ตอนที่ 239 ชีวิตของเทพเซียน

เย่ฉูฉู่หยิบถุงใส่ปลาเดินไปยังด้านนอกห้องครัวที่อยู่ด้านหลัง เธอเทน้ำเย็นเข้าไปในหม้ออะลูมิเนียมใบใหญ่ ช่วงค่ำมีอากาศหนาว แช่ทั้งคืนปลาก็จะแข็ง ต่อให้ไม่ผึ่งลมให้แห้งก็ไม่มีกลิ่น สามารถเก็บไว้รับประทานได้จนถึงช่วงดอกไม้บาน นี่คือตู้เย็นธรรมชาติอันบริสุทธิ์และปลอดมลภาวะเชียวล่ะ!

หลังแช่แข็งปลาแล้ว เย่ฉูฉู่ก็กลับมาดูลูกที่ห้อง ส่วนจ้าวเหวินเทาเริ่มจัดการกับปลา เตรียมที่จะย่างปลา เย่ฉูฉู่บอกให้เขาเก็บเกล็ดปลาและเครื่องในที่ถูกนำออกมา จ้าวเหวินเทาจึงคิดว่าเธอจะเก็บไว้ให้อาหารไก่ และไม่ได้เก็บมาใส่ใจ เขาวางไว้ข้าง ๆ หลังจากทำความสะอาดปลาแล้ว จึงนำเกลือเครื่องปรุงรสมาโรยบนตัว แล้วย่างบนไฟ

“ภรรยา ปลาตัวนี้หอมเป็นพิเศษเลย อีกเดี๋ยวผมมั่นใจได้เลยว่าคุณจะต้องพึงพอใจ!” จ้าวเหวินเทาย่างไปพลางพูดคุยไปพลาง

เย่ฉูฉู่กล่าวด้วยรอยยิ้ม “งั้นคุณก็คงกินมาไม่น้อยแล้วสินะคะ”

“กินไปเยอะเลย แต่ก็ไม่ได้มีแค่ผมนะ ทุกคนก็กินเยอะเหมือนกัน” จ้าวเหวินเทาเริ่มเล่าเรื่องที่เขาทำตลอดทั้งวันให้เย่ฉูฉู่ฟัง ทั้งยังพูดอีกว่า “ภรรยา ครั้งหน้าผมจะพาคุณไปด้วย พวกเราไปแช่น้ำด้วยกันนะ แช่แล้วสบายตัวมากเลย!”

เย่ฉูฉู่ได้ยินสามีพูดแบบนี้ก็เกิดความปรารถนาขึ้น “รอให้ลูกหย่านมแล้วฉันค่อยไปนะ ตอนนี้ลูกยังเล็กเกินไป อากาศหนาวแบบนี้คงไปไม่ได้”

“ฤดูร้อนก็แช่ได้นะ” จ้าวเหวินเทานึกอะไรบางอย่างขึ้นได้ “ถูกต้อง รอให้อากาศอบอุ่น พวกเราก็พาลูกไปด้วยเลย”

เย่ฉูฉู่คิดว่าสามารถทำได้จริง จึงพยักหน้าตอบตกลง

เมื่อย่างปลาเสร็จ จ้าวเหวินเทาก็ลองชิมหนึ่งคำและพยักหน้ารัว ๆ “อร่อย! ภรรยา คุณรีบชิมสิ!”

เย่ฉูฉู่รับมากัดหนึ่งคำ ดวงตาของเธอพลันเป็นประกาย “อร่อยมาก!”

“ใช่ไหมล่ะ? ตอนที่ผมกินก็คิดไว้แล้วว่าคุณต้องชอบกินแน่นอนเลย!”

นับตั้งแต่ได้รับประทานเกี๊ยวที่สามีย่างคราวก่อน เย่ฉูฉู่ก็รู้สึกหลงใหลไปกับของที่ใช้ไฟย่าง ถึงอย่างไรในบ้านก็มีเตา จะย่างอะไรก็สะดวกสบาย

เพียงพริบตาเดียวปลาย่างสองสามตัวก็ถูกรับประทานจนหมดเกลี้ยง เย่ฉูฉู่ยังรู้สึกไม่อิ่มเท่าไรนัก แต่เมื่อเห็นท่าทางที่เหนื่อยล้าของสามี เธอจึงเรียกให้เขาไปดูลูกเพื่อทำอาหารออกมา

เธอทำอาหารเตรียมไว้ก่อนหน้านี้นานแล้ว บะหมี่น้ำแค่ต้มสักหน่อยก็เรียบร้อยแล้ว วันนี้จ้าวเหวินเทาแค่รับประทานปลาย่าง จึงรู้สึกหิวมาก หลังจากรับประทานไปสามถ้วยใหญ่ก็มานั่งดื่มชาอีกนิดหน่อยเพื่อย่อยอาหาร จากนั้นจึงล้มตัวนอน วันนี้ยังไม่ถึงตีสามเขาก็ลุกขึ้นจากเตียงแล้ว ตอนแรกไม่ได้รู้สึกอะไร แต่ตอนนี้เขารู้สึกง่วงมาก

เย่ฉูฉู่เห็นสามีนอนเร็วขนาดนี้ จึงแอบรู้สึกปวดใจ เธอกล่อมลูกให้เข้านอน หลังจากเก็บกวาดข้าวของแล้วก็เข้านอนเช่นกัน

ปลาย่างอร่อยมากจริง ๆ โดยเฉพาะการรับประทานในช่วงค่ำ คู่กับเครื่องเคียงอย่างมันฝรั่งแผ่น มะเขือยาว และสุราอีกนิดหน่อย ท้ายที่สุดก็ไปถึงเนื้อหมูสไลด์ที่นำมาย่าง ทั้งสองคนคนหนึ่งรับประทานเครื่องเคียง อีกคนรับประทานของย่าง ต่างก็นั่งล้อมเตาไฟ พูดคุยไปพลางจิบสุราไปพลาง การใช้ชีวิตแบบนี้เหมือนกับเทพเซียนเลย

หลังจากหิมะตก อากาศก็หนาวมากขึ้น ปลาก็ถูกรับประทานจนเกือบหมดแล้ว จ้าวเหวินเทาจึงกลับไปรับส่งผักใบเขียว และวันนี้จงย่งก็ตามมาด้วย

จงย่งมาซื้อกระต่าย พ่อแม่ของเขาอายุมากแล้ว อีกอย่างร้านของเขาก็มีวันหยุดไม่แน่นอน 1-2 วันยังไม่เป็นไร แต่ถ้าหยุดนาน ๆ อาจจะไม่ไหว เขากำลังคิดว่าจะให้พ่อกับแม่เลี้ยงกระต่าย มีเรื่องให้ทำ อย่างไรก็สบายกว่าทำงานที่ร้าน และไม่ต้องกลัวว่าจะไม่มีช่องทางขายด้วย เพราะร้านของเขาสามารถเหมาของพวกนี้ได้

นี่เป็นครั้งแรกที่จงย่งมาบ้านจ้าวเหวินเทา เขาได้ยินว่าจ้าวเหวินเทาสร้างบ้านใหม่ บ้านที่อยู่ในชนบทมีลักษณะคล้ายกัน แต่คิดไม่ถึงเลยว่าบ้านของจ้าวเหวินเทาจะถูกเรียกว่าเป็นความรู้ใหม่ของเขา

“สวรรค์ บ้านของพี่สร้างไว้ดีขนาดนี้เลยเหรอ!” จงย่งเข้ามาในบ้านแล้วก็ถึงกับอุทาน

“ดีอะไรกัน ถ้านายมาช่วงฤดูร้อน สิ่งนั้น…อันนั้น…แล้วก็อันนั้น คือดอกไม้ใบหญ้าทั้งหมด แถมยังมีต้นไม้ด้วยนะ รอผ่านไปอีกสองปีค่อยมาใหม่ บนต้นไม้ก็คงมีผลออกมาเต็มไปหมด แบบนั้นต่างหากล่ะถึงจะเรียกว่าดูดี!” จ้าวเหวินเทาแนะนำอย่างภาคภูมิใจ

จงย่งไม่ได้สนใจสิ่งนี้ เขาสนใจเพียงแค่ระเบียงคอนกรีตขนาดใหญ่หน้าบ้านและทางคอนกรีต สิ่งนี้เหมือนกับที่อยู่ในเมืองเลย จนกระทั่งเข้ามาถึงด้านในบ้าน ก็ยิ่งทำให้เขาตกตะลึงเข้าไปใหญ่ สว่างมาก สะอาดมาก ที่สำคัญที่สุดคืออบอุ่นด้วย!

“กลับมาแล้วเหรอคะ” เย่ฉูฉู่เข็นลูกออกมา

จ้าวเหวินเทาแนะนำ “ภรรยา นี่คือจงย่งที่ผมเคยเล่าให้คุณฟัง ส่วนนี่ภรรยาฉันเอง”

จงย่งรีบกล่าว “พี่สะใภ้ นี่คือเสี่ยวไป๋หยางลูกชายบ้านพี่สินะครับ”

สายตาของเขามองไปยังเสี่ยวไป๋หยางที่นอนอยู่ในรถเข็นเด็ก

“ใช่ นี่คือลูกชายฉันเอง!” จ้าวเหวินเทาเดินเข้าไปอุ้มเสี่ยวไป๋หยางขึ้นมาพลางแนะนำ “มา เรียกอาสิลูก”

จงย่งเห็นก็รู้สึกเอ็นดู

“รีบเข้ามาในบ้านเถอะค่ะ” เย่ฉูฉู่ไปรินน้ำชามาให้

เมื่อเขามาในห้องตะวันออก จ้าวเหวินเทาก็บอกให้เขาถอดรองเท้าขึ้นมานั่งบนเตียง จงย่งก็ไม่ได้เกรงใจ เขาขึ้นมานั่งบนเตียง จากนั้นก็รู้สึกได้ว่าใต้ก้นของเขาเกิดความอบอุ่น จนกระทั่งอุ่นไปทั้งร่างกาย

“พี่จ้าว ทำไมบ้านของพี่ถึงได้อบอุ่นขนาดนี้เนี่ย!”

“ฉันก็เคยบอกไปแล้วไม่ใช่เหรอ ฉันติดตั้งเครื่องทำความร้อนด้วย!” จ้าวเหวินเทาชี้ไปยังเครื่องทำความร้อนที่อยู่ข้างเตียง

จงย่งมองไปยังกำแพงและเพดาน นี่ไม่ใช่กำแพงที่เป็นดินเหนียว แต่เป็นกำแพงที่เป็นสีขาว ขาวเหมือนกับร้านค้าในเมืองเหล่านั้นเลย

“ผมเพิ่งเห็นนะเนี่ย ของชิ้นนี้มีประโยชน์ขนาดนี้ คงเปลืองถ่านมากเลยใช่ไหม?” จงย่งลองลูบดูก็รู้สึกว่าแอบลวกมือ

“เผาช่วงเช้าและช่วงค่ำ ตอนเที่ยงก็ควบคุมไฟไว้ ไม่ได้เปลืองเท่าไรหรอก” เย่ฉูฉู่ยกน้ำชาเข้ามาพร้อมกับพูด “แต่การอุ่นเตียงในชนบท สิ่งนี้ช่วยเก็บความอุ่นไว้ได้เหมือนกัน ที่ในเมืองไม่มีเตียงเตา เวลานอนบนเตียงก็ไม่สามารถอุ่นไฟได้ทั้งเช้าถึงค่ำ ก็อาจจะต้องเปลืองถ่านสักหน่อย”

จงย่งเสียงเสียง ‘เฮ้อ’ ออกมา “เตียงที่บ้านพวกเรา ไม่มีเครื่องทำความร้อน ต้องเผาไฟด้วยเตา ฤดูหนาวเย็นจนแข็งเลย ไม่ได้สบายเหมือนกับพวกพี่”

จ้าวเหวินเทาอุ้มลูกอยู่บนเตียงพลางกล่าว “แหงแหละ เตียงเตาในชนบท ต่อให้แจกฟรีก็ไม่แลกหรอก ของนี้ดีกว่าเตียงตั้งเยอะ ตอนที่ฉันวิ่งออกไปข้างนอกทั้งวัน กลับมาได้ขึ้นมาอยู่บนเตียงสักรอบ ไม่ต้องพูดถึงเลยว่ารู้สึกดีขนาดไหน!”

จงย่งไม่เคยได้รู้สึกมาก่อน แต่เมื่อได้นั่งก็รู้สึกได้ การออกไปตากอากาศหนาว ๆ ข้างนอกจนเย็นเยียบ เมื่อได้เข้ามาอยู่ในบ้านที่มีความอบอุ่นราวกับฤดูใบไม้ผลิ มันก็เป็นอะไรที่สุดยอดมาก

เย่ฉูฉู่บอกให้จ้าวเหวินเทาช่วยดูลูกและคุยเป็นเพื่อนจงย่ง ส่วนเธอไปทำอาหาร หลังจากทำอาหารไว้หกอย่าง และนำออกมาเสิร์ฟแล้ว ทันทีที่จงย่งได้ลิ้มรสชาติเขาก็พูดด้วยความประหลาดใจ “พี่สะใภ้ทำอาหารอร่อยมากเลย!”

เย่ฉูฉู่หัวเราะ “ถูกปากนายก็ดีแล้วล่ะ กินเยอะ ๆ นะ”

จ้าวเหวินเทากล่าวด้วยรอยยิ้ม “ภรรยาของฉันทำอะไรก็อร่อยทั้งนั้นแหละ!”

เย่ฉูฉู่กลอกตาใส่เขา

จงย่งถึงกับหัวเราะ เขาชี้ไปที่อาหารพลางกล่าว “นี่คือขาหมูแช่เย็นสินะ แต่กินแล้วไม่เหมือนกับขาหมูแช่เย็นก่อนหน้านี้เลย”

จ้าวเหวินเทารับประทานก็รู้สึกได้ถึงความแตกต่าง เขารู้สึกว่าเป็นเพราะนี่คืออาหารที่ภรรยาเป็นคนทำ จึงเกิดความแตกต่าง

เย่ฉูฉู่อธิบาย “สิ่งนี้ทำมาจากเกล็ดปลาน่ะ”

ทั้งสองคนถึงกับตกตะลึง เกล็ดปลาเอามาทำของแบบนี้ได้ด้วยเหรอ?!

เย่ฉูฉู่ก็ชะงัก คิดไม่ถึงว่าพวกเขาทั้งสองคนจะไม่รู้ เธอคิดว่าพวกเขารู้แล้วจึงอธิบาย

เธอนำเกล็ดปลามาล้างแล้วใส่ลงไปต้มในหม้อทิ้งไว้หนึ่งคืน จากนั้นใช้ตะแกรงลวกเส้นเพื่อช้อนเกล็ดปลาออกมา รอให้ส่วนที่เหลือเย็นมันก็จะแข็งตัว ใส่เหล้าลงไปจะดีที่สุด

นี่เป็นอาหารที่เธอและองค์ชายดูมาจากคนอื่นในตอนนั้น องค์ชายชอบรับประทานมาก เธอจึงเรียนวิธีทำมา เริ่มจากเก็บเกล็ดปลาจากปลาเหล่านั้นที่จ้าวเหวินเทานำกลับมา จากนั้นก็นำมาต้มจนกลายเป็นเจลลี่ และหั่นแบ่งมาให้จงย่งรับประทานหนึ่งชิ้น เพื่อให้ทุกคนได้ลิ้มลองรสชาติ

จ้าวเหวินเทาก็เพิ่งทราบว่าเพราะเหตุใดภรรยาของเขาจึงให้เก็บเกล็ดปลาไว้

“ได้เรียนวิชาแล้ว!” จงย่งพูดอย่างชื่นชม “พี่สะใภ้สุดยอดจริง ๆ นี่เป็นครั้งแรกที่ผมได้ยินว่าเกล็ดปลามีรสชาติอร่อยขนาดนี้”

เย่ฉูฉู่แย้มยิ้ม “เธอชอบก็ดีแล้วล่ะ จริงสิ ส่วนอันนี้คือไส้ปลา ฤดูหนาวปลาแทบจะไม่กินอะไร ไส้ปลาสะอาดมาก ล้างหลาย ๆ รอบก็พอแล้ว เอามาผัดกับพริกอร่อยแถมยังเป็นยาบำรุงกำลังได้ด้วย”

…………………………………………………………………………………

สารจากผู้แปล

ใช้ชีวิตสมกับเป็นเทพเซียนจริงๆ ค่ะ ดูสบายไปหมดทุกอย่างเลย

เพิ่งรู้เหมือนกันว่าเกล็ดปลาเอามาทำอะไรที่เป็นเจลลี่ได้ เป็นแหล่งของเจลาตินสินะคะ

ไหหม่า(海馬)