เล่ม 9 เล่มที่ 9 ตอนที่ 264 พระชายามีเรื่องในใจ

สนมโง่เจ้าจะหนีไปไหน

ซูจิ่นซีเงยหน้าขึ้น พลันถอยหลังไปสองก้าวจนเกือบจะเหยียบส้นเท้าตนเอง

จิ่วหรง เขากำลังพูดอันใด?

น่าเสียดายที่จิ่วหรงไม่ให้เวลาซูจิ่นซีคิดมากนัก เขาเงยหน้าหัวเราะฮ่าฮ่าสองครั้ง ก่อนจะเดินออกประตูไปด้วยท่าทางมีความสุขมาก

เสียงหัวเราะนั้นน่าฟังจนไม่สามารถบรรยายออกมาได้ ราวกับหิมะที่เปล่งประกายบนภูเขาน้ำแข็งกำลังละลาย ราวกับกลิ่นหอมของดอกบัวบนปุยเมฆ ทำให้ผู้ที่ได้ยินอดรู้สึกผ่อนคลายและมีความสุขไม่ได้

หลังจากจิ่วหรงเดินออกไปแล้ว ผ่านไปครู่หนึ่ง ซูจิ่นซีก็ยังนึกไม่ออกว่า ประโยคที่เขาพูดเมื่อครู่นั้น หมายความว่าอย่างไร ในสมองอดนึกถึงคำพูดวิพากษ์วิจารณ์ของผู้คนที่อยู่หน้าประตูหอโอสถเย่าอันก่อนหน้านี้ไม่ได้

‘มีความเป็นไปได้มากว่า คุณชายจิ่วชื่นชอบพระชายาโยวอ๋อง’

จะเป็นไปได้อย่างไร?

ซูจิ่นซีสะบัดศีรษะอย่างแรง เป็นไปไม่ได้อย่างแน่นอน

“พี่จิ่นซี ท่านเป็นอะไร? ”

ซูอวี้เตรียมน้ำชากับอาหารให้กับจิ่วหรงและคนของสำนักแพทย์เทียนอีเหมินที่อยู่ด้านนอกเรียบร้อยแล้ว เมื่อเดินเข้ามาก็เห็นซูจิ่นซีกำลังสะบัดศีรษะเหมือนกำลังเขย่าป๋องแป๋ง

“ไม่… ไม่มีอันใด” ซูจิ่นซีพูดขึ้น

“ท่านไม่สบายใช่หรือไม่? ข้าตรวจให้ท่านดีหรือไม่” แม้ซูจิ่นซีจะพูดว่าไม่เป็นอะไร แต่ซูอวี้ยังรู้สึกว่าสีหน้าของซูจิ่นซีไม่ค่อยดีนัก

“ไม่ต้อง” ซูจิ่นซีปฏิเสธอย่างหนักแน่น

“ใช่แล้ว เจ้าไปหาเรือนพักที่เรียบร้อยสะอาดสะอ้านใกล้ๆ หอโอสถเย่าอัน เรือนพักต้องสงบเงียบและหรูหรา ในเรือนต้องมีบึงหรือทะเลสาบ ฮวงจุ้ยต้องดี… ” ซูจิ่นซีนำความต้องการของจิ่วหรงทั้งหมดก่อนหน้านี้บอกกับซูอวี้อีกรอบหนึ่ง “ยังมีสิ่งที่สำคัญมากอีกอย่าง เรือนพักและห้องหับทั้งหมดต้องสะอาด หลังจากนั้นก็ให้คุณชายจิ่วย้ายเข้าไปพัก”

“พี่จิ่นซี คุณชายจิ่วต้องการอยู่ต่อหรือ? ” ซูอวี้รู้สึกแปลกใจอยู่บ้าง

คุณชายจิ่วสามารถมานั่งวินิจฉัยอาการป่วยที่สกุลซูนั้น ทำให้ซูอวี้ประหลาดใจมากอยู่แล้ว นึกไม่ถึงว่า เขายังต้องการอยู่ต่ออีก

“ใช่ อย่าลืมเรื่องที่ข้าอธิบายไปเมื่อครู่เล่า” ซูจิ่นซีบอก “ดูแลคนของสำนักแพทย์เทียนอีเหมินให้ดีเล่า ข้ายังมีธุระที่จวน ต้องกลับก่อน วันนี้คงไม่ได้รอจนพวกเขาวินิจฉัยอาการป่วยเสร็จ ฝากเจ้าขอบคุณคุณชายจิ่วและคนของสำนักแพทย์เทียนอีเหมินแทนข้าด้วย อีกไม่กี่วัน หากเสร็จธุระแล้ว ข้าจะมาขอบคุณพวกเขาด้วยตนเองอีกครั้ง”

ซูจิ่นซีมีเรื่องยุ่งที่ต้องไปจัดการ ซูอวี้เดินออกไปส่งซูจิ่นซีที่ประตูข้างตามเดิม

รถม้าที่นั่งมา จอดรออยู่ที่ประตูข้างแล้ว ซูจิ่นซีออกจากประตูก็ตรงไปขึ้นรถม้าทันที นอกจากซูอวี้และจิ่วหรงแล้ว ผู้คนทั้งในและนอกหอโอสถเย่าอัน ไม่มีผู้ใดรู้ว่าซูจิ่นซีมา

รถม้าขับไปจนถึงประตูทางเข้าจวนโยวอ๋อง

ซูจิ่นซีกลับถึงเรือนชิงโยวก็เป็นเวลาหัวค่ำแล้ว นางเห็นตำหนักฝูอวิ๋นไม่มีแสงไฟ จึงถามแม่นมฮวา “ ท่านอ๋องไปที่วิหารวิญญาณแล้วหรือ? ”

“เพคะ” ซูจิ่นซีไม่ได้คิดอันใดมาก นางเดินเข้าไปในเรือนอวิ๋นไค

ในคืนนั้น ซูจิ่นซีเข้านอนเร็ว และตื่นขึ้นในยามเฉินของวันถัดไป ซูจิ่นซีไม่รู้ว่าเมื่อคืนนี้ตำหนักฝูอวิ๋นมืดมิดตลอดทั้งคืน กระทั่งซูจิ่นซีตื่น เยี่ยโยวเหยาก็เพิ่งกลับมาและยังได้รับบาดเจ็บที่ร่างกายอีกด้วย

เยี่ยโยวเหยาเพิ่งมาถึงตำหนักฝูอวิ๋น ก็ให้คนไปเชิญหมอเทวดาหวาและเตือนไม่ให้เขาส่งเสียงดัง

ทันทีที่มาถึงตำหนักฝูอวิ๋น หมอเทวดาหวาก็ตกใจในทันที

แม้แต่คำนับยังไม่ทันได้ทำ เขารีบวิ่งเข้าไปจับมือซ้ายของเยี่ยโยวเหยา เห็นฝ่ามือมีรอยวงกลมสีดำขนาดใหญ่กว่าก่อนหน้านี้มาก

“ท่านอ๋อง ผลสะท้อนกลับของหมุดกร่อนรักนั้น นับวันยิ่งรุนแรงขึ้นทุกที ใช่หรือไม่พ่ะย่ะค่ะ? ”

ดวงตาของเยี่ยโยวเหยาดูหมองคล้ำเยือกเย็น เขาพยักหน้ารับ

หมอเทวดาหวาได้รับการสั่งสอนที่วิหารวิญญาณคราวก่อนแล้ว จึงรู้ว่าไม่สามารถโน้มน้าวเยี่ยโยวเหยาเรื่องนี้ได้ พูดไปก็ไร้ประโยชน์ ทว่าเขาก็ยังเอ่ยปากพูด “ท่านอ๋อง กระหม่อมไม่รู้ว่าทางคุณหนูหนานกงปิดบังองค์หญิงได้อย่างไร ทว่าสุดท้ายแล้ว เรื่องนี้คงปิดบังไว้ไม่อยู่ ต้องมีสักวันที่องค์หญิงล่วงรู้ อีกทั้ง… ผลสะท้อนกลับของหมุดกร่อนรัก นับวันยิ่งร้ายแรงมากขึ้นทุกที เหมือนในวันนี้ที่ท่านอ๋องได้รับบาดเจ็บเอง เกรงว่าต่อไปจะยิ่งควบคุมได้ยากมากขึ้น ท่านอ๋องต้องรีบวางแผนไว้ล่วงหน้าแล้วพ่ะย่ะค่ะ”

“ผลลัพธ์เลวร้ายที่สุดของผลสะท้อนกลับจากหมุดกร่อนรักเป็นเช่นไร? ”

หมอเทวดาหวาส่ายศีรษะ แววตาแสดงความหนักใจมากขึ้น

หมุดกร่อนรักนี้รุนแรงมาก น้อยคนนักที่จะใช้เป็น จนถึงตอนนี้ ผู้ที่กล้าต่อต้านหมุดกร่อนรัก ยังไม่มีผู้ใดมีจุดจบที่ดี พวกเขาล้วนหนีไม่พ้นความตาย

ทว่าคำพูดเช่นนี้ สุดท้ายหมอเทวดาหวาก็ไม่กล้าพูดต่อหน้าเยี่ยโยวเหยา

ในเมื่อท่านอ๋องกล้าต่อต้านหมุดกร่อนรัก เขาคงหาข้อมูลของผลลัพธ์ไว้แล้ว

เพียงสอบถามหมอเทวดาหวาเพื่อความแน่ใจเท่านั้น

“รักษาอาการบาดเจ็บก่อนเถิด! ” เยี่ยโยวเหยาพูดเสียงเย็นชา

หมอเทวดาหวารีบวางกล่องยาลง และพันแผลให้เยี่ยโยวเหยา องครักษ์ยกอ่างน้ำเปื้อนเลือดหลายใบออกจากตำหนักฝูอวิ๋น ทั้งหมดถูกจัดการอย่างระมัดระวังโดยไม่ให้ผู้อื่นพบเห็น

เมื่อซูจิ่นซีตื่นนอนและเดินออกมาจากเรือนอวิ๋นไค นางก็เห็นหมอเทวดาหวากำลังเดินออกมาจากตำหนักฝูอวิ๋นพอดี

นางขมวดคิ้วถาม “หมอเทวดาหวา เช้าเยี่ยงนี้ ท่านอ๋องเป็นอันใดหรือ? ”

หมอเทวดาหวามีท่าทีตื่นตระหนก เหมือนมีเรื่องปิดบัง “ไม่ ไม่มีอันใดพ่ะย่ะค่ะ ท่านอ๋องบอกว่าเมื่อคืนนอนไม่ค่อยหลับ จึงให้กระหม่อมมาตรวจชีพจร กระหม่อมได้ตรวจชีพจรแล้ว ไม่พบปัญหาใหญ่อันใด ช่วงนี้ทางวิหารวิญญาณมีเรื่องมากมาย ทั้งยังมีเรื่องในราชสำนักอีก ทำให้ท่านอ๋องเกิดอาการวิตก เมื่อกังวลมากเกินไปอาจทำให้ธาตุไฟแปรปรวน กระหม่อมได้จัดชาสมุนไพรไว้แล้ว ท่านอ๋องดื่มเพียงสองวันก็ดีขึ้นแล้วพ่ะย่ะค่ะ”

“เช่นนั้นก็ดี! ” ซูจิ่นซีพยักหน้า ไม่ถามอันใดอีก

แท้จริงแล้ว หากเวลานี้นางให้ความสนใจสักหน่อย ก็จะพบว่า ระบบถอนพิษตรวจพบปัญหาการเปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่องของข้อมูล ตำหนักฝูอวิ๋นมีส่วนประกอบเลือดอยู่จำนวนมาก ทว่าน่าเสียดาย ซูจิ่นซีกำลังรอพ่อบ้านมารายงานเรื่องสำคัญมากเรื่องหนึ่ง จึงไม่ได้ใส่ใจเรื่องอื่นเท่าใดนัก

ผ่านไปครู่หนึ่ง พ่อบ้านเดินเข้ามาด้วยท่าทีลนลาน เวลานี้เยี่ยโยวเหยาเดินออกมาจากตำหนักฝูอวิ๋นพอดี

“มีเรื่องอันใด”

“ท่านอ๋อง ฮองเฮาสิ้นพระชนม์แล้วพ่ะย่ะค่ะ”

ฮองเฮาสิ้นพระชนม์แล้ว?

เยี่ยโยวเหยาอดขมวดคิ้วมุ่นไม่ได้

“เรื่องนี้เกิดขึ้นเมื่อใด? ”

“ไห่กงกงจากในวังบอกว่า ฮองเฮาสิ้นพระชนม์เมื่อตอนรุ่งสางของวันนี้พ่ะย่ะค่ะ ก่อนหน้านี้ฮองเฮาทรงประชวรอยู่ตลอด หมอหลวงเข้ามารักษาอาการ ก็ไม่มีท่าทีดีขึ้น”

คนที่นอนป่วยมานาน กอปรกับไม่กี่วันมานี้มีเรื่องราวเกิดขึ้นมากมาย คงกระทบกระเทือนจิตใจอย่างมาก หากทนไม่ไหวก็เป็นเรื่องปกติ แต่เยี่ยโยวเหยารู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ

“เตรียมม้า เข้าวัง”

เยี่ยโยวเหยาพูดพลางเดินออกจากเรือนชิงโยวทันที

ซูจิ่นซีหัวใจเต้นแรง

นางไม่เข้าใจว่า สีหน้าของเยี่ยโยวเหยาเมื่อครู่นั้น หมายความว่าอย่างไรกันแน่

เรื่องของฮองเฮาในวันนี้ ซูจิ่นซีเป็นผู้เตรียมการทั้งหมด เยี่ยโยวเหยารีบเข้าวังถึงเพียงนี้ เพราะต้องการไปจัดเตรียมพิธีศพของฮองเฮา หรือเขาสงสัยอันใดจึงรีบเข้าไปตรวจสอบพระศพของฮองเฮา

เยี่ยโยวเหยาเป็นผู้ที่มีความคิดละเอียดรอบคอบ เขาจะพบพิรุธอันใดหรือไม่?

“พระชายา? ” ไม่รู้ว่าแม่นมฮวามาตั้งแต่เมื่อใด จู่ๆ นางก็ปรากฏตัวขึ้นที่ด้านหลังซูจิ่นซีอย่างเงียบงัน ซูจิ่นซีตกใจมาก

“แม่นมฮวา เจ้าทำอันใด? มายืนอยู่ข้างหลังไม่ให้ซุ่มให้เสียง ข้าตกใจหมด”

“พระชายา ท่านมีเรื่องอันใดในใจหรือเพคะ? เมื่อครู่ตอนที่ท่านอ๋องยังไม่ได้ออกไป บ่าวยืนตะโกนเรียกท่านอยู่ตรงนี้ตั้งนานแล้วเพคะ! ”

ยืนอยู่ตั้งนานแล้วหรือ?

เช่นนั้นเมื่อครู่ที่ซูจิ่นซีกำลังครุ่นคิดอยู่ แม่นมฮวาก็เห็นอารมณ์ที่ปรากฏบนใบหน้าของนางทั้งหมดแล้วหรือ?