ตอนที่ 1385 หน้ากากภูติไม้
“ฮึก……” เสี่ยวเจว๋น้ำตาคลอ
แต่เฟยเหยียนมีภูมิคุ้มกันต่อการแสดงแบบนี้แล้ว จิตวิญญาณของเด็กน้อยได้รับการฟื้นฟูจากของวิเศษทีละนิด ช่วงนี้สติของเขาชัดเจนมากขึ้น แม้ว่าจะยังฟื้นฟูกลับมาได้ไม่สมบูรณ์ แต่ก็มีการรับรู้ประมาณเด็กอายุ 5-6 ขวบแล้ว แต่ถึงจิตวิญญาณของเขาจะฟื้นฟูกลับมาในระดับหนึ่งแล้ว นิสัยตะกละของเขาก็ไม่เปลี่ยนไปเลยสักนิด!
นับตั้งแต่เสี่ยวเจว๋ได้เห็นหนูนรกคายสมบัติออกมามากมายไม่สิ้นสุด ดวงตาของเขาเวลามองหนูนรกก็แปลกไป เมื่อไม่นานมานี้ เย่เจี๋ยที่เปลี่ยนร่างจากเย่กู ก็พบว่าหนูนรกของนางหายตัวไป เด็กหญิงที่แสดงออกไม่เก่งก็หลั่งน้ำตาออกมาทันที
สุดท้าย หนูนรกก็ถูกดึงออกมาจากปากของเสี่ยวเจว๋โดยจวินอู๋เสีย
ตอนที่หนูนรกถูกดึงออกมา เจ้าตัวเล็กที่น่าสงสารหมดสติไปแล้วด้วยความหวาดกลัว
แม้ว่าหลังจากนั้นจวินอู๋เสียจะสั่งสอนเสี่ยวเจว๋อย่างเข้มงวดแล้ว แต่เสี่ยวเจว๋ก็ยังมองหนูนรกด้วยแววตาแปลกๆเหมือนเดิม
แววตาที่บอกอย่างโจ่งแจ้งอยู่ตลอดเวลาว่า “เจ้าดูน่าอร่อยมาก” แทบจะทำให้หนูนรกที่น่าสงสารเป็นบ้าไปแล้ว
“เก็บน้ำตาไปซะ มันไม่ได้ผลกับข้าหรอก” เฟยเหยียนดุ
เสี่ยวเจว๋ทำปากยื่นหน้าเศร้า
เย่เจี๋ยได้ยินเสียงของเฟยเหยียนจากในห้องโถงและรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น นิสัยของนางแตกต่างจากเย่กูที่ขี้หงุดหงิดอย่างมาก เย่เจี๋ยเป็นคนเก็บตัวมาก นางพูดมากกับจวินอู๋เสียตอนที่จวินอู๋เสียย้ายวิญญาณของนางไปอยู่ในร่างเจ้าแมวดำเท่านั้น เพราะนางเห็นจวินอู๋เสียเป็นร่างวิญญาณ คนจากเผ่าวิญญาณมีความใกล้ชิดกับวิญญาณมาตั้งแต่เกิดอยู่แล้ว ทำให้ง่ายต่อการสื่อสารกับพวกเขา
แต่ถ้าให้เย่เจี๋ยพูดกับคนล่ะก็ สามวันคงได้แค่คำเดียว
เฟยเหยียนส่งสายตาขอโทษให้เย่เจี๋ย แล้วลากเสี่ยวเจว๋ออกไป
มันค่อนข้างแปลกทีเดียว ตั้งแต่พวกเขาเข้ามาในสุสานจักรพรรดิแห่งความมืด เย่กูที่เป็นผู้พิทักษ์สุสานต่อต้านพวกเขาแค่ครั้งเดียวในตอนแรกเท่านั้น จากนั้นก็กลายมาเป็นพวกเดียวกับพวกเขาซะอย่างนั้น บางครั้งที่เขาปรากฏตัวออกมา ก็ดูเหมือนว่าเขาจะสนิทสนมกับเย่ฉาและเย่เหม่ยมาก
ทุกคนก็ดูเหมือนจะยอมรับเย่กูกับเย่เจี๋ยเข้าเป็นพวกเดียวกันอย่างไม่มีเงื่อนไข
เหตุผลก็ไม่มีอะไรนอกจากชื่อสกุลของพวกเขา—เย่
คนของกองทัพราตรีทั้งหมดใช้ชื่อสกุลว่า เย่ ในใจของผู้เยาว์ทุกคนที่นั่นเริ่มคาดเดาอะไรบางอย่างได้ แต่พวกเขาก็ไม่ได้พูดอะไรในเรื่องนี้
“เหยียนเอ๋อร์ เจ้าทึ่มเฉียวกลับมาแล้ว เสี่ยวเสียให้ข้ามาบอกพวกเจ้าให้ไปที่นั่น” ฟ่านจั๋วพูดยิ้มๆขณะเดินเข้ามา เขาตะโกนพูดกับเฟยเหยียนมาแต่ไกล
ในห้องโถงหลักของสุสานจักรพรรดิแห่งความมืด ของวิเศษที่เคยมีอยู่เต็ม บัดนี้ลดจำนวนลงไปเล็กน้อย แม้ว่าจำนวนที่ลดลงไปนั้นยากจะสังเกตเห็น แต่ถ้าดูให้ดีๆแล้ว จะสามารถมองเห็นชั้นวางโครงกระดูกที่ว่างเปล่าอยู่ในนั้นสองสามชั้น
ภายในห้องโถงที่กว้างขวางนั้น ร่างเล็กๆยืนอยู่ข้างชั้นวางโครงกระดูกสีขาว นั่นเป็นร่างที่งดงามของหญิงสาว แม้ว่าจะถูกปกปิดไว้ภายใต้เสื้อผ้า แต่ก็ไม่สามารถซ่อนส่วนโค้งส่วนเว้าที่หญิงสาวพึงมีได้
บนใบหน้าของหญิงสาวคนนั้นมีหน้ากากสีเงินอยู่ ทั้งสองด้านของหน้ากากแกะสลักอักษรรูนที่เป็นสัญลักษณ์ของพลังชีวิตเอาไว้อย่างประณีต
“เสี่ยวเสีย! เรากลับมาแล้ว!” ร่างหนึ่งที่กระตือรือร้นมากเข้ามาในห้องโถงใหญ่
หญิงสาวที่ยืนอยู่ในห้องโถงค่อยๆถอดหน้ากากออก ใบหน้าภายใต้หน้ากากนั้นงดงามจนทำให้คนที่มองถึงกับลืมหายใจ หน้ากากที่หญิงสาวคนนั้นถอดออกกลายเป็นแสงอยู่ในมือนางและค่อยๆหดเล็กลงเปลี่ยนเป็นต่างหู จากนั้นหญิงสาวก็ใส่มันไว้ที่หูของนาง
ต่างหูเล็กๆอันนั้น หรือพูดให้ถูกต้องก็คือ หน้ากาก ที่เรียกว่า หน้ากากภูติไม้