บทที่ 424 เกาะชิงชัย

บทที่ 424 เกาะชิงชัย

[ประกาศทั่วเซิร์ฟเวอร์! อีเวนต์เซิร์ฟเวอร์ ‘การชิงชัย’ ได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว! ผู้เล่นที่มีสิทธิ์ทุกท่าน กรุณาเข้าร่วมอีเวนต์หลังสิ้นเสียงแจ้งเตือนระบบ!]

[ประกาศทั่วเซิร์ฟเวอร์! อีเวนต์เซิร์ฟเวอร์ ‘การชิงชัย’ ได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว! ผู้เล่นที่มีสิทธิ์ทุกท่าน กรุณาเข้าร่วมอีเวนต์หลังสิ้นเสียงแจ้งเตือนระบบ!]

[ประกาศทั่วเซิร์ฟเวอร์! อีเวนต์เซิร์ฟเวอร์ ‘การชิงชัย’ ได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว! ผู้เล่นที่มีสิทธิ์ทุกท่าน กรุณาเข้าร่วมอีเวนต์หลังสิ้นเสียงแจ้งเตือนระบบ!]

[ประกาศทั่วเซิร์ฟเวอร์! อีเวนต์เซิร์ฟเวอร์ ‘การชิงชัย’ ได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว! ผู้เล่นที่มีสิทธิ์ทุกท่าน กรุณาเข้าร่วมอีเวนต์หลังสิ้นเสียงแจ้งเตือนระบบ!]

[ประกาศทั่วเซิร์ฟเวอร์! อีเวนต์เซิร์ฟเวอร์ ‘การชิงชัย’ ได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว! ผู้เล่นที่มีสิทธิ์ทุกท่าน กรุณาเข้าร่วมอีเวนต์หลังสิ้นเสียงแจ้งเตือนระบบ!]

[ท่านเป็นผู้มีคุณสมบัติตรงตามที่อีเวนต์ ‘การชิงชัย’ ต้องการ ท่านต้องการเทเลพอร์ตตนเองไปยังสถานที่เตรียมพร้อมเลยหรือไม่?]

เสียงของระบบที่ดังติดต่อกันนั้นแจ้งให้ทราบหลังจากที่เขากำจัดยอดฝีมือเขตฮันกึลไป เซียวเฟิงได้กลับมาอยู่อันดับที่ 5 แทนที่ยอดฝีมือคนก่อนในเขตฮันกึลเรียบร้อยแล้ว ซึ่งในจังหวะที่ได้ยินเสียงระบบถามเรื่องการเทเลพอร์ต เซียวเฟิงก็ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งใจได้ในที่สุด

“ตกลง!”

หลังจากที่ตอบตกลงไปแล้ว ทันใดนั้น วงแหวนสำหรับเทเลพอร์ตก็ปรากฏขึ้นที่ใต้เท้าของเซียวเฟิง วงแหวนนั้นส่องสว่างด้วยแสงสีขาวจนอาบร่างของเขาไปหมด จากนั้นท่ามกลางสายตาของผู้เล่นชาวเกาหลีนับไม่ถ้วนที่ยืนห้อมล้อมสนามประลองของเซียวเฟิงไว้ ชายหนุ่มก็หายไปต่อหน้าต่อตาอย่างไร้ร่องรอย

[ยินดีต้องรับเข้าสู่เกาะชิงชัย! กรุณารอจนกว่าผู้เล่นทั้งหมดจะมาถึงด้วยความใจเย็น อีก 10 นาที กฎของอีเวนต์จะปรากฏให้พวกท่านได้อ่าน!]

ระบบแจ้งเตือนขึ้นมาในหูของเซียวเฟิงอีกครั้งหลังจากแสงสีขาวหายไป ภาพตรงหน้าเขาตอนนี้ ได้เปลี่ยนจากสนามประลองเป็นพื้นที่ใหม่ที่เต็มไปด้วยกลิ่นอายทะเลเต็มไปหมดเสียแล้ว

บนโลกนี้มีพื้นที่ตั้งเยอะตั้งแยะ ไม่คาดคิดเลยว่าขนาดเป็นอีเวนต์เซิร์ฟเวอร์ครั้งที่ 2 แล้วก็จริง แต่สถานที่จัดอีเวนต์ก็ยังคงเป็นเกาะเหมือนเดิม จากการหันมองไปรอบ ๆ เซียวเฟิงก็พบว่าเกาะชิงชัยแห่งนี้ไม่ได้กว้างขวางนัก มันเทียบไม่ติดกับเกาะขุมทรัพย์เลย บางทีขนาดอาจจะใหญ่เพียงเมืองหลักระดับ 3 เท่านั้น

จุดที่เซียวเฟิงยืนอยู่นั้น คือบริเวณจุดกลางเกาะชิงชัย มันเป็นพื้นที่ขนาดใหญ่ที่ถูกแบ่งออกเป็นสนามประลองขนาดย่อมไว้อย่างดิบดี หากมองจากมุมบนแล้วล่ะก็ ผู้เล่นอาจจะได้เห็นว่าแนวสนามประลองนี้ค่อนข้างเหมือนกระดานหมากรุกที่มีจำนวนช่องน้อยกว่าก็มิปาน

สนามประลองเหล่านี้เหมือนสนามฟุตบอลขนาดใหญ่ แต่ละแห่งถูกแบ่งแยกกันไว้อย่างชัดเจนด้วยเส้นสนามต่าง ๆ รวมถึงมีที่นั่งสำหรับผู้ชม ด้วยพื้นที่ระดับเมืองหลักเลเวล 3 นี้ บางทีอาจจะรับผู้คนได้มากถึงสิบสองล้านที่นั่งเลยทีเดียว ซึ่งถือว่ายิ่งใหญ่มาก

ในช่วงต้นของอีเวนต์นี้ ระหว่างที่คนอื่น ๆ กำลังทยอยถูกเทเลพอร์ตมา เกาะชิงชัยแห่งนี้ยังคงเงียบสงบอยู่ ทว่าเมื่อกลุ่มแสงสีขาวเริ่มปรากฏให้เห็นติดต่อกันมากขึ้นเรื่อย ๆ ความสงบนั้นก็เริ่มถูกทลายลงไป ผู้มีสิทธิ์เข้าร่วมอีเวนต์กำลังมารวมตัวกันแล้ว

“ไอ้หนู ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ อยากจะฆ่าฉันหรือเปล่าล่ะ!” เส้นแสงเส้นหนึ่งจางลง ณ สนามประลองข้าง ๆ จุดที่เซียวเฟิงยืนอยู่ คนคนนั้นคือ นักธนูอายุ 17 ปีที่อยากจะนอนกับนักบวช ซึ่งเมื่อเห็นดังนั้นเซียวเฟิงก็รู้สึกมีความสุขขึ้นมาทันที เขาวิ่งตรงไปหาอีกฝ่ายก่อนจะยิ้มกว้างแล้วกล่าวทักทาย

ได้ยินเช่นนั้น นักธนูอายุ 17 ก็รีบหันไปมอง และเมื่อพบว่าอีกฝ่ายเป็นเซียวเฟิง แววตาของเด็กหนุ่มก็แสดงออกถึงความคุ้นเคยก่อนจะกลายเป็นผงะ “ทำไมเป็นนายไปได้น่ะ?”

“ฮ่า ๆๆ ไม่ได้เจอกันตั้งนาน ไอ้หนู คิดถึงฉันบ้างหรือเปล่า?” เซียวเฟิงยังดูสดใสอยู่ ตอนนี้น่ะเขาขอแค่ได้เจอผู้เล่นเขตฮัวเซีย ไม่ว่าใครเขาก็อยากเข้าไปทักอย่างจริงใจทั้งนั้นแหละ

“ฉันเป็นญาตินายตั้งแต่เมื่อไหร่น่ะ? อย่ามาตีสนิทนะ” น่าเสียดายที่ดูเหมือนนักธนูอายุ 17 คนนี้ไม่ได้ชื่นมื่นกับความเป็นมิตรของเซียวเฟิงนัก หลังจากที่หายตกใจแล้ว ก็รู้สึกเสียหน้าจากเหตุการณ์ในอดีตขึ้นมาทันที

เซียวเฟิงไม่ได้สนใจเขานักเมื่อโดนเมิน นั่นเพราะตอนนี้ผู้คนเริ่มเทเลพอร์ตมามากขึ้น รวมถึงคนจากเขตฮัวเซียเองก็ด้วย และมันก็เป็นอย่างที่เขาคาดไว้ ผู้เข้าร่วมอีเวนต์จากเขตฮัวเซีย คือ เหล่ายอดฝีมือระดับท็อปเขตที่เขารู้จักจริง ๆ และมาครบสิบคน ไม่ว่าจะเป็น ซีเหมินชุยเสวียหรือซือเยี่ยจิ๋งเองต่างก็อยู่ที่นี่ด้วย หลาย ๆ คนในที่แห่งนี้ล้วนแต่เป็นคนที่คุ้นหน้าคุ้นตากันหมด อย่าง ซางกวน อาโอเชิน ตัวแสบ และพาลาดินแห่งการรักษา เป็นต้น

“ฮ่า ๆๆ พวกนายมากันหมดเลยจริง ๆ ด้วย!”

ภาพตรงหน้าทำให้เซียวเฟิงอดที่จะหัวเราะและกล่าวทักทายเสียงดังไม่ได้ ใจจริงเขาอยากจะกระโจนออกจากเส้นแบ่งสนามไปหาคนเหล่านั้นด้วย แต่ก่อนหน้านี้เขาได้ทดสอบจนรู้แล้วว่าเส้นแบ่งสนามเหล่านี้ไม่สามารถฝ่าไปได้ และดูเหมือนสนามเหล่านี้จะเป็นตัวแบ่งแต่ละเขตออกจากกันไปด้วย ดังนั้นแล้วผู้เล่นต่างเขตกันจึงไม่สามารถข้ามไปหากันได้จนกว่าจะถึงเวลาที่กำหนด

“เจ้าแห่งฮีลเลอร์งั้นเหรอ…?”

“พี่ชาย?”

“นั่นเจ้าแห่งฮีลเลอร์จริง ๆ ด้วย! ทำไมนายถึง…โอ้ โอ้! ฉันจำได้ละ ที่เขาว่ากันว่านายไปอยู่ในเขตฮันกึลก่อนหน้านี้…นี่มันเรื่องจริงเหรอเนี่ย?”

ซีเหมินชุยเสวียและคนอื่น ๆ ที่เห็นว่าคนทักทายนั้นเป็นเซียวเฟิง ก็พากันตกตะลึงกันถ้วนหน้า ก่อนจะมีใครตระหนักขึ้นได้ว่า คนคนนี้เป็นคนที่ไม่ควรลืมมากที่สุด หากเป็นผู้เล่นทั่วไป มันคงไม่ใช่เรื่องแปลกที่เขาจะจำเซียวเฟิงไม่ได้ แต่สำหรับพวกเขาแล้ว เซียวเฟิงเองก็ไม่ต่างอะไรกับบอสที่พวกเขาต้องเผชิญหน้าด้วยบ่อย ๆ คนผู้นี้เป็นถึงผู้เล่นตัวท็อปของเขตฮัวเซีย หลายสิ่งหลายอย่างที่เขาได้ทำไว้นั้นเกี่ยวข้องกับทุกคน มันคงจะเป็นเรื่องแปลกมากเลยทีเดียวหากผู้เล่นระดับสูงด้วยกันเองลืมเซียวเฟิงไป

ซือเยี่ยจิ๋งที่มองเซียวเฟิงอยู่อีกฟากหนึ่งก็ไม่ได้พูดอะไร นอกจากจะไม่ได้พูดอะไรแล้ว เธอก็ไม่ได้ส่งข้อความส่วนตัวไปหาแต่อย่างใดด้วย กลับกันแม่คนงามกลอกตามองบนใส่เขาขณะที่คนอื่น ๆ ไม่ทันสังเกตแทน

เซียวเฟิงไม่ได้ใส่ใจท่าทีนั้นของอีกฝ่ายเลย เขาดูผู้เล่นจากฮัวเซียที่ได้เข้าร่วมอีเวนต์ ซึ่งตอนนี้เห็นได้ชัดว่าค่อนข้างทรงพลังเลยทีเดียว เพราะในบรรดาสิบคนที่ได้เข้ามานั้น มีคนจากตระกูลโบราณปะปนอยู่ด้วยไม่น้อย

นอกจากซีเหมินชุยเสวียกับซางกวน อาโอเชินแล้ว ยังมีอีกสี่คนที่มาจากตระกูลโบราณ ในขณะที่อีกสี่คนนอกเหนือจากตระกูลโบราณนั้นได้แก่ ซือเยี่ยจิ๋ง ไทแรนนี่ นักธนูอายุ 17 ที่อยากนอนกับนักบวช และพาลาดินแห่งการรักษา เท่านี้ก็เพียงพอที่จะบอกได้แล้วว่าเหล่าตระกูลโบราณเริ่มที่จะกลับมาแสดงความเป็นยอดฝีมือของพวกเขาอีกครั้งแล้ว

“โอ้ คุณคือเจ้าแห่งฮีลเลอร์สินะครับ? ผมได้ยินคำชื่นชมในชื่อของคุณมานานมากแล้ว”

ผู้ที่เข้ามาทักทายเซียวเฟิงนั้น คือชายวัยกลางคนที่ดูใจเย็นมาก ๆ ชื่อว่า ‘ไทแรนนี่’ เขามองเซียวเฟิงอยู่พักใหญ่ก่อนจะเป็นฝ่ายกล่าวทักทายก่อน

เมื่อได้ยินคำทักทายเช่นนั้น เซียวเฟิงก็มองอีกฝ่ายกลับและพยักหน้าแทนการตอบรับ นี่เป็นครั้งแรกที่เซียวเฟิงได้มายืนเผชิญหน้ากับไทแรนนี่ อย่างไรก็ตาม แม้จะไม่ได้รู้จักเป็นการส่วนตัวมาก่อน เซียวเฟิงก็รู้สึกว่าเขาไม่สามารถมองข้ามเขาไปได้ ยังไงเสียเขาก็เป็นถึงยอดฝีมือคนหนึ่งเลย

“ระวังตัวให้ดี เขาเป็นยอดฝีมือระดับสูงที่ไดนัสตี้แอบซุ่มฝึกไว้เลยนะ อันดับของเขาในตารางพลังต่อสู้น่ะสูงกว่าฉันฉันอีก เพราะงั้นเขาถือเป็นศัตรูที่แข็งแกร่งมากเลย ฉันเห็นในฟอรั่มซุบซิบกันอยู่ ว่าร่างจริงของเขาค่อนข้างพิเศษและดีมาก ๆ บางทีเขาอาจจะเป็นเจ้าแห่งนักรบก็ได้!”

ซือเยี่ยจิ๋งที่เห็นเซียวเฟิงและไทแรนนี่มองหน้าซึ่งกันและกันก็ไม่รอช้าที่จะส่งข้อความส่วนตัวไปหาเซียวเฟิง

“เจ้าแห่งนักรบงั้นเหรอ?” เซียวเฟิงคิดตามอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็หันไปมองไทแรนนี่ด้วยแววตาที่จริงจังขึ้น ทว่าตอนนั้นไทแรนนี่ก็ไม่ได้มองเขาต่อแล้ว อีกฝ่ายละสายตาแล้วกลับไปยืนฝั่งของตนเองอย่างเงียบ ๆ

“ถ้านายไม่มาประชุมแผนการกับพวกเรา แล้วนายมาคุยอะไรอยู่กับผู้เล่นเขตอื่นกันน่ะ?”

การกระทำของเซียวเฟิงที่วิ่งตรงมายังเส้นแบ่งสนามเพื่อคุยกับผู้เล่นเขตฮัวเซียนั้นล่อสายตาของผู้เล่นเขตฮันกึลอีกเก้าคนที่เหลือที่อยู่ด้านหลังมาพักหนึ่งแล้ว เพราะงั้นเมื่อเห็นว่าเขาไม่กลับไปสักทีหนึ่งในเก้าคนนั้นจึงเดินมาถามด้วยน้ำเสียงไม่พอใจนัก

คนคนนี้ไม่ใช่ใครอื่นนอกจาก หานชิวเฟิง ผู้ที่หยิ่งทระนงในตนเองสูง เขาเดินมาหาเซียวเฟิงด้วยสีหน้าที่ไม่พอใจสุด ๆ

“เดี๋ยวสิ…แก! ไอ้ผู้บุกรุกจากเขตฮัวเซีย!”

หลังจากที่มองเซียวเฟิงตั้งแต่หัวจรดท้ายด้วยสายตารังเกียจ เมื่อผ่านไป 3 วินาที สีหน้าของเจ้าตัวก็เปลี่ยนไปรวมถึงขาของเขาก็เผลอถอยออกไปถึงสองก้าวโดยไม่ได้ตั้งใจอีก!

“ว่ายังไงนะ!”

“เจ้านี่แอบเข้ามาอยู่ในทีมเขตของพวกเรา! ชัดเลย! นี่เป็นจุดประสงค์ที่มันเอาแต่อยู่ในสนามประลองตั้งหลายวันงั้นเหรอ!”

“การปั๊มแต้มของพวกเราไม่สำเร็จงั้นเหรอ? เสียเวลาจริง! ไหนไอ้เจ้าซาตานนั่นบอกว่าแผนจะสำเร็จไง!”

ผู้เล่นฮันกึลคนอื่นต่างก็ช็อกไปตาม ๆ กัน พวกเขามองเซียวเฟิงด้วยความหวาดระแวง รวมถึงบางคนก็เหมือนจะเตรียมเข้าโจมตีเซียวเฟิงก่อนด้วย

“อย่าวิตกกังวลไป นี่เป็นอีเวนต์เซิร์ฟเวอร์นะ! อย่าทำเรื่องงามหน้าให้เขตฮันกึลตั้งแต่งานยังไม่เริ่มได้ไหม?”

ทว่าตอนนั้นเอง เสียงจากทางฝั่งผู้เล่นฮันกึลก็ดังขึ้นมา น้ำเสียงนั้นฟังดูใจเย็นและทรงพลัง การกล่าวเตือนนั้นของเขาทำให้ผู้เล่นฮันกึลคนอื่น ๆ ใจเย็นลงตาม ๆ กันด้วย

เขาคือ คิมจงฮัน ผู้เล่นระดับยอดฝีมือของเขตฮันกึล เขาจ้องมองเซียวเฟิงจากระยะไกลก่อนจะพูดต่อ “ตอนนี้เขาก็ถือเป็นผู้เข้าแข่งขันของเขตฮันกึลเหมือนกับพวกเรา ถ้าหากเขาแพ้ เราก็แค่เสียผู้เข้าแข่งขันไป กลับกัน พวกเรายังจำเป็นต้องมาสนใจจำนวนคนในทีมทำไมน่ะ? หรือต่อให้เขาชนะไปได้จนถึงจบอีเวนต์ ท้ายสุดแล้วเขตฮันกึลของพวกเราก็จะได้รางวัลกันเหมือนเดิมไม่ใช่หรือไง?”

ได้ยินเช่นนั้นผู้เล่นคนอื่น ๆ ในเขตฮันกึลก็เริ่มได้สติกันขึ้นมา

“คุณคิมพูดถูก! สมแล้วที่เป็นอันดับ 1 ในเขตฮันกึลจริง ๆ ครับ!”

“ใช่แล้ว! มันก็แค่จำนวนคน หายไปซักคนคงไม่ทำให้พวกเราฮันกึลแพ้หรอกน่า!”

“ต่อให้หมอนี่จะเผอิญชนะ ยังไงชัยชนะนั่นก็เป็นของพวกเรา! ไม่ว่าจะยังไงเขตฮันกึลก็ได้รับผลประโยชน์เต็ม ๆ! คุณคิมช่างฉลาดจริง ๆ!”

“ฮ่า ๆๆ ฉันหวังว่าไอ้เจ้านี่มันจะเก่งกาจอย่างที่ถูกยกย่องให้เป็นตำนานนะ เป็นผู้ชนะในอีเวนต์ให้ดูหน่อย อ้อ ๆ แต่เพื่อเขตฮันกึลของพวกเรานะ ฮ่า ๆๆ ”

“ฉันเริ่มจะเห็นภาพของรางวัลของอีเวนต์ครั้งนี้แล้ว เขตฮันกึลของพวกเราจะต้องได้รางวัลเป็นอาร์ติแฟกต์หรือไม่ก็แต้มเกียรติยศเขตเป็นแน่!”

คำพูดของคิมจงฮันทำให้ผู้เล่นฮันกึลคนอื่น ๆ ผ่อนคลายลงไป และพอพวกเขาผ่อนคลายกันเรียบร้อยแล้ว พวกเขาก็พากันหัวเราะขณะมองไปยังเซียวเฟิง ตอนนี้พวกเขาไม่สนใจแล้วว่าเซียวเฟิงตั้งใจจะทำอะไรต่อ

แม้แต่หานชิวเฟิงเองยังมองเซียวเฟิงด้วยแววตาเหยียดหยามก่อนจะหันหน้าแล้วเดินกลับไปเลย

เซียวเฟิงไม่ได้สนใจคนเหล่านี้มาตั้งแต่แรกแล้ว แม้แต่ตอนที่คนพวกนี้กำลังเย้ยหยันเขา เซียวเฟิงก็ยังสามารถทำตัวสบาย ๆ ได้เหมือนเดิม จนกระทั่งพบว่าสัญลักษณ์ที่อยู่เหนือหัวตนนั้นเป็นสัญลักษณ์ของเขตฮันกึลจริง ๆ เซียวเฟิงก็เริ่มกัดฟันขึ้นมา

เพราะสิ่งที่คิมจงฮันพูดนั้นมันกระทบจิตใจเซียวเฟิงด้วยจริง ๆ ถ้าเกิดเขาชนะ เป็นไปได้ว่าของรางวัลจะถูกส่งให้เขตฮันกึล ในกรณีที่แย่ที่สุดคือ ต่อให้เซียวเฟิงจะได้อาร์ติแฟกต์เป็นของรางวัล แต่มันก็ถือว่าอยู่ในเขตอื่น โดยเฉพาะแต้มเกียรติยศเขต สิ่งนี้ไม่สามารถมองข้ามได้เลย

อย่างไรก็ตาม เวลาก็ไม่ได้มีให้เซียวเฟิงคิดหาทางแก้ปัญหาเรื่องนี้มากนัก เพราะหลังจากที่ผู้เข้าแข่งขันทุกคนถูกเทเลพอร์ตไปยังสนามแข่งของตนเรียบร้อยแล้ว ที่บริเวณที่นั่งคนดูก็เริ่มเปล่งแสงสว่างขึ้น!

แสงสว่างสีขาวที่เปล่งออกมาจากที่นั่งเหล่านั้น สว่างเสียยิ่งกว่าไฟแฟลชกล้องเสียอีก! จากนั้นเมื่อสิ้นแสง ผู้เล่นจำนวนนับไม่ถ้วนที่เข้ามาในสถานะผู้ชมก็ปรากฏให้เห็นจนเต็มพื้นที่ว่างเหล่านั้นจนหมด

“อะไรน่ะ? อีเวนต์นี้มีคนดูด้วยเหรอ?”

สิ่งนี้ทำให้เหล่าผู้เข้าแข่งขันในอีเวนต์ต่างพากันผงะและตกใจไปพร้อม ๆ กัน พวกเขามองผู้ชมที่อยู่รอบ ๆ ตัว และเริ่มได้ยินเสียงอึกทึกที่มาจากการโห่ร้องจากทั่วสารทิศบนเกาะชิงชัยแห่งนี้ ผู้คนกำลังโห่ร้องจนก้องกังวาน

[ประกาศให้ทุกท่านทราบ! ในตอนนี้ผู้เข้าแข่งขันประจำอีเวนต์ได้เข้ามากันครบแล้ว! ดังนั้นต่อจากนี้จะเป็นการประกาศกฎการแข่งขันของอีเวนต์ให้ทุกท่านทราบ!]

[อีเวนต์ ‘ชิงชัย’ ในครั้งนี้ จะถูกแบ่งออกเป็น 3 รอบ! โดยที่รอบแรกจะเป็น แมตช์น็อกเอาต์! รอบที่ 2 จะเป็น แมตช์โปรโมชัน หรือ แมตช์ที่ใช้สำหรับเฟ้นหาผู้ท้าชิง และรอบที่ 3 จะเป็น แมตช์ไฟนอล หรือ รอบสุดท้ายที่ให้ผู้ท้าชิงจากรอบก่อนได้เจอกันเอง!]

[กฎกติกาของรอบแรกก็คือ การน็อกเอาต์คู่ต่อสู้ ตามชื่อแมทช์! ผู้เข้าแข่งขันอีเวนต์นี้ทุกท่าน จะถูกสุ่มคู่ต่อสู้ที่ไม่ได้มาจากเขตเดียวกันเพื่อให้มาต่อสู้กันในแมทช์นี้ และผู้เล่นแต่ละคนมีโอกาสเดียวเท่านั้น! ผู้ที่พ่ายแพ้จะถูกคัดออก และจะไม่มีสิทธิ์เข้าร่วมแมทช์อื่น ๆ ในอีเวนต์นี้อีก!]