บทที่ 482 การสลายตัวของกองกำลังขนาดเล็ก
บทที่ 482 การสลายตัวของกองกำลังขนาดเล็ก
หลังออกจากสถานีตำรวจ อวี้ฮ่าวหรานก็พาเฉิงชิวอวี้ไปที่อาคารบริษัทชิวเฮิง
“ฉันขอขึ้นไปเอากุญแจบ้านก่อนนะคะ ฉันยังมีบ้านพักแถว ๆ นี้อยู่น่ะค่ะ”
ไม่นาน เฉิงชิวอวี้ก็ลงมาที่ชั้นล่าง อวี้ฮ่าวหรานก็ไปส่งเธอที่บ้านหลังนั้น
“คุณอยากได้คนคุ้มกันไหม?”
“ไม่เป็นไรค่ะ ที่นี่มีบอดี้การ์ดสองคนประจำอยู่ แล้วก็จะย้ายการ์ดสองสามคนของบริษัทมาอยู่ที่นี่ชั่วคราว”
เฉิงชิวอวี้ยืนยันว่าเธอสามารถดูแลตัวเองได้
“โอเค งั้นผมกลับก่อนนะครับ”
อวี้ฮ่าวหรานรู้สึกโล่งใจเล็กน้อย ตอนนี้เวลาเจ็ดโมงเช้า ถึงเวลาที่ต้องกลับบ้านไปส่งถวนถวนที่โรงเรียนแล้ว
สิบนาทีต่อมา
“พ่อกลับมาแล้ว!”
ทันทีที่ประตูเปิดออก ถวนถวนที่กำลังรับประทานอาหารเช้าก็อุทานเสียงดัง
ลูกสุนัขสองตัววิ่งมาต้อนรับเขาพร้อมกระดิกหางอย่างดีใจ
หลี่หรงกำลังดูข่าวเช้าอยู่บนโซฟาหันศีรษะไปมองพี่เขยที่หายตัวไปทั้งคืน
“เมื่อคืนเกิดอะไรขึ้นเหรอคะ?”
“มีเรื่องผิดพลาดเล็กน้อยน่ะ”
ข่าวในทีวีกำลังรายงานเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืน
‘เมื่อคืนที่ผ่านมา เกิดเหตุฝูงค้างคาวไล่ทำร้ายผู้คนในเมืองของเรา เบื้องต้นได้รับรายงานว่าค้างคาวเหล่านั้นคือค้างคาวที่อพยพมาจากต่างประเทศ และปัจจุบันมีการยืนยันแล้วว่าจำนวนผู้เสียชีวิต…’
“น่ากลัวจัง ค้างคาวทำร้ายคนได้ด้วยเหรอ?”
หลี่หรงหันมองภาพเซนเซอร์บนหน้าจอทีวีพร้อมพึมพำอย่างไม่เชื่อ
“คงจะเป็นอย่างนั้น”
อวี้ฮ่าวหรานตอบอย่างไม่ใส่ใจขณะนั่งลงบนโซฟา เขาไม่ได้เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนนี้ให้อีกฝ่ายฟัง ซึ่งการที่เธอไม่รู้ถือเป็นทางออกที่ดีที่สุด
หลังจากรับประทานอาหารเช้าเสร็จ อวี้ฮ่าวหรานก็ไปส่งถวนถวนที่โรงเรียน
…
ขณะเดียวกัน ณ ไนท์คลับสุดหรูกลางเมืองฮ่วยอัน
ตอนนี้เป็นเวลาเช้า ไนท์คลับแห่งนี้จึงยังไม่เปิดให้บริการ แต่กลับมีการคุ้มกันอย่างแน่นอน
ภายในห้องประชุม
“ดูเหมือนว่าไอ้เด็กโจวเฟยหู่จะขี้ขลาด จนไม่กล้าเข้ามายึดแก๊งของเราแล้ว”
“ฮ่า ๆ ดีแล้วไม่ใช่เหรอ! ฉลามคลั่งกับวาฬยักษ์ถูกพวกมันกวาดล้างจนเกลี้ยงแล้วรวมเข้ากับแก๊งพวกมันไปแล้วนี่”
“ถ้ารอให้ถึงตอนนั้น ฉันกลัวว่าจะมีแก๊งใหม่โผล่มาอีกน่ะสิ”
“…”
ชายหนุ่มกว่าสามสิบคนกำลังถกเถียงกันอยู่ในห้องประชุม
พวกเขาแต่ละคนมีกองกำลังเล็ก ๆ อยู่ใต้อาณัติ ภายใต้การกดขี่ของแก๊งพยัคฆ์เวหา การรวมตัวกันจึงถือว่าเป็นทางเลือกสุดท้าย
แต่เมื่อพูดถึงการกำเนิดของแก๊งใหม่ ทุกคนก็เงียบลงทันที
“ผมขอเสนอว่าพวกคุณควรร่วมมือกับแก๊งอินทรีของเรา แล้วโค่นล้มพยัคฆ์เวหาด้วยกัน”
ท่ามกลางความเงียบ จู่ ๆ ก็มือคนผู้หนึ่งโพล่งขึ้น แต่คนที่เหลือกลับเยาะเย้ยเขา
“ร่วมมือกับนาย? ฮ่า ๆ ฝันไปเถอะ! ทำไมกองกำลังสามสหายถึงต้องร่วมมือกับนายด้วย? แก๊งสามสหายด้อยกว่าแก๊งอินทรีของพวกนายยังไง?”
“ฮ่า ๆ ไร้สาระ! ในเมื่อพยัคฆ์เวหาหดหัวอยู่ในกระดอง มันก็ถือว่าเป็นโอกาสดีที่เราจะบุกโจมตีมันไม่ใช่เหรอ”
“ถูกต้อง! เรื่องนี้ใครดีคนนั้นได้!”
“…”
ทุกคนต่างยึดถือความคิดของตัวเองไม่มีใครยอมตกอยู่ใต้อาณัติของอีกฝ่าย สุดท้ายแล้วการรวมตัวเพื่อสร้างพันธมิตรก็ล้มเหลวไปพร้อมกับการหยุดเคลื่อนไหวของแก๊งพยัคฆ์เวหาที่ผ่านมากว่าสิบวันแล้ว
การได้ควบคุมแก๊งขนาดใหญ่ที่สามารถกวาดล้างแก๊งฉลามคลั่งและวาฬยักษ์ช่างเป็นสิ่งล่อตาล่อใจเหลือเกิน
อีกด้านหนึ่ง
โจวเฟยหู่ได้มาที่โรงพยาบาลอีกครั้ง
“หวังเหยียน ฉันได้ยินมาว่าไอ้พวกแก๊งเล็ก ๆ แยกย้ายกันไปโจมตีแก๊งอื่นแล้ว”
“ฮ่า ๆ เหมือนที่เราคิดไว้ไม่มีผิด รอจนพวกมันสู้กันเอง เมื่อถึงตอนนั้นเราจะตลบหลังแล้วกำจัดพวกมันให้หมด!”
หวังเหยียนที่เพิ่งฟื้นตัวหัวเราะเบา ๆ
“หึ ไอ้พวกนั้นมันเห็นแก่ผลประโยชน์ของตัวเอง ไม่แปลกใจที่พวกมันจะแพ้พยัคฆ์เวหาของฉัน” โจวเฟยหู่พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา
“นี่ ลูกพี่คิดผิดแล้วล่ะ พวกมันมีกำลังคนน้อยเลยไม่สามารถปกป้องตัวเองได้ ดังนั้นหลังจากเคลื่อนไหวแล้ว พวกมันจะถอยหลังไม่ได้อีกต่อไป ไม่อย่างนั้นสมาชิกในแก๊งต้องตายหมดทุกคน”
หวังเหยียนวิเคราะห์อย่างละเอียด
หลิวว่านฉิงเข้าใจทันทีว่าทั้งสองคนกำลังพูดคุยกันเรื่องกองกำลังใต้ดินในเมืองฮ่วยอัน
“กินผลไม้ก่อนเถอะค่ะ”
เธอปอกแอปเปิ้ลแล้วยื่นให้หวังเหยียน
หลังจากเหตุการณ์เมื่อวาน ทั้งสองก็มีความสนิทสนมกันมากขึ้น ถึงอย่างไร พวกเขาก็เพิ่งผ่านสถานการณ์เฉียดตายมาด้วยกัน
“ฮ่า ๆ ไม่มีของฉันเหรอ? สาวน้อยคนนี้ลำเอียงนะเนี่ย”
โจวเฟยหู่หัวเราะอย่างสบายใจ
“ม…มีค่ะ”
หลิวว่านฉิงรีบหยิบแอปเปิ้ลอีกหนึ่งลูกออกมาจากถุงพลาสติกข้างเตียง
“เฮ้! ไม่ต้องหรอก ฉันแค่ล้อเล่นน่ะ”
เมื่อเห็นอย่างนั้นโจวเฟยหู่จึงยกมือขึ้นห้าม ก่อนหันมองหวังเหยียนอีกครั้ง
“ฉันมาบอกนายแค่นี้แหละ กลยุทธ์ของเรามีประสิทธิภาพมาก ตอนนี้ต้องรอให้พวกมันขัดขากันเองแล้วแก๊งของเราจะมีอาณาเขตใหญ่ที่สุดในฮ่วยอัน”
“อืม อีกไม่กี่วันเท่านั้น”
ทั้งสองพูดคุยกันอย่างสบาย ๆ
แม้จะมีความกดดันอยู่บ้าง แต่พวกเขาก็พยายามทำให้เหล่าลูกน้องเชื่อมั่น
สองวันต่อมา…
อาการบาดเจ็บของเฉิงชิวอวี้ก็ฟื้นตัวเป็นปกติ ส่วนวิลล่าตระกูลเฉิงก็ได้ถูกซ่อมแซมเรียบร้อยแล้ว
ขณะเดียวกันหวังเหยียนก็หายดีแล้วเช่นกัน อวี้ฮ่าวหรานกำลังนั่งอยู่ในห้องทำงาน
“ผมดำเนินการเรื่องเปลี่ยนแผนบริหารบริษัทอสังหาริมทรัพย์ชิงปังเรียบร้อยแล้วครับ และผมก็ไล่คนพวกนั้นออกแล้ว”
หลี่อิงไห่วางเอกสารลงบนโต๊ะด้วยท่าทางเคร่งเครียด
“ผมตรวจสอบคนเหล่านั้นแล้วพบว่าทุกคนมีความเกี่ยวข้องกับบริษัทอสังหาริมทรัพย์เจิ้งไห่ ผมเลยไล่พวกเขาออกด้วยครับ”
อวี้ฮ่าวหรานขมวดคิ้วเล็กน้อย
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ได้ยินรายงานเกี่ยวกับบริษัทอสังหาริมทรัพย์เจิ้งไห่ และตอนนี้ดูเหมือนว่าเหล่าผู้บริหารที่ถูกไล่ออกก็มีความเกี่ยวข้องกับบริษัทดังกล่าว
“บริษัทอสังหาเจิ้งไห่งั้นเหรอ? ทำไมถึงมีสายของพวกเขาทำงานอยู่ในบริษัทอสังหาฯ จื่อจิน?”
ผู้บริหารระดับสูงที่ยังทำงานให้บริษัทอสังหาริมทรัพย์ชิงปังเหลือเพียงยี่สิบคน และหลายคนในนี้กลับมีส่วนเกี่ยวข้องกับบริษัทอสังหาริมทรัพย์เจิ้งไห่
นี่มันอุกอาจเกินไปแล้ว!
ด้วยวิธีนี้ถึงเขาจะเอาชนะกัวหย่งซินและได้ครอบครองบริษัทอสังหาริมทรัพย์จื่อจินก็ตาม แต่ไม่นานมันจะต้องถูกบริษัทอสังหาริมทรัพย์เจิ้งไห่ยึดแน่
หวังจุนที่อยู่ข้าง ๆ รีบรายงานทันที “นี่ครับ ผมเคยค้นคว้าข้อมูลอสังหาริมทรัพย์เจิ้งไห่มาก่อน”
พูดจบ เขาก็วางเอกสารลงบนโต๊ะ
“เจ้าของบริษัทคือชุ่ยเจิ้งไห่ ซึ่งบริษัทอสังหาริมทรัพย์เจิ้งไห่เป็นหนึ่งในบริษัทอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ในเมืองฮ่วยอัน ถ้าเราอยากนำบริษัทเข้าสู่อุตสาหกรรมนี้ ผมเกรงว่าเราจะต้องแข่งขันกับเขาก่อนครับ”
อวี้ฮ่าวหรานพยักหน้าแล้วหยิบเอกสารขึ้นสองฉบับบนโต๊ะขึ้นอ่านอย่างละเอียด
“อืม ตอนนี้ดำเนินการตามแผนไปก่อน แล้วก็อย่าลืมสืบข้อมูลฝั่งนั้นมาด้วยล่ะ”
หลังสั่งการลูกน้อง จู่ ๆ โทรศัพท์ของเขาก็ดังขึ้น
“เอ่อ… อวี้ฮ่าวหราน”
เสียงอ่อนเพลียดังขึ้นจากปลายสาย คนที่โทรมาคือซูหว่านเอ๋อ ซึ่งเธอเพิ่งฟื้นตัวจากอาการบาดเจ็บเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา
“ครับ คุณมีอะไรให้ผมช่วยเหรอ?”
“คือว่า…วันนี้ฉันจะเอาวัตถุโบราณไปประมูลที่งานน่ะค่ะ คุณอยาก…คุณอยากมาดูก่อนไหมคะ?”
ซูหว่านเอ๋อถามด้วยน้ำเสียงลังเลเล็กน้อย เห็นได้ชัดว่าซูหว่านเอ๋อใช้เวลาอยู่นานกว่าจะรวบรวมความกล้าแล้วโทรหาอีกฝ่าย
“ไปครับ! ผมจะไปเดี๋ยวนี้เลย”
อวี้ฮ่าวหรานตอบตกลงอย่างรวดเร็ว