บทที่ 421 ไม่ระบุ
บทที่ 421 ไม่ระบุ
อวยพรชีวิต!
อวยพรคุ้มครอง!
อวยพรอาวุธ!
เซียวเฟิงเพียงร่ายสามบัฟให้ตนเอง เพราะตัวเขาไม่จำเป็นต้องใช้พลังเวท จากนั้นค้อนแห่งการพิพากษาก็ก่อตัวขึ้นในมือของเซียวเฟิงก่อนจะทุบลงไปที่กลุ่มของหัวขโมยตรงหน้าอย่างไม่ยั้งมือ
-6,608!
-6,591!
-13,200! คริติคอล!
-6,613!
-13,248! คริติคอล!
…
หลังจากที่ค่าสถานะต่าง ๆ ของเซียวเฟิงเริ่มกลับมาใกล้ 500 แต้มเหมือนเดิม มันก็พลอยทำให้สกิลอวยพรอาวุธสามารถเค้นพลังโจมตีกายภาพออกมาได้จนเกือบจะถึง 1,200 หน่วยแล้ว ผนวกกับเซียวเฟิงมีพลังโจมตีพื้นฐานอยู่ที่ 500 หน่วย มันก็ทำให้พลังโจมตีโดยรวมของเขา สูงถึง 1,700 หน่วยเลยทีเดียว!
ในส่วนของค้อนแห่งการพิพากษาเลเวล 4 มันสามารถสร้างความเสียหายได้สูงถึง 400% และเมื่อหักลบกับพลังป้องกันของพวกหัวขโมยเหล่านี้ ความเสียหายของมันก็ยังสูงกว่า 6,000 หน่วยอยู่ดี! ช่างเป็นค่าพลังที่น่ากลัวจริง ๆ!
โดยเฉพาะยามที่ติดคริติคอล ความเสียหายนั้นก็ทะลุ 10,000 หน่วยได้อย่างง่ายดาย!
หัวขโมยทั่วไปมีพลังชีวิตกันอยู่ที่ 9,000 หน่วย ดังนั้นใครที่โชคร้ายโดนโจมตีแบบคริติคอลไปก็จะตายในทันที ส่วนพวกที่ยังรอดก็เหลือพลังชีวิตอยู่เพียงน้อยนิดเท่านั้น
เซียวเฟิงเล็งเป้าหมายไว้อย่างดีแล้วก่อนจะหวดค้อนแห่งการพิพากษาลงไป ซึ่งตำแหน่งที่เขาทุบนั้น สามารถสร้างความเสียหายกับขโมยทุกคนได้ จนทำให้ตอนนี้มีศัตรูเหลือรอดเพียงแปดคนเท่านั้นกับตัวที่เป็นหัวหน้าขโมยอีกหนึ่งคน
ถ้อยคำแห่งเงา!
ถ้อยคำแห่งเงานั้นเข้าโจมตีขโมยที่ยังมีชีวิตรอดอยู่อย่างรวดเร็ว พลังชีวิตของพวกมันลดลงอย่างต่อเนื่อง เซียวเฟิงตั้งใจจะจัดการพวกตัวลูกน้องไปก่อนเพื่อที่จะสามารถจัดการกับตัวบอสได้อย่างสบายตัว ทว่าเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดก็ชิงเกิดขึ้นเสียก่อน เขารับรู้ได้ถึงความโกรธที่แผ่วงกว้างออกมา ร่างกายเขาเตือนให้เขารู้ว่าสิ่งที่อยู่ตรงหน้านี้อันตรายมาก ๆ อันตรายแบบที่ไม่ควรเข้าไปยุ่ง ด้วยเหตุนี้เซียวเฟิงจึงตัดสินใจยกเลิกการโจมตีและถอยออกมาอย่างรวดเร็วเพื่อเปิดระยะห่าง
แต่ดูเหมือนมันจะสายเกินไป
เหนือเมืองที่พังทลายแห่งนี้ ความมืดค่อย ๆ คืบคลานเข้ามาและแทรกซึมไปทุกที่ รวมไปถึงที่พื้นเองก็มีของเหลวสีดำทะลักออกมาจากพื้นดินเหมือนน้ำมันหนืด ๆ ของเหลวเหล่านี้…กำลังกลืนกินดินแดนแห่งผู้ถูกขับไล่!
ของเหลวสีดำนี้ไม่มีกลิ่นที่ไม่น่าพึงประสงค์ ไม่มีแม้กระทั่งเสียงที่ทำให้รู้สึกว่ามันคือผืนน้ำ มันกลืนกินแสงสว่างลงไปช้า ๆ จนเซียวเฟิงเริ่มไม่มั่นใจแล้วว่าสิ่งนี้คือของเหลวจริง ๆ หรือหมอกหนาสีดำกันแน่
อย่างไรก็ตาม ขณะที่ยืนอยู่ในของเหลวสีดำที่กำลังเอ่อล้นขึ้นมาจากพื้นนั้นเอง ความรู้สึกเลวร้ายมันก็ก่อตัวขึ้นมาอีก ความเลวร้ายที่คุ้นเคยเริ่มกัดกิดหัวใจของเซียวเฟิงอีกครั้ง
ชายหนุ่มถอยหลังออกมาทีละก้าว ๆ และมองรอบตัวอย่างระมัดระวัง ตอนนี้เซียวเฟิงอยากจะถอยห่างดินแดนแห่งผู้ถูกขับไล่นี้ให้เร็วที่สุด แต่เพราะของเหลวสีดำนี้กลืนกินพื้นที่ได้ค่อนข้างเป็นบริเวณที่กว้างจนน่าสะพรึงในเวลาอันรวดเร็ว ตอนนี้ไม่ว่าจะมองไปทางหนี มันก็ถูกปกคลุมไปด้วยของเหลวสีดำหมดแล้ว บางทีทั่วทั้งบริเวณเมืองร้างนี่อาจจะถูกกลืนไปหมดแล้วก็ได้ กลายเป็นทะเลสีดำที่น่าอึดอัด!
เซียวเฟิงหันไปมองยังเหล่าขโมยที่ยังตายกันไม่หมด ในขณะที่ตัวของพวกมันโดนของเหลวสีดำสัมผัสเข้า ร่างเหล่านั้นก็แทบจะละลายลงไปรวมกับพื้นทันที พวกมันกำลังโดนกลืนกินโดยของเหลวสีดำเหล่านี้…
“เสี่ยวเสวีย!”
เมื่อเห็นความเร็วในการขยายตัวของของเหลวสีดำที่ตอนนี้เริ่มมาถึงเท้าของเขาแล้วและมันก็กำลังกลืนเขาเข้าไปด้วย เซียวเฟิงก็ไม่ชักช้า เปิดมิติสัตว์เลี้ยงที่เหนือหัวของตนและเรียกเสี่ยวเสวียลงมาเพื่อจะขี่ออกจากที่นี่ไปทันที
“ฮึ่ม!!”
เสี่ยวเสวียทะยานลงมาจากมิติสัตว์เลี้ยง ทว่าเมื่อมาเข้ามาใกล้กับดินแดนแห่งผู้ถูกขับไล่แห่งนี้แล้ว ความสามารถในการบินของเธอก็หายไปและร่วงลงมาอยู่บนพื้นดินราวกับถูกจับด้วยมือขนาดใหญ่ที่มองไม่เห็นจนไม่สามารถลุกออกไปได้พร้อมกับถูกของเหลวสีดำกลืนกินลงไปช้า ๆ
ยูนิคอร์นแห่งแสงศักดิ์สิทธิ์ตนนี้พยายามดิ้นรนเพื่อให้ยืนขึ้นจากของเหลวสีดำด้วยความยากลำบาก และขนาดเสี่ยวเสวียที่มีขนาดตัวและความสูงที่จัดอยู่ในเกณฑ์ขนาดใหญ่ ปริมาณของของเหลวสีดำบนพื้นก็ยังกลืนขาเธอเข้าไปมากกว่าครึ่งขา เพราะงั้นนี่มันสามารถเป็นเครื่องหมายยืนยันได้เลว่าการเพิ่มขึ้นของมันนั้นรวดเร็วขนาดไหน!
ยามที่เสี่ยวเสวียสามารถกลับมายืนได้ ของเหลวสีดำบนพื้นที่เคยปกคลุมตัวของเธอไว้ก็มีสภาพเหมือนหมากฝรั่งที่ติดตามเสื้อ มันพยายามเหนี่ยวรั้งร่างของม้ายูนิคอร์นตัวใหญ่นี้ให้กลับลงไปเบื้องล่างอีกครั้ง
“เสี่ยวเสวีย กลับไปก่อน!”
เมื่อเห็นท่าไม่ดี เซียวเฟิงก็ตัดสินใจส่งเสี่ยวเสวียกลับมิติสัตว์เลี้ยงไปเหมือนเดิม ในแววตาของเขาแสดงให้เห็นถึงความตกใจ เพราะอย่างที่รู้ ๆ กันว่าเสี่ยวเสวียนั้นมีความสามารถพิเศษอย่าง จิตวิญญาณศักดิ์สิทธิ์อยู่! ดังนั้นตัวเธอควรจะต่อต้านผลลัพธ์ที่เป็นสถานะผิดปกติได้ทุกอย่าง ทว่าตอนนี้เธอกลับไม่สามารถบินได้ ราวกับว่าพลังของเธอถูกสกัดกั้นเอาไว้!
ของเหลวสีดำนี้มีความสามารถในการควบคุมเป้าหมายได้อย่างสมบูรณ์เลยจริง ๆ!
เพื่อให้สถานการณ์นี้มีเหตุผลรองรับอย่างถูกต้องที่สุด คงอธิบายได้เพียงว่า ระดับของของเหลวสีดำนี้หรือไม่ก็ระดับของส่งที่เหมือนหมากฝรั่งพวกนั้น สูงกว่าระดับของเสี่ยวเสวีย!
เพราะจะมีเพียงกรณีเดียวเท่านั้นที่สกิลต่าง ๆ จะไม่ส่งผล นั่นคือเป้าหมายมีระดับหรือเลเวลสูงเกินกว่าระดับของสกิลนั้น ๆ ยกตัวอย่างเช่น เซียวเฟิงมีหน้ากากโครงกระดูกอยู่ที่คลังในเขตฮัวเซีย มันเป็นอุปกรณ์ระดับเทพเจ้าที่สามารถป้องกันทักษะการตรวจสอบที่ส่งผลต่อเซียวเฟิงได้ ดังนั้นจะไม่มีใครสามารถอ่านข้อมูลของเซียวเฟิงได้เลยหากคนคนนั้นไม่มีทักษะตรวจสอบที่ระดับสูงหรือเทียบเท่าระดับเทพเจ้า
หรือจะเป็น สกิลโฮลี่ไลท์ ที่แม้ผลของสกิลจะเป็นการรักษาตามเปอร์เซ็นของพลังชีวิตก็จริง แตเมื่อผู้เล่นใช้ให้กับ NPC ระดับสูงแล้ว เปอร์เซ็นต์ดังกล่าวจะลดลงไปเป็นอย่างมากเพราะความห่างชั้นของเลเวลมีมากเกินไป ในขณะที่เซียวเฟิงมีความพิเศษในเรื่องของธาตุที่เป็นธาตุศักดิ์สิทธิ์ มันเลยทำให้ผลของแสงศักดิ์สิทธิ์ยังคงทำงานเต็มประสิทธิภาพไม่ถูกลดหลั่นไปตามเลเวล
กลับมาที่เสี่ยวเสวีย ตอนนี้เธอเป็นสัตว์ขี่ระดับเทพเจ้าแล้ว รวมถึงมีสกิลระดับเทพเจ้าอย่าง ‘จิตวิญญาณศักดิ์สิทธิ์’ อีก ขนาดเขตกักกันของเมืองจักรวรรดิยังไม่สามารถรั้งเธอไว้ได้ นี่ก็น่าจะยืนยันได้แล้วว่าเธอแข็งแกร่งขนาดไหน ทว่าพอต้องมาเผชิญหน้ากับของเหลวสีดำนี้แล้ว สกิลเหล่านั้นกลับไม่สามารถช่วยให้เธอบินได้เลย!
ดังนั้นจากข้อสรุปด้านบน ก็พอจะบอกได้ว่าต้นกำเนิดของเหลวสีดำนี้ ต้องมีระดับสูงกว่าระดับเทพเจ้าแน่ ๆ น่าจะอยู่ในระดับตำนานเลย!
เสี่ยวเสวียที่กลับเข้าไปในมิติสัตว์เลี้ยงได้นั้นไม่ถูกของเหลวสีดำจองจำอีกต่อไปแล้ว มันเหมือนเส้นยางที่ยืดได้แต่ไม่ขาด เมื่อเสี่ยวเสวียเข้ามิติไปมันก็หลุดออกจากร่างของเธอและกลับลงไปในความมืดมิดดังเดิม ดูท่ามันจะกลายเป็นอะไรที่จัดการยากในระดับหนึ่งเลย
ในตอนนี้ของเหลวสีดำได้กลืนพื้นที่บริเวณดินแดนแห่งผู้ถูกขับไล่ไปจนหมดแล้ว มันมีสภาพเหมือนห้วงสมุทรสีดำสนิทลึกถึงประมาณเข่าของเซียวเฟิง
“ผู้ถือครองธาตุศักดิ์สิทธิ์เอ๋ย เหตุไฉนเจ้าถึงปลุกข้าเช่นนี้?”
ขณะที่เซียวเฟิงกำลังระมัดระวังตัวจากการโจมตีต่าง ๆ ที่จะมาจากเบื้องล่างนั้นเอง เขาก็ได้ยินเสียงที่มืดมนมาก ๆ ดังขึ้นมาแทน เสียงนั้นอู้อี้ราวกับต้นเสียงอยู่ลึกมาจากใต้ดินอีกทีหนึ่ง
“แกเป็นใครน่ะ?” เซียวเฟิงชะงักไปครู่หนึ่งก่อนก่อนจะรีบถามกลับไปทันที ผู้ถือครองธาตุศักดิ์สิทธิ์ งั้นเหรอ? ดูเหมือนว่ามันกำลังพูดถึงเขาอยู่สินะ? เพราะเขาใช้สกิลที่ประกอบไปด้วยธาตุศักดิ์สิทธิ์บนดินแดนแห่งผู้ถูกขับไล่ เจ้านี่เลยตื่นงั้นเหรอ?
เสียงที่มืดมนนั้นไม่ได้ตอบอะไร ทว่าทะเลสีดำตรงหน้าเซียวเฟิงกลับเปลี่ยนไปแทน!
มวลของเหลวตรงหน้าเขาแปรเปลี่ยนเป็นรูกลมขนาดใหญ่ราวกับเป็นทางเข้าของอะไรบางอย่าง ข้างในนั้นมีสภาพเหมือนผนังถ้ำที่มีของเหลวสีดำเกาะอยู่ให้เห็นเรื่อย ๆ และดูจากเส้นทางภายในที่ทอดยาวไปแล้ว ดูท่ามันจะลึกมากเลยทีเดียว
เซียวเฟิงขมวดคิ้ว นี่มันหมายความว่าให้เขาลงไปด้วยตนเองงั้นเหรอ?
แต่ไม่ใช่ว่าถ้าเดินลึกลงไปในแผ่นดินที่ถูกของเหลวสีดำปกคลุมอยู่แล้วจะถูกขังอยู่ภายในหรอกนะ?
เขาใช้เวลาครุ่นคิดอยู่พักใหญ่ ๆ ก่อนจะตัดสินใจ กัดฟันแล้วเดินลงไปด้านล่าง เพราะจากเสียงที่พูดคุยกับเขาก่อนหน้า แสดงว่าเจ้าของเสียงก็ต้องอยู่ภายในโพรงถ้ำนี้ด้วยแน่ ๆ
ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นภายใน สิ่งสำคัญที่สุดก็คือ เขาต้องหาต้นตอของมันให้เจอ
สถานการณ์ตอนนี้มันค่อนข้างคุ้นเคย เหมือนเขาเพิ่งเคยประสบมาไม่นานก่อนหน้านี้ รวมไปถึงคัมภีร์เมืองเองก็ไม่สามารถใช้ได้ด้วย มันเหมือนกับเมื่อครั้งอยู่ในเมืองจักรวรรดิเป๊ะ ๆ เลย การต้องมาตกอยู่ในเขตแดนพิเศษขนาดใหญ่แบบนี้ เซียวเฟิงไม่มีความมั่นใจว่าจะสามารถออกจากดินแดนแห่งผู้ถูกขับไล่ได้เลยด้วยซ้ำหากเขาก้าวเข้าไปในพื้นที่ที่ถูกปกคลุมด้วยของเหลวสีดำเช่นนี้
ขาที่แข็งตึงถูกฝืนยกขึ้นมาจากทะเลสีดำด้านล่าง ความคิดของเซียวเฟิงในตอนนี้คือ การเดินลงไปยังโพรงถ้ำดังกล่าวผ่านของเหลวสีดำนี้จะต้องยากลำบากมากแน่ ๆ เพราะมันจะดึงดูดขาเขาไว้ทุกครั้งที่ก้าวลงไป ทว่าเมื่อเซียวเฟิงก้าวเท้าลงมาอีกครั้ง มันกลับกลายเป็นว่าผิวของเหลวสีดำพวกนี้ก็แข็งตัวขึ้นมาเยอะแล้ว มันให้ความรู้สึกเหมือนก้อนยางลบที่ยังพอมีความนุ่มนิ่มอยู่บ้าง และเมื่อย่ำขาลงไปมันจะทิ้งรอยเท้าเอาไว้แต่ไม่ได้ดูดให้จมลงไป
สิ่งนี้ทำให้เซียวเฟิงรู้สึกดีขึ้นมานิดหน่อย จากนั้นเขาจึงเริ่มก้าวเดินไปยังถ้ำโพรงช้า ๆ ทีละก้าว ๆ และเดินลงไปตามบันไดชันที่ขนาบด้วยผนังถ้ำด้วยความระมัดระวัง
ในตอนแรกเขาคิดว่าถ้ำนี้น่าจะลึกเอาการอยู่เพราะว่าของเหลวสีดำพวกนี้ไม่สะท้อนแสงกลับมา มันเลยดูเหมือนจะเป็นถ้ำที่ไร้ก้นไป แต่พอได้เดินลงมาแล้ว ถ้ำแห่งนี้มีความลึกเพียงราว ๆ 50 เมตรจากแผ่นดินผู้ถูกขับไล่เท่านั้น ใช้เวลาเดิน 10 นาทีเขาก็สามารถเจอกับปลายทางของถ้ำได้แล้ว
ทว่าสภาพของปลายทางนั้นก็ทำให้เซียวเฟิงตกใจขึ้นมาอีกครั้ง
ในตอนแรก โพรงถ้ำที่ถูกของเหลวสีดำปกคลุมนั้นมืดมัวมาก ยิ่งลงมาลึกมากเท่าไหร่ ความมืดมิดก็ยิ่งมากขึ้นเท่านั้น เซียวเฟิงปรับสายตาของเขาจนแทบจะต้องเปิดโหมดไนท์วิชั่นเพื่อให้เห็นทางที่ตนกำลังก้าวเท้าไปเรื่อย ๆ ทว่าไนท์วิชั่นนี้เองก็เริ่มจะไม่ได้ผลแล้ว เพราะข้างล่างนี้ไม่มีแสงสว่างอยู่เลยแม้แต่น้อย
เซียวเฟิงจำใจยกคทาของตนขึ้นมาและชูไว้สูง ๆ ก่อนจะใช้ทักษะการปัดเป่า ทันใดนั้นเอง ที่ยอดคทาในมือของเขาก็เปล่งแสงประกายสว่างจ้าไปทั่วเผยให้เห็นภาพที่แท้จริงของเมืองใต้พิภพนี้ และภาพที่ประจักษ์นั้นก้ทำให้นัยน์ตาของเซียวเฟิงหดเล็กลงไปมากกว่าเดิมอีก
พื้นที่ว่างใต้ดินนี้นั้นเหมือนโพรงถ้ำก็จริง แต่มันให้ความรู้สึกเหมือนรังเสียมากกว่า!
ไม่ว่าจะมองไปทางไหนก็พบแต่กระโหลกขนาดใหญ่ของมอนสเตอร์ไม่ทราบประเภทเกลื่อนกลาดไปหมด ภายในจุดนี้ไม่มีของเหลวสีดำอยู่แล้ว จะมีก็แต่สิ่งที่เหมือนหลอดเลือดสีดำขนาดใหญ่ที่มักเห็นได้บนแขน แต่ไปอยู่บนผนังถ้ำแทนเท่านั้น!
และที่บริเวณใจกลางของรัง มันมีสิ่งมีชีวิตที่น่าสะพรึงกลัวอยู่!
สิ่งนั้นรูปร่างคล้ายกับก้อนลูกชิ้นสีดำขนาดใหญ่ มีสภาพคล้ายสมองแต่ก็ดูไม่ตายตัว มันเหมือนมวลของบางสิ่งบางอย่างที่สามารถเปลี่ยนรูปร่างได้ ที่แขวนตัวเองไว้กลางโถงแห่งนี้ ขนาดของมันใหญ่มาก ๆ อย่างกับเครื่องบินโดยสารลำหนึ่งเลยก็ว่าได้
ภายใต้ก้อนมวลสารสีดำขนาดใหญ่นี้ มีหนวดจำนวนมากมายที่ถูกปล่อยลงไปยังพื้นด้านล่างอยู่ และดูเหมือนหนวดพวกนี้เองก็จะมีโครงสร้างพื้นฐานเป็นมวลแบบเดียวกับของเหลวสีดำด้วย
หากจะเซียวเฟิงอธิบายถึงลักษณะของสิ่งที่น่าขยะแขยงตรงหน้านี้ คงบอกได้แค่ว่า มันเหมือนแมงกระพรุนขนาดใหญ่ เป็นแมงกระพรุนสีดำที่มีขนาดมหึมา!
นอกจากนี้ ความรู้สึกคุ้นเคยนั้นก็ยังคงอยู่นิดหน่อย เขาจำได้ว่าเมื่อครั้งที่เริ่มดันเจี้ยนเลเวล 15 ในเมืองเทียนหลง เขาก็เคยเจอกับความเกลียดชังเช่นนี้มาก่อน แถมยังเผชิญหน้ากับเจ้าลูกชิ้นแบบนี้มาก่อนด้วยเช่นกัน ดังนั้นมันเลยมีความรู้สึกคุ้นเคยฝังอยู่ในใจ อย่างกับว่า เมื่อตอนนั้น ก็คือเจ้านี่ แต่ยังไม่โตขนาดนี้เฉย ๆ!
เจ้าสัตว์ประหลาดที่น่ารังเกียจในครานั้นเคยกระตุ้นความทรงจำอันเจ็บปวดของเซียวเฟิงขึ้นมา และดูเหมือนว่ามันจะสามารถอ่านความทรงจำของผู้เล่นได้ เพราะงั้นมันจึงทำให้เซียวเฟิงฝังใจกับมันไม่น้อยเลยทีเดียว
ในตอนนี้ เซียวเฟิงกำลังรู้สึกว่าความเกลียดชังของมอนสเตอร์ตัวนี้ มันน่าหวาดระแวงเหมือนกับเจ้าตัวเมื่อในอดีตไม่มีผิด! ความรู้สึกต่าง ๆ มันเหมือนกันราวกับเป็นตัวเดียวกันนั้น มันทำให้เขาอดไม่ได้จริง ๆ ที่จะคิดว่าพวกมันทั้งสองเป็นตัวเดียวกัน!
คิดได้เช่นนั้นเซียวเฟิงก็รีบใช้ทักษะตรวจสอบลูกชิ้นยักษ์นี่อย่างรวดเร็ว ทว่าสิ่งที่ได้กลับมาก็คือ ข้อมูลที่เป็น ‘???’ เท่านั้น