ตอนที่ 947 ประธานเชี่ยนเป็นผืนดินให้เธอ

แผนรักสยบใจบอสสาวตัวร้าย

“ทุกคนเงียบแล้วฟังหนูพูดนะคะ ตอนนี้พ่อหนูไม่สะดวกจะออกหน้า ถ้าพวกคุณลุงคุณอาไม่ฟังหนูงั้นก็ช่วยคิดหาวิธีมาค่ะ ทุกคนล้วนมีผลได้ผลเสียร่วมกัน พวกคุณจะอารมณ์เสียเรื่องนี้หนูพอเข้าใจค่ะ แต่ใช้อารมณ์ไปมันก็ช่วยแก้ไขอะไรไม่ได้ หนูมาเพื่อช่วยแก้ปัญหาไม่ได้มาเพื่อทะเลาะกับใครนะคะ!”

หญิงสาวอายุยี่สิบต้นๆพูดแบบนี้ออกมาทำให้ทุกคนตะลึง ทั้งห้องประชุมตกอยู่ในความเงียบ มีผู้ถือหุ้นคนหนึ่งที่อยู่กับพ่อสือมาหลายปีออกมาพูดแก้ไขสถานการณ์

“พวกเราเชื่อมั่นในตัวของประธาน ลองฟังหลานใหญ่พูดก่อนนะ”

“ก่อนอื่น หนูจะใช้ทรัพย์สมบัติทั้งหมดที่หนูมีมาค้ำประกันไว้ จากนั้นพวกเราจะเข็นสินค้าใหม่สู่ตลาดเพื่อช่วยพวกเราให้ผ่านพ้นวิกฤตินี้ไปค่ะ! สินค้าใหม่ที่อยู่ในมือแม่หนูผ่านการตรวจสอบจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเรียบร้อยแล้ว ขอแค่ออกสู่ตลาดพวกเราก็จะมีโอกาสรอด!”

“เอาสินค้าใหม่ออกจำหน่ายต้องใช้เงินลงทุนจำนวนมาก เงินที่คุณหนูมีมันพอลงทุนเหรอครับ? คุณมีเท่าไร?”

“หนูยังไม่ได้อ่านแผนดำเนินงาน ต้องใช้ประมาณเท่าไรคะ?”

คนที่รับผิดชอบโครงการลุกขึ้นบอกตัวเลขงบประมาณ

สืออวี้ได้ฟังแล้วก็ตกใจ

เงินจำนวนนี้มันเยอะเหลือเกิน ความคิดของเธอเมื่อคืนไร้เดียงสาเกินไป

เงินที่มีอยู่มันไม่พออยู่แล้ว!

“เงินเดือนคนงานประมาณเท่าไรคะ?” ถ้าเอาสินค้าใหม่ออกสู่ตลาดไม่ได้ ทางที่แย่ที่สุดก็คือเคลียร์เงินเดือนพนักงานให้จบไป จากนั้น…ก็ทำได้แค่ปิดกิจการ จะล้มละลายก็คงต้องปล่อยไป

อันที่จริงมาถึงขั้นนี้แล้ว จะเคลียร์เงินเดือนพนักงานหรือไม่ บริษัทก็ไม่รอดอยู่ดี

ช่วงหลายปีมานี้ที่ได้อยู่กับประธานเชี่ยน สืออวี้เข้าใจแล้วว่าอะไรคือหน้าที่และความรับผิดชอบ ถึงเสี่ยวเชี่ยนจะเป็นคนบ้าดีเดือด แต่ก็ไม่เคยเอาเปรียบเพื่อนเลยแม้แต่น้อย

นี่เป็นเงินเดือนที่บ้านเธอติดค้างพนักงานไว้ ที่ควรให้ยังไงก็ต้องให้ จะให้เธอเอาเงินไปใช้ชีวิตสุขสบายอยู่คนเดียวตัดขาดกับครอบครัวเธอทำไม่ได้ เธอไม่อาจทนเห็นคนงานต้องอดตายเพียงเพราะเถ้าแก่ที่หนีไป

เธอคิดว่ายังไงตัวเองก็ต้องออกหน้า ถ้าดันสินค้าใหม่ได้ก็ต้องพยายาม หากเงินไม่พอต่อให้เธอต้องถูกรุมด่ารุมว่าก็คงต้องยอมรับชะตากรรม มันเป็นหน้าที่ และทำให้เธอได้เติบโต

ขณะที่กำลังรอสืออวี้พูดเรื่องเคลียร์เงินเดือนพนักงานแล้วปิดบริษัทอยู่นั้น ประตูห้องประชุมก็เปิดออก พอเห็นคนที่เพิ่งมาสืออวี้ก็ตกใจตาเบิกโพลง เธอไม่คิดเลยว่าประธานเชี่ยนจะมาโผล่ที่นี่!

เสี่ยวเชี่ยนดูมีมาดนางพญาเหมือนเดิม เธอไม่ได้มาคนเดียว ข้างหลังเธอยังมีผู้ชายสองคนที่ดูเป็นการเป็นงานมาด้วย

“ประธานเชี่ยน?” สืออวี้มองเสี่ยวเชี่ยนด้วยอาการตกใจ เกือบคิดว่าตัวเองตาฝาด

เสี่ยวเชี่ยนส่งสายตาที่หนักแน่นให้เธอ จากนั้นก็พาคนที่มาด้วยเดินเข้าไปในห้องประชุมเข้าไปหาสืออวี้

การมาของคนแปลกหน้าทำให้บรรดาผู้ถือหุ้นพากันเงียบสนิท ถึงเสี่ยวเชี่ยนจะดูเด็ก แต่กลับมีบุคลิกที่น่าเกรงขามจนคนไม่กล้าดูถูกเธอ

“เธอบอกว่ามีที่ดินไม่ใช่เหรอ? ตอนนี้ฉันมาถึงที่แล้ว” เสี่ยวเชี่ยนชี้ตัวเองแล้วตบบ่าสืออวี้ “ต่อไปฉันไม่เพียงแต่จะเป็นท้องฟ้าให้เธอ ยังเป็นผืนดินให้ด้วย เป็นเส้นทางสุดท้ายให้เธอเดิน”

“ประธานเชี่ยน…” มาดผู้หญิงแกร่งที่สืออวี้เก๊กมาตั้งนานต้องมาสะดุดเพราะคำพูดประโยคเดียวของประธานเชี่ยน เสี่ยวเชี่ยนจับมือสืออวี้ที่อยู่ใต้โต๊ะเพื่อสื่อสารว่าให้ใจเย็นๆ

“กลับไปนะ อย่ามายุ่งเรื่องในครอบครัวฉัน” สืออวี้กระซิบ เมื่อวานที่เธอรีบร้อนกลับก็เพราะไม่อยากให้ประธานเชี่ยนเข้ามาเอี่ยวเรื่องนี้ด้วย

“เธอเป็นใคร?” ผู้ถือหุ้นคนที่อยู่ใกล้เสี่ยวเชี่ยนที่สุดถามขึ้น

“ฉันเป็นเพื่อนของคุณหนูสืออวี้ค่ะ ชื่อเฉินเสี่ยวเชี่ยน สองท่านนี้เป็นทนายของฉัน พวกเรามาช่วยคุณหนูสืออวี้จัดการเรื่องหนี้ของโรงงานยาค่ะ” เสี่ยวเชี่ยนชี้ไปที่สองคนที่อยู่ข้างหลังเธอ

“เพื่อนเหรอ? เพื่อนแบบไหนกันช่วยแก้ปัญหาโรงงานยาของพวกเราได้ด้วย? ประธานใหญ่ไปกู้เงินมาห้าสิบล้าน ตอนนี้ไม่มีปัญญาคืนได้หรอก หรือพวกเธออยากจะเข้ามาถือหุ้นแล้วช่วยพวกเราใช้หนี้งั้นเหรอ?”

ผู้ถือหุ้นทุกคนไม่คาดหวังอะไรในตัวหญิงสาวอายุน้อยคนนี้

“พวกเราไม่เข้าถือหุ้นหรอกค่ะ แล้วก็ไม่ใช้หนี้แทนพวกคุณด้วย” เสี่ยวเชี่ยนพูดอย่างใจเย็น

เธอไม่เหมือนกับหวางไห่ฉวินคนที่อยู่เบื้องหลังจอมบงการคนนั้น เธอไม่มีทางฉวยโอกาสเป็นสิงโตตะครุบเหยื่อ ยิ่งไปกว่านั้นหลังจากที่เรื่องกระจ่าง ทำให้รู้ได้ว่าแท้จริงแล้วหวางไห่ฉวินไม่ได้คิดจะค้ำประกันให้ครอบครัวสืออวี้ตั้งแต่แรก แค่อยากได้สมุดโน้ตของเธอแล้วจะชุบมือเปิบ

เริ่มมีเสียงซุบซิบดังขึ้นในห้องประชุม กลิ่นดินระเบิดลอยมา ภายใต้การบีบบังคับเรื่องเงินและผลประโยชน์ แม้แต่หน้ากากความเกรงใจชั้นสุดท้ายก็พากันถอดออกหมด

สืออวี้มองประธานเชี่ยนด้วยความร้อนใจ ตอนนี้เธออยากดันตัวเสี่ยวเชี่ยนออกไปข้างนอกมาก

ต่อให้เป็นประธานเชี่ยนที่เก่งรอบด้านก็หาเงินจำนวนมากขนาดนั้นให้เธอยืมไม่ได้ นี่ไม่ใช่เงินแค่หลักพัน

ที่เธอไปหาประธานเชี่ยนไม่ใช่เพราะอยากให้ช่วย เพียงแต่ช่วงหลายปีมานี้เธอชินแล้ว เวลาที่รู้สึกแย่ก็จะไปหาประธานเชี่ยนเพื่อให้จิตใจสงบลง การได้ช่วยประธานเชี่ยนจัดการคนที่คิดร้าย สืออวี้ก็รู้สึกพอใจมากแล้ว

นึกไม่ถึงว่าเสี่ยวเชี่ยนจะมา

สืออวี้ไม่อยากให้สถานการณ์ในตอนนี้เกิดขึ้นเลยจริงๆ

เสี่ยวเชี่ยนมองความโกลาหลในห้องประชุม เธอแค่หย่อนไปประโยคเดียวก็ทำให้บรรยากาศมาคุในห้องประชุมถึงกับระเบิดขึ้นมา

“ถึงพวกเราจะไม่มีทางเข้าถือหุ้น ไม่ช่วยใช้หนี้ แต่ทนายสองคนที่อยู่ด้านหลังฉันคนหนึ่งมาจากบริษัทอสังหาริมทรัพย์ว่านลี่ ส่วนอีกคนมาจากบริษัทอุตสาหกรรมทังเฉิง พวกเขาเป็นตัวแทนทางกฎหมายจากสองบริษัทจะมาค้ำประกันแทนคนเดิมให้พวกคุณ เพื่อช่วยผ่อนผันระยะเวลาชำระหนี้ค่ะ”

พอเสี่ยวเชี่ยนพูดประโยคนี้จบห้องประชุมก็เงียบไปพักหนึ่ง จากนั้นเสียงพูดคุยก็ดังขึ้นเหมือนนกกระจอกแตกรัง

อยู่ๆก็มีสองบริษัทใหญ่มาค้ำประกันให้ มันเรื่องจริงเหรอ?

ไม่อยากจะเชื่อ!

เสี่ยวเชี่ยนโบกมือ ทนายทั้งสองคนก็เปิดกระเป๋าเอกสารของตัวเองแล้วหยิบหนังสือมอบอำนาจออกมาฉบับหนึ่ง

สืออวี้งงไปหมด เสี่ยวเชี่ยนหันไปขยิบตาให้เธอ “พี่ใหญ่อยู่ใกล้ เสี่ยวเฉียงขับรถไปบังคับให้เขาปั๊มนิ้วในเอกสาร ส่วนของสุ่ยเซียนต้องไปหาคนให้ขับเครื่องบินส่วนตัวเอาเอกสารให้ตอนดึก”

“ประธานเชี่ยน เธอไม่จำเป็นต้องทำขนาดนี้!”

เสี่ยวเชี่ยนใช้ภูเขาสองลูกใหญ่ที่คอยหนุนหลังเธอ การผ่อนผันชำระหนี้ไม่ใช่เรื่องที่จะมาค้ำประกันกันง่ายๆ สืออวี้รู้ว่านี่หมายถึงอะไร

“เงียบเถอะน่า! ให้ฉันได้ใช้โอกาสตอนที่ฉันยังเลือดร้อนมีพลังล้นเหลือปล่อยให้ฉันได้ทำตัวเท่ห์ๆแบบพวกบอสหน่อยแล้วกัน” เสี่ยวเชี่ยนลากเก้าอี้มานั่ง ต่อไปก็เป็นงานของทนายที่เธอพามาแล้ว

ระหว่างทางที่มาเธอคิดไว้เรียบร้อยแล้ว เธอมีหน้าที่แค่ทำเป็นวางมาด ส่วนรายละเอียดปล่อยให้เป็นหน้าที่ของทนายไป

เสี่ยวเชี่ยนย้ายภูเขาที่พึ่งที่เก่งกาจที่สุดของเธอออกมา ไม่ใช่เพียงเพราะอารมณ์ชั่ววูบ

เธอคิดเรื่องข้อดีข้อเสียไว้เรียบร้อยแล้ว ตอนนี้ตระกูลสือการเงินฝืดเคือง แต่โครงสร้างพื้นฐานยังนับว่าดีอยู่ ฮึดสู้อีกหน่อยก็ยังพอไปได้ ต่อให้กิจการเละเทะจนไปต่อไม่ได้จริงๆ เอาทรัพย์สินของตระกูลสือไปขายก็ยังพออุดรอยรั่วได้

ประธานเชี่ยนคำนวณไว้แล้ว ต่อให้อุดรอยรั่วได้ไม่ถึงล้าน เธอไม่ซื้อรถ ขายบ้านที่มีอยู่ ไปยืมเงินอีกหน่อย ก็น่าจะช่วยสืออวี้อุดรอยรั่วได้หมด

สรุปก็คือ ไม่ต้องให้เศรษฐีที่อยู่เบื้องหลังเสี่ยวเชี่ยนมาช่วยใช้หนี้แทน แถมยังได้ช่วยสืออวี้ เสี่ยวเชี่ยนเตรียมการทั้งหมดไว้เรียบร้อยแล้ว

เพื่อนเธอเอาชนะจิตใต้สำนึกที่มีพลังมากถึงสามหมื่นเท่ามาได้ แล้วทำไมเธอจะให้ความช่วยเหลือที่มีโอกาสสำเร็จถึงห้าสิบเปอร์เซ็นต์ไม่ได้ล่ะ?