แล้วกลายเป็นมังกรทองตัวน้อยกลับเข้าไปในฝ่ามือ กลายเป็นกระบี่ไม้ท้อสีเขียวทั้งเล่มด้ามหนึ่ง ผู้ที่มาคือเทพบูรพาจริงๆ ใบหน้างามสง่าดังบัณฑิตของเขายากนักจะเห็นความเคร่งเครียดบนนั้น กระบวนท่าเมื่อครู่นี้ แปลงปราณกระบี่เป็นฟ้าดินน่าจะเสียพลังเทพไปไม่น้อย เขาจึงมีหยาดเหงื่อไหลซึมออกมาไม่น้อย
ไม่นาน มังกรสีทองขนาดใหญ่ก็บินขึ้นไปอีกครั้ง มันพุ่งไปยังเหล่านักรบเผ่ามารด้วยท่าทีน่าเกรงขามและองอาจ มันกลายเป็นคลื่นน้ำสีทอง ทุกที่ที่มันผ่านไปต่างราบเป็นหน้ากลอง
เสวียนอี่มองอย่างเหม่อลอย หางตาพลันเห็นเซ่าอี๋กำลังหมุนตัวจากไป ในใจก็เกิดความรู้สึกสงสัยขึ้นมา
เขาจงใจมาที่นี่ เดิมนางยังคิดว่าเขาต้องการทำอะไรอีก ใครจะรู้ว่าเขากลับมาทักทายแล้วก็ไป นี่มันหมายความว่าอย่างไรกัน จงใจมาบอกนางว่าเขามาแล้วอย่างนั้นหรือ หรือว่ามาเพื่อเตือนนางอีกครั้งว่า เขาคอยลอบมองนางอยู่ในที่มืดตลอดเวลา
เซ่าอี๋ไม่เคยทำอะไรไร้ความหมาย มองจากบางมุม บางทีเขาอาจจะเป็นศัตรูที่นางควรจะให้ความสำคัญอย่างจริงจัง นางไม่เชื่อว่าเขาจะทำอะไรไร้สาระอย่างนี้
ราวกับรับรู้ถึงสายตาของนางได้ เซ่าอี๋หันกลับมามองนางแล้วชี้มือไปทิศทางหนึ่งด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม พร้อมกับทำปากกล่าวเตือนนางว่า ระวัง
เสวียนอี่มองไปยังทิศทางที่เขาชี้ไป กลับเห็นว่าแปลงปราณกระบี่เป็นฟ้าดินเมื่อครู่ทำให้ราชาหูเซินบาดเจ็บหนักจนทำให้เขาพุ่งไปด้านหน้าและระเบิดพลังอย่างบ้าคลั่งเสียยิ่งกว่าก่อนหน้านี้ คลื่นสีดำขนาดใหญ่มากมายถูกเขาพ่นออกมาจากปาก นักรบมากมายกำลังรับมือเขา แต่ว่าเขากลับจ้องไปที่ชิงเยี่ยนเพียงคนเดียว การกระทำของเขาประหลาดมาก และไล่ล่าเขาราวกับสายลมที่พัดใบไม้อย่างนั้น
นางรีบขี่ลมพุ่งขึ้นไป แล้วพ่นลมหายใจออกมาอย่างแรง พายุหิมะเข้าไปปะทะกับร่างของราชาหูเซิน ทำให้การเคลื่อนไหวที่คล่องแคล่วของเขาเชื่องช้าลงไปเล็กน้อยเท่านั้น
เสวียนอี่ควบคุมพลังเทพ มังกรน้ำแข็งสี่ตัวก็ม้วนไปมาระหว่างฟ้าและดิน เข้าไปรัดแขนขาทั้งสี่ของเขาเอาไว้และฝืนกดเขาลงไปที่พื้น มังกรน้ำแข็งรัดแขนขาทั้งสี่ของเขาแน่นทำให้เขาเจ็บปวดจนร้องออกมาเสียงดัง เขาหันกลับมาและพ่นคลื่นสีดำใส่เสวียนอี่ นางรีบขี่ลมหลบไปอย่างรวดเร็ว
ชิงเยี่ยนที่อยู่ไกลๆ ราวกับจะระเบิดโทสะ “ใครใช้ให้เจ้าเข้ามา!”
เอ๋ นางเองก็ไม่รู้เหมือนกัน นางวิ่งมาเอง อย่าไปสนใจมากมายนักเลย จัดการมันก่อนเถอะ
เสวียนอี่ดีดนิ้วครั้งหนึ่ง มังกรน้ำแข็งอีกสองตัวปรากฏขึ้นแล้วรัดคอของราชาหูเซินแน่น มังกรน้ำแข็งหกตัว หากฉีหนานได้เห็นจะต้องตกใจจนโง่งมไปแน่ เวลานางพยายามขึ้นมาก็ร้ายกาจมากเหมือนกัน สามารถทำให้ราชาตนหนึ่งล้มลงไปได้ นางนี่ช่างเก่งกาจเสียจริง
เหล่านักรบเข้ามาโจมตีอย่างวุ่นวายอีกรอบ และจงใจเล็งไปที่บาดแผลของราชาผู้น่าสงสารนี้โดยเฉพาะด้วย เสียงร้องโหยหวนของเขาฟังดูแล้วก็ไพเราะดีไม่เบา เสวียนอี่ดีดนิ้วอีกครั้ง มีมังกรน้ำแข็งเพิ่มมาอีกสองตัว แล้วไปรัดที่ตัวของเขาหลายรอบ ทำให้กระดูกขนาดใหญ่ของเขามีเสียงกระดูกหักดังลั่นขึ้นมา
มังกรน้ำแข็งแปดตัว นางช่างพยายามจริงๆ
เสียงของชิงเยี่ยนพลันเข้ามาใกล้ “อาอี่! จะใช้พลังเทพอย่างนี้ไม่ได้! ระวังอาการเจ็บที่หัวใจจะกำเริบอีก!”
เพิ่งจะกล่าวจบ กลับเห็นราชาหูเซินที่ถูกรุมเสียจนเนื้อยุ่ยหันหัวมาที่ชิงเยี่ยนด้วยท่าทีประหลาด มันอ้าปากแล้วพ่นน้ำสีดำที่รุนแรงกว่าก่อนหน้านี้หลายเท่าไปที่เขา ยามนี้ราชาเรียกได้ว่าดิ้นรนโจมตีครั้งสุดท้าย พลังจึงมากมายมหาศาล ชิงเยี่ยนสร้างกำแพงน้ำแข็งออกมา “เปรี้ยง” เสียงถูกกระแทกจนแตกดังขึ้น ร่างของเขาถูกคลื่นน้ำสีดำม้วนพาไปในพริบตา และถูกดันออกไปนอกกลุ่มเทือกเขา
เสวียนอี่ขมวดคิ้ว มังกรน้ำแข็งแปดตัวก็สลายไปหมด นางหมุนตัวแล้วไล่ตามไปทันที
ตระกูลจู๋อินนั้นวิชาใดๆ ก็ล้วนแต่ไร้ผล เมื่อเกล็ดมังกรขึ้นเต็มร่างแล้วยิ่งฟันแทงไม่เข้าไม่ต้องเกรงกลัวอาวุธใดๆ ชิงเยี่ยนไม่น่าจะเป็นอะไร นางเกรงก็แต่ว่าน้ำสีดำที่น่ารังเกียจนั่นจะทำร้ายดวงตาของเขา พวกเขามีเพียงดวงตาเท่านั้นที่เป็นจุดอ่อนที่สุด
นางค้นหาระหว่างเทือกเขาที่เต็มไปด้วยน้ำสีดำหลายต่อหลายครั้ง แต่ว่ากลับไม่มีแม้แต่เงาของชิงเยี่ยนเลย เสวียนอี่จึงอดขมวดคิ้วและอดร้อนรนขึ้นมาไม่ได้ นางรีบเรียกเขาอย่างร้อนใจ “ชิงเยี่ยน พี่ไปที่ไหนแล้ว”
เสียงของนางดังก้องไปมาระหว่างหุบเขาหลายครั้ง แม้แต่เหล่าหนูที่อยู่ห่างไปกว่าพันลี้ยังตกใจจนพากันมุดหนี เขาจะไม่ได้ยินนางหรือ หรือหมดสติไป คลื่นน้ำสีดำแค่นี้จะทำให้เขาหมดสติได้หรือ เขายังจะเป็นตระกูลจู๋อินได้อีกหรือ!
ในใจเสวียนอี่รู้สึกไม่สงบ นางโบกมือ รัศมีหนึ่งพันลี้โดยรอบระหว่างหุบเขาที่ถูกความมืดกลืนกินระหว่างเทือกเขาพลันมีน้ำแข็งหลายชั้นปกคลุมขึ้นมา นางยกเอาของที่อยู่ใต้น้ำสีดำขึ้นมา แล้วหาดูจนทั่ว แต่ว่านางก็ยังไม่เจอร่องรอยของชิงเยี่ยน ราวกับว่าเขาพลันถูกน้ำสีดำนั่นผลักไปถึงน้ำพุเหลืองจิ่วโยวอย่างนั้น ไม่ทิ้งไว้แม้แต่ร่องรอย
นางกระตุ้นตราประทับสีทองที่ข้อมือขวา หลังจากอาการที่หัวใจของนางกำเริบ ชิงเยี่ยนไปรบเร้าให้ฉีหนานสอนวิชาที่มีแต่เทพขุนนางที่ใช้เป็นเท่านั้นให้เขา เดิมมีไว้เพื่อให้สะดวกในการจัดการเทพขุนนางและเทพีรับใช้นับร้อยนับพันในจวนสวรรค์ แต่คิดว่าเขาคงเกรงว่านางจะเกิดอะไรอีก และตัวเองจะเป็นผู้ที่รู้เป็นคนสุดท้าย จึงได้แต่ไปบีบบังคับให้ฉีหนานถ่ายทอดวิชาให้
แต่ก่อนนางเองก็เคยกระตุ้นตราประทับนี้เล่น เขาก็ล้วนแต่ตอบนางกลับมาตลอด แต่ว่าครั้งนี้ไม่ว่านางจะกระตุ้นพลังอย่างไร เขาก็ไม่มีปฏิกิริยาอะไรตอบกลับเลย ไม่มีเลยสักนิด
เสวียนอี่หมุนตัวไป ชุดนักรบสีแดงของนางราวกับเปลวเพลิงท่ามกลางป่าเขาอย่างนั้น นางจะต้องหาเขาให้พบให้ได้!