ตอนที่ 226 คำอธิบาย / ตอนที่ 227 วอลล์เปเปอร์

[นิยายวาย] เมื่อบุหรี่ตกหลุมรักไม้ขีดไฟ

ตอนที่ 226 คำอธิบาย

 

 

ชุยหังกำลังรอว่าหลังจากที่หลูจื้อเห็นที่ตัวเองกดถูกใจแล้ว เขาจะโทรกลับมาหาตัวเองเลยหรือเพียงแค่ส่งข้อความกลับมา

 

 

อย่างไรก็ตามเขารอมาตลอดช่วงเช้าก็ไม่มีข่าวอะไรเลย

 

 

ขณะที่กินมื้อเที่ยงอยู่เขาก็ยังเหม่อลอย

 

 

“เหลาอู่ ทำไมหลังตรุษจีนนายซึมมากกว่าเดิมอีกล่ะ” วังเฉียงเอ่ยถาม

 

 

ชุยหังแสร้งทำเป็นใจเย็นพลางเอ่ยขึ้น “ไม่นะ แบบนี้เรียกว่าเป็นผู้ใหญ่…”

 

 

หลังจากฟังทุกคนก็ยิ้มและรู้ว่าชุยหังกำลังแก้ตัวอยู่

 

 

อย่างไรก็ตามชุยหังทำได้เพียงใช้ความตลกนี้ซ่อนความเหงาของตัวเองไว้

 

 

รอยยิ้มสดใสของผู้หญิงคนนั้นในภาพถ่ายทำให้ดวงตาทั้งสองของเขาร้อนผ่าว

 

 

ในเวลานี้เหมือนมีนางฟ้าและปีศาจกำลังปะทะกันอย่างดุเดือดในความคิดของเขา

 

 

ปีศาจกล่าว “ผู้หญิงคนนี้มีสิทธิ์อะไรมายืนข้างสามีของฉัน มือที่สาม ไร้ยางอาย”

 

 

แต่นางฟ้ากลับบอกว่า “ผู้หญิงคนนี้ก็น่าสงสารนะ หลูจื้อบอกเธอไปแล้วว่าไม่ชอบเธอ แต่เธอก็ยังเดินหน้าต่อ”

 

 

เสียงที่แตกต่างกันสองเสียงเชื่อมโยงการต่อสู้ในวังที่เงียบงันในจิตใต้สำนึกของชุยหัง ทำให้ชุยหังรู้สึกเจ็บปวดจนพูดไม่ออก

 

 

เขาไม่อยากคิดถึงเรื่องนี้แต่กลับควบคุมตัวเองไม่ได้

 

 

ทุกครั้งใบหน้าเปื้อนยิ้มของผู้หญิงคนนั้นปรากฏขึ้นมาในความคิดของเขาพร้อมข้อความด้านบนของหลูจื้อ ทำให้เขารู้สึกใจสลาย

 

 

จนกระทั่งช่วงบ่ายหลูจื้อก็โทรเข้ามา

 

 

“นายกำลังทำอะไรอยู่” เสียงของหลูจื้อยังคงทุ้มและน่าฟัง

 

 

อย่างไรก็ตามอารมณ์ของชุยหังยังไม่ผ่อนคลายลงเพราะไทม์ไลน์ในวีแชทตอนเช้า

 

 

“ไม่ได้ทำอะไร อยู่เวร” เขาพูดอย่างเย็นชา

 

 

หลูจื้อเหมือนว่าจะฟังเข้าใจแล้วจึงเอ่ยถาม “เป็นอะไร อารมณ์ไม่ดีเหรอ”

 

 

“เปล่า ฉันอารมณ์ดีมาก แต่เพิ่งเปิดเทอม อาจจะเหนื่อยหน่อย” ชุยหังใช้คำโกหกโง่ๆ เพื่อยับยั้งอารมณ์ไว้

 

 

หลูจื้อพูดขึ้น “ฉันเห็นนายมากดถูกใจให้ฉันแล้ว เพราะหน้าไทม์ไลน์วีแชทอันนั้นเหรอ”

 

 

ชุยหังไม่ได้พูดอะไรและคิดในใจว่า รู้หมดแล้วยังจะถามฉันอีกทำไม

 

 

จากนั้นหลูจื้อก็เอ่ยบอก “โพสต์อันนั้น ไม่ใช่ฉันที่โพสต์นะ เธอเป็นคนโพสต์เอง”

 

 

หลังจากที่ได้ฟังในใจของชุยหังก็ยิ่งไม่พอใจและเอ่ยบอก “นายให้เธอจับมือถือด้วยเหรอ”

 

 

“ไม่ใช่อย่างนั้น เธอบอกว่ามือถือของเธอไม่ค่อยดี พอดีว่าวันนี้นัดไว้ว่าจะมาที่บ้านฉัน แล้วเธอก็บอกว่าจะใช้มือถือฉันโทรไปหาแม่ของฉัน ใครจะคิดว่าเธอเอาไปโพสต์ลงไทม์ไลน์ล่ะ” หลูจื้อเอ่ยบอก

 

 

ชุยหังยังคงรับไม่ได้ มือถือของทหารกล้าดูได้ตามสบาย ผู้หญิงคนนี้ดูแล้วไม่ได้ใสซื่อเหมือนภาพลักษณ์เลย

 

 

หลูจื้อพูดต่อ “ฉันรู้ว่านายต้องโกรธแน่ๆ นายเข้าเวรถึงกี่โมง ฉันอยู่ที่ประตูโรงเรียนนะ นายเสร็จแล้วก็ออกมาเลย ฉันคิดถึงนายแล้ว”

 

 

ตอนนั้นท่าทางของชุยหังอ่อนลงแล้ว แต่ไม่อยากยกโทษให้เขาง่ายๆ แบบนี้

 

 

เขาเอ่ยถาม “นายไม่ยุ่งเหรอ อีกสักพักเธอจะไม่มาหานายอีกเหรอ”

 

 

“ไม่แล้ว ฉันไปส่งเธอมาแล้วและบอกไปว่าเพื่อนที่กองทัพมีธุระกับฉัน”

 

 

“ที่บอกว่าเพื่อนที่กองทัพ หมายถึงฉันเหรอ” ชุยหังเอ่ยถาม

 

 

“ใช่สิ ตอนนี้พวกเราไม่ได้ต่อสู้ด้วยกันเหรอ ฉันต้องรับมือกับคนมากมาย ส่วนนายก็หึงอยู่ข้างหลัง”

 

 

“ฉันไม่ได้หึง” ชุยหังรีบอธิบาย

 

 

“หลูจื้อหัวเราะพร้อมเอ่ย “ยังบอกว่าไม่หึงอีกเหรอ โอเค นายทำธุระเสร็จก็บอกฉัน ฉันรออยู่ตรงนี้”

 

 

ชุยหังมองเวลาพลางพูดขึ้น “อีกสิบห้านาที นายรอก่อนแล้วกัน”

 

 

ช่วงเวลาที่เหลืออยู่ชุยหังก็มองดูเวลา แต่เวลาผ่านไปช้ามาก เหมือนว่าเวลาจะตั้งใจเป็นศัตรูกับเขา

 

 

จากนั้นเขาก็พลิกดูมือถืออีกครั้งและไปดูในหน้าไทม์ไลน์ในวีแชท แต่พบว่ามันถูกหลูจื้อลบทิ้งไปแล้ว

 

 

 

 

 

 

ตอนที่ 227 วอลล์เปเปอร์

 

 

ชุยหังอดทนต่อความทรมานเป็นเวลาสิบห้านาที เขาก็เก็บข้าวของของตัวเองและไปเขียนเวลาออกลงในสมุดบันทึกของห้องปฏิบัติหน้าที่ จากนั้นเขาก็ไปที่ประตูมหาวิทยาลัย

 

 

หลูจื้อนั่งอยู่บนรถเหมือนคนไม่มีเรื่องอะไร

 

 

เมื่อเห็นชุยหังเดินมาก็มีรอยยิ้มบนใบหน้า

 

 

“ขึ้นรถครับ หัวหน้า” หลูจื้อเอ่ยบอก

 

 

ชุยหังบุ้ยปากแล้วขึ้นรถไป จากนั้นหลูจื้อก็กดเขาลงและกัดปากของชุยหัง

 

 

“นายทำอะไร” ชุยหังเอ่ยถาม

 

 

หลูจื้อเอ่ยตอบ “เมื่อกี้นายบุ้ยปาก ไม่ได้หมายถึงให้ฉันจูบนายเหรอ”

 

 

ชุยหังไม่สามารถระบายความคับข้องใจของเขาได้ ทำได้เพียงมองจ้องหลูจื้อและคิดว่าอยากจะกัดเขาจริงๆ

 

 

หลูจื้อมองชุยหังและเอ่ยบอก “โอเค โพสต์นั้นฉันเก็บไว้วันเดียว เพิ่งจะลบทิ้งไป เธอยังมาถามฉันอยู่เลยว่าทำไมไม่มีแล้ว”

 

 

“ถามตอนไหน” ชุยหังเอ่ยถาม

 

 

“เมื่อกี้ ถ้าไม่เชื่อนายก็ดูนี่” ขณะที่หลูจื้อพูดก็ยื่นมือถือส่งให้

 

 

ผู้หญิงคนนั้นเพิ่งส่งวีแชทมาหาเขาโดยพิมพ์เครื่องหมายคำถามสามอันมาก่อนเริ่มข้อความ

 

 

จากนั้นก็พิมพ์ข้อความมาหนึ่งประโยค [โพสต์นั้น ทำไมไม่มีแล้วล่ะ]

 

 

คำตอบของหลูจื้อด้านล่างนั้นง่ายมาก [ปกติฉันไม่เคยโพสต์ลงหน้าไทม์ไลน์]

 

 

[โอ้ ไม่เป็นไร ฉันจะทำให้นายค่อยๆ ชินกับการโพสต์ลงหน้าไทม์ไลน์เองและทั้งหมดนั้นต้องเป็นฉันด้วย]

 

 

‘ไม่รู้ว่าผู้หญิงคนนั้นไปเอาความมั่นใจมาจากไหน…

 

 

…แล้วยังบอกอีกว่าให้ค่อยๆ ชิน ทั้งหมดนั้นต้องเป็นเธอด้วย’

 

 

ชุยหังเอ่ยถาม “นายตั้งใจให้ฉันอ่านประโยคข้างล่าง จงใจให้ฉันโกรธใช่ไหม”

 

 

หลูจื้อเอ่ยบอก “ไม่ใช่อยู่แล้ว ฉันไม่กล้าหรอก ถ้านายโกรธกองหลังของฉันก็ไม่มั่นคง แล้วจะฝึกกองทัพยังไงล่ะ”

 

 

ชุยหังมีความรู้สึกหลากหลายในใจ จากนั้นก็มองหลูจื้อที่อยู่ตรงหน้าของเขาและกำลังสงสัยว่า เขาคือคนที่ตัวเองชอบก่อนหน้านี้และเป็นหลูจื้อที่ชอบเขาเหมือนกันใช่ไหม

 

 

‘เขาจะค่อยๆ หวั่นไหวกับการปรากฏตัวของผู้หญิงคนนั้นไหม…

 

 

…และตัวเองก็ไม่ใช่ชุยหังเหมือนในตอนแรก’

 

 

เขาพูดอยู่ตลอดว่าให้หลูจื้อแสดงให้สมจริงเพื่อให้คุณย่าของเขาและผู้ใหญ่ในครอบครัวมีความสุข แต่กลับไม่เคยขอให้เขาทำให้ตัวเขาเองมีความสุขเลย

 

 

‘ถ้าเขาไม่พูดขึ้นมา เขาก็จะไม่ดูแลจิตใจของตัวเองเลยเหรอ’

 

 

เขาเป็นผู้ชายที่ตรงเหมือนแท่งเหล็ก แม้ว่าทำให้ตัวเองโค้งงอแล้วก็ตาม แต่เขาก็ยังคงเป็นผู้ชายที่มีความคิดตรงไปตรงมา

 

 

ชุยหังถอนหายใจพร้อมปิดวีแชททิ้งไปและกลับไปที่หน้าจอหลัก

 

 

เมื่อเขาเห็นวอลล์เปเปอร์เขาก็ตะลึงอีกครั้ง

 

 

เขาคาดไม่ถึงเลยว่าวอลล์เปเปอร์ในมือถือของหลูจื้อจะเป็นผู้หญิงคนนั้น

 

 

“เธอเป็นคนทำอีกแล้วเหรอ” ชุยหังแสร้งทำเป็นผ่อนคลายและถามอย่างใจเย็น

 

 

เขาเหมือนได้ยินเสียงหัวใจของตัวเองเหมือนเสียงที่ถูกกระแทกเสียงดังโครมคราม

 

 

จากนั้นก็รู้สึกเหมือนลำคอถูกล็อกไว้แน่นจนรู้สึกเจ็บ เพียงแค่อยู่ตรงนั้นในวินาทีถัดไปเขาก็จะหายใจไม่ออกแล้ว

 

 

หลูจื้อมองไปที่มือถือพร้อมเอ่ยขึ้น “อือ เธอเป็นคนทำทั้งหมดเพื่อให้คนในครอบครัวเห็น ฉันก็เลยไม่ได้เปลี่ยน”

 

 

เหตุผลข้อนี้ทำให้ชุยหังพูดไม่ออก

 

 

อย่างไรก็ตามเขาก็ไม่สามารถจัดหลูจื้อเป็นผู้ชายประเภทที่ได้แล้วทิ้ง

 

 

เพราะบางเรื่องเป็นตัวเองที่ให้หลูจื้อไปทำและความคิดบางอย่างก็ถ่ายทอดให้หลูจื้อเอง

 

 

เขารู้อยู่แล้วว่าตัวเองจะต้องเจ็บปวด แต่เขากลับเลิกล้มหลักการของตัวเองและเข้าไปพัวพันกับผู้ชายที่กำลังจะแต่งงาน แล้วแสร้งทำเป็นคนใจกว้างขอให้เขาทำตัวเป็นผู้ชายเมื่ออยู่ต่อหน้าผู้หญิงเพื่อปิดบังความจริงของตัวเองและยังให้เขาเป็นลูกชายอกตัญญูต่อหน้าครอบครัวอีก

 

 

‘ใครจะมาเข้าใจตัวเองบ้างล่ะ’