จี้ชางคงย่อมเข้าใจถึงความใฝ่ฝันและแรงบันดาลใจของจี้เทียนซิงอย่างแน่นอน แต่เมื่อได้ยินบุตรชายเอ่ยคำพูดที่เต็มไปด้วยความหวังเช่นนี้ เขาเพียงแสดงรอยยิ้มอันขมขื่นออกมาเท่านั้น
“เทียนซิง เจ้าไม่ผ่านการทดสอบทั่วไปของนิกายหนุนสวรรค์ เจ้าจะมีสิทธิ์ได้รับเลือกในเดือนหน้าได้อย่างไรกันเล่า ?”
“เจ้ามีเป้าหมายอันยิ่งใหญ่นั้นเป็นเรื่องดี พวกเราเหล่าบุรุษเกิดมาชาติหนึ่งจักต้องสร้างชื่อให้ระบือลั่น แต่….ด้วยความแข็งแกร่งของเจ้าในตอนนี้ เป็นไปได้อย่างไรที่เจ้าจะติดหนึ่งในสิบอันดับแรกจนเข้าร่วมนิกายหนุนสวรรค์”
จี้เทียนซิงเงียบไม่ตอบคำและมองไปที่โต๊ะ แต่ดวงตาของเขาเปล่งประกายด้วยแสงอันแนวแน่นที่ไม่ยอมแพ้
แน่นอนว่าความเชื่อมั่นที่เขาพึ่งพาได้ก็คือสุสานเทพกระบี่อันลี้ลับที่อยู่ในร่างกาย ตลอดจนวิถีใจกระบี่ของเขา
แต่นี่เป็นความลับที่ยิ่งใหญ่ที่สุด เขาจะพูดกับบิดาได้อย่างไร ?
ทั้งผู้เป็นพ่อและบุตรชายต่างก็เงียบลง บรรยากาศในห้องหับกล่าวอึมครึมและดูหดหู่
จี้ชางคงตบไหล่ของบุตรชายเบาๆและกล่าวด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม “เทียนซิง ในเมื่อลูกได้ตั้งมั่นแล้วที่จะเข้าร่วมนิกายหนุนสวรรค์ เช่นนั้นพ่อก็จะไม่ห้ามเจ้า”
ท้ายที่สุด จี้ชางคงก็หยิบกล่องเหล็กสีม่วงดำออกมาจากแขนเสื้อของเขาแล้ววางไว้ตรงหน้าจี้เทียนซิง
“เทียนซิง สิ่งนี้คือหนึ่งในมรดกตกทอดของตระกูลจี้ของเรา [เข็มทิศสื่อวิญญาณดารา] บัดนี้พ่อขอมอบให้เจ้า”
จี้เทียนซิงรู้สึกสงสัยในขณะที่เปิดกล่องเหล็ก และหยิบเอาเข็มทิศสีทองดำออกมาดูอย่างระมัดระวัง
“ท่านพ่อ ข้าขอทราบเหตุผลที่จู่ๆท่านก็มอบเข็มทิศสื่อวิญญาณดาราให้ข้า”
จี้ชางคงอธิบายว่า “เข็มทิศสื่อวิญญาณดาราเป็นสมบัติลี้ลับที่มีคุณภาพดีที่สุดที่สกุลจี้หลอมสร้างมา มันสามารถสัมผัสได้ถึงวิญญาณแห่งสวรรค์และโลก มันสามารถแยกแยะชีพจรวิญญาณและสินแร่ได้ ไม่ว่าจะอยู่บนเทือกเขาหรือสถานที่ซ่อนเร้นใดๆ มันจะบอกจุดที่ตั้งของสมบัติล้ำค่านั้นๆ”
“เนื่องจากตันเถียนของเจ้าได้รับความเสียหายและทักษะยุทธ์ของเจ้าสูญสลายไป พ่อได้ค้นตำราและคัมภีร์นับไม่ถ้วนจนในที่สุดก็พบหนทางที่อาจจะช่วยเจ้าได้”
“เมื่อหกปีก่อนมีดอกไม้ดาราแดงอยู่บนเทือกเขาเย่ ดอกไม้ชนิดนี้เป็นสมบัติของสวรรค์และโลกที่หาได้ยากยิ่ง ในครั้งหนึ่งมันจะออกดอกและเบ่งบานเพียงแค่สามวันเท่านั้น เคยมีผู้เชี่ยวชาญท่านหนึ่งได้ดอกไม้ดาราแดงนี้มาและมอบให้บุตรชายของเขาที่ตันเถียนพิการแต่กำเนิด หลังจากลูกชายของเขาได้กินดอกไม้ชนิดนี้เข้าไป มันไม่เพียงแค่ซ่อมตันเถียนเท่านั้น แต่ยังช่วยปรับแต่งกายาอีกด้วย นับตั้งแต่นั้นมาลูกชายของผู้เชี่ยวชาญท่านนั้นก็บ่มเพาะพลังยุทธ์ได้อย่างราบรื่นจนกลายเป็นยอดฝีมือเขตแดนเชื่อมปราณ”
เมื่อจี้เทียนซิงได้ยินสิ่งนี้ดวงตาของเขาก็เต็มไปด้วยแสงสว่างและสะดุ้งตกใจ
“ท่านพ่อ แสดงว่าดอกไม้ดาราแดงนั้นย่อมทรงพลังมากใช่หรือไม่ ?”
“ย่อมแน่นอน!”
จี้ชางคงพยักหน้าและยิ้มพลางกล่าวว่า “เทียนซิง เจ้ารู้หรือไม่ว่าผู้เชี่ยวชาญท่านนั้นคือใคร ?”
“เป็นผู้ใด?”
“ท่านคือจี้เซินเซียว บรรพบุรุษของตระกูลจี้ ปู่ของจักรพรรดิองค์ปัจจุบัน ! ส่วนชายหนุ่มที่ตันเถียนพิการแต่กำเนิดก็คือพระบิดาของจักรพรรดิองค์ปัจจุบัน”
จี้เทียนซิงตกตะลึงมากขึ้นและมีความสนใจอย่างมากในดอกไม้ดาราแดง
ชายหนุ่มคุ้นเคยกับตำนานของราชวงศ์จี้ และเขาก็รู้ว่าตระกูลจี้มีบรรพบุรุษลึกลับที่มีนามว่า จี้เซินเซียว
ว่ากันว่าจี้เซินเซียวเข้าสู่เขตแดนแก่นต้นกำเนิดตั้งแต่ 30 ปีที่แล้ว แต่จนบัดนี้ก็ยังไม่มีผู้ใดทราบแน่ชัด เพราะมิได้มีการเปิดเผย
ตระกูลราชวงศ์ของรัฐนภากระจ่างที่มีจี้เซินเซียว, ผู้เชี่ยวชาญลึกลับที่สร้างความตกตะลึงให้แก่ทั้ง 12 รัฐ และการที่มีผู้เชี่ยวชาญท่านนี้ดำรงอยู่ก็ทำให้ไม่มีรัฐใดกล้าก่อความขัดแย้ง
จี้เทียนซิงคาดเดาเจตนาของบิดาออกในทันทีและถามว่า “ท่านพ่อ แสดงว่าการที่ท่านมอบเข็มทิศสื่อวิญญาณดาราให้ข้าก็เพราะท่านต้องการให้ข้าใช้มันนำทางไปยังเทือกเขาเย่ เพื่อค้นหาดอกไม้ดาราแดง ?”
จี้ชางคงยิ้มและพยักหน้า “บุตรของข้ายังหัวไวเหมือนเดิม ถูกต้อง ! หากเจ้าสามารถหาดอกไม้นั้นมาได้ ปมปัญหาใหญ่ในชีวิตของเจ้าจะได้รับการแก้ไขและความแข็งแกร่งจะฟื้นตัวอย่างรวดเร็ว จากการคำนวณของข้า อีกราวๆ 10 วันหรือเกินกว่านั้นไม่มาก ดอกไม้ดาราแดงจะเบ่งบานเต็มที่ ย่อมต้องมีกองกำลังจากทุกสารทิศและผู้เชี่ยวชาญหลายคนออกตามล่าและแย่งชิงมันกันจ้าละหวั่นเป็นแน่”
“เจ้ามีเข็มทิศสื่อวิญญาณดาราอยู่ในมือและมีความเป็นไปได้สูงที่จะได้พบดอกไม้ดาราแดงก่อนผู้อื่น”
จี้เทียนซิงกุมเข็มทิศสื่อวิญญาณดาราไว้ในมือแนบแน่น สองตาเต็มไปด้วยความตื่นเต้นพลางกล่าวว่า “ข้าเข้าใจแล้ว ขอบคุณท่านพ่อมาก !”
จี้ชางคงกล่าวย้ำเตือนซ้ำๆว่า “เทียนซิง นี่เป็นโอกาสที่ดีสำหรับเจ้า แต่เจ้าต้องระวังทุกฝีก้าว ทุกอย่างเกี่ยวพันถึงชีวิต หากไม่ไหวก็จงถอนตัว อย่าฝืน”
จี้เทียนซิงพยักหน้าและเข้าใจว่าสมบัติล้ำค่าเช่นนี้ย่อมไม่มีทางได้มาครอบครองง่ายๆ จากนั้นเขาก็เก็บเข็มทิศสื่อวิญญาณดาราเอาไว้
หลังจากจี้ชางคงอธิบายเรื่องอื่นๆอีกเล็กน้อยก็ออกจากห้องไป
เมื่อบิดากลับไปแล้ว จี้เทียนซิงก็เปิดเส้นทางลับที่ซ่อนอยู่มุมห้องและเข้าไปในห้องฝึกลับส่วนตัว
หลังจากที่เขาวางเข็มทิศสื่อวิญญาณดารากลับเข้าที่แล้ว จี้เทียนซิงก็เริ่มฝึกวิถีดวงใจกระบี่และควบแน่นปราณกระบี่
“อีก 10 วัน… อีก 10 วันเท่านั้น!ข้าต้องควบแน่นเส้นทางปราณกระบี่ให้ครบและสร้างตัวอ่อนกระบี่!**”
……
ภายใต้ความมืดมิดของท้องฟ้ายามค่ำคืน บ้านเก่าหลังหนึ่งในเมืองจักรวรรดิกลับยังคงสว่างไสวด้วยแสงไฟ
ภายในห้องมิดชิดที่อยู่ในบ้าน มีชายร่างสูงสวมผ้าคลุมสีม่วงกำลังนั่งอยู่ ถัดจากชายคนดังกล่าวยืนอยู่ด้วยชายหนุ่มรุ่นเยาว์อายุราวๆ 15-16 ปี ร่างกายของเขาสูงยาว ใบหน้าขาวดูหล่อเหลา
แต่ทว่า ณ ตอนนี้ใบหน้าของเขาดูมืดมนมาก และดวงตาของเขากลับดูไม่เหมาะกับอายุ
ชายชุดดำรัดรูปสวมหน้ากากคุกเข่าลงบนพื้นและกล่าวรายงานว่า “เรียนคุณชายน้อยห่าว ข้าน้อยขออภัย ไม่เพียงไม่สามารถสังหารจี้เทียนซิงได้ แต่ยังเสียพี่น้องไปถึง 4 คน…… ”
ใบหน้าของจี้ห่าวบิดเบี้ยวอัปลักษณ์ เขากำหมัดแน่น ยกขาเตะชายสวมหน้ากากจนลงไปกองกับพื้นและตะโกนเสียงต่ำ “บัดซบ ! เลี้ยงเสียข้าวสุก จอมยุทธ์ปรับแต่งกายาขั้นที่ 8 ถึง 4 คนกลับสังหารขยะอย่างจี้เทียนซิงที่มีระดับปรับแต่งกายาขั้นที่ 4 ยังไม่ได้ ! เจ้าบอกข้าซิ ข้าควรเลี้ยงเจ้าไว้อีกมั้ย !?”
ชายสวมหน้ากากรู้สึกหวาดกลัวและร่ำร้องอยู่บนพื้น เขารีบกล่าวอย่างรวดเร็วว่า “คุณชายน้อย… ท่านอย่าเพิ่งมีโทสะ เรื่องนี้ไม่ได้เป็นอย่างที่ท่านเข้าใจขอรับ…!”
“พี่น้องของข้าได้ย้อนกลับไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ และพบว่าพี่น้อง 4 คนที่ตายไปนั้นล้วนถูกแทงทะลุด้วยของมีคม เช่นคลื่นปราณกระบี่”
จี้ห่าวขมวดคิ้ว ดวงตาเต็มไปด้วยความงงงวย “ เป็นไปไม่ได้ ! ด้วยพลังฝีมือของเจ้าขยะจี้เทียนซิงจะใช้คลื่นปราณกระบี่สังหารผู้คนได้อย่างไร ?”
ในเวลานี้เอง ชายในชุดคลุมสีม่วงก็เปิดปากพูดกับชายชุดดำสวมหน้ากากว่า
“เจ้าถอยไปก่อน”
ทันใดนั้นชายชุดดำสวมหน้ากากก็รู้สึกโล่งอก หลังจากคำนับชายชุดคลุมม่วงแล้วก็ออกจากห้องไปอย่างรวดเร็ว
ปากของชายเสื้อคลุมม่วงแสยะยิ้มออกมาและกล่าวว่า “ห่าวเอ๋อ เห็นได้ชัดว่าจี้เทียนซิงได้รับการช่วยเหลือจากยอดฝีมือ แต่ว่า ตอนที่พวกเจ้าไปโรงหลอมกระบี่ที่ชานเมืองทางใต้ พวกเจ้าไม่ได้พาผู้คุ้มกันไป เช่นนั้น แท้จริงแล้วเป็นผู้ใดที่ช่วยเหลือมันเอาไว้ ? หรือว่าจี้ชางคงแอบจัดเตรียมยอดฝีมือไว้คอยปกป้องบุตรชายของมันอยู่ห่างๆ ?”
จี้ห่าวกำหมัดแน่นด้วยความไม่พอใจและกล่าวด้วยจิตสังหารอันแรงกล้าว่า “ฮึ เรื่องนั้นไม่สำคัญหรอก สุดท้ายก็ล้มเหลวอยู่ดี คราวหน้าข้าจะหายอดฝีมือมาสังหารมันให้ได้ !”
จี้เปาส่ายหัวพลางกล่าวว่า “เจ้าอย่าได้ประมาทจี้เทียนซิงเกินไปนัก มันเป็นชายหนุ่มที่ฉลาดและตื่นตัวมาก ในเมื่อครั้งนี้แผนของเจ้าล้มเหลว มันต้องสงสัยเจ้าเป็นแน่ โอกาสที่เจ้าจะลอบสังหารมันอีกครั้งแทบจะเป็นไปไม่ได้แล้ว”
“ยังดีที่ตอนนี้จี้เทียนซิงตันเถียนถูกทำลายระดับพลังถดถอย และมันก็ไม่นับเป็นภัยคุกคามต่อเรา แต่คนหนุนหลังที่สำคัญที่สุดของมันก็คือบิดามัน, จี้ชางคง สิ่งที่เราควรจะทำมากที่สุดในตอนนี้ก็คือหาวิธีกำจัดจี้ชางคง ! เพียงแค่จี้ชางคงตกตายไปสักคน จากนั้นพวกเราก็ควบคุมตระกูลจี้ทั้งหมด จี้เทียนซิงก็เป็นแค่ปลาบนเขียงให้เราสับเล่นตามใจชอบมิใช่หรือ ?”
หลังจากได้ฟัง ดวงตาของจี้ห่าวก็ทอประกายและพยักหน้า “ท่านพ่อพูดถูก ! แต่ว่า… จี้ชางคงเป็นดั่งจิ้งจอกเฒ่า การจะจัดการกับเขาคงมิใช่เรื่องง่ายมิใช่หรือท่านพ่อ ?”
ชายเสื้อคลุมม่วงแสยะยิ้มและแสดงออกด้วยสีหน้าที่เปี่ยมไปด้วยภูมิปัญญาพร้อมกับหัวเราะ “มีวิธีการมากหลายที่จะจัดการกับจิ้งจอกเฒ่า พ่อมีแผนของพ่ออยู่แล้ว”