ดวงตาของอู๋ตี้เปล่งประกายความตื่นเต้น “ฮี่ ๆ ๆ ข้าเข้าใจแล้วนายท่าน” ร่างมันนั้นอันตรธานไปจากข้าง ๆ มู่เฉียนซีทันทีและเข้าไปหาคนของหุบเขาหมอเทวดาอย่างเงียบ ๆ

หลังจากที่ได้ทำเรื่องเลวร้ายเสร็จสิ้น อู๋ตี้ก็กลับมาหามู่เฉียนซี มันยิ้มพลางกล่าวว่า “นายท่าน สำเร็จแล้ว ต่อไปพวกเราก็ไปจัดการฆ่าพวกสัตว์ที่ก่อความวุ่นวายนี้กันเถอะ”

“อืม เจ้าทำได้ดีมาก”

“มังกรเพลิงสังหาร!”

มังกรเพลิงสีแดงเข้มพุ่งออกมา มันเข้าฟาดฟันสัตว์วิญญาณไปมากมาย

“โอ้!  ศิษย์พี่ เหตุใดสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ถึงได้เยอะเช่นนี้เล่า ?”

เสียงกรีดร้องตะโกนมาจากทางด้านศิษย์ของหุบเขาหมอเทวดา นั่นเป็นเพราะเขาเห็นว่าทั่วบริเวณนี้ล้วนมีแต่สัตว์ศักดิ์สิทธิ์ที่มีพลังแข็งแกร่งไล่ตามพวกเขา

พวกเขามีพลังแข็งแกร่งมากก็จริง แต่สัตว์ศักดิ์สิทธิ์เหล่านี้ก็ไม่จำเป็นต้องไล่ตามแต่พวกเขาก็ได้มิใช่หรือ ?

คนของหุบเขาหมอเทวดาเหล่านี้สมแล้วที่เป็นสำนักระดับสอง มีความรู้มากกว่ากลุ่มนักผจญภัยหลางเทียนมากนัก ศิษย์พี่สามกล่าวขึ้นว่า “สถานการณ์นี้แปลกเกินไป ดูเหมือนว่าพวกเราโดนใครบางคนลอบเล่นงานเข้าให้แล้ว”

“ลอบเล่นงานเช่นนั้นรึ ? แล้วศิษย์พี่สามมีวิธีแก้ไขหรือไม่ ?”

“ข้าไม่รู้ว่ามือดีผู้นั้นใช้อุบายอะไรกับเรา แต่แน่นอนว่าคงไม่ได้ใช้ยา ดังนั้นข้าก็ไม่มีวิธีเหมือนกัน รีบวิ่งเร็ว!”

คนของหุบเขาหมอเทวดาคิดว่าฝีมือการปรุงยาของพวกเขานั้นท้าทายสวรรค์ที่สุดแล้ว จึงไม่คิดว่าผู้ที่ลอบเล่นงานพวกเขาจะใช้ยาพิษในการลงมือ

การหยิ่งผยองนั้นไม่ใช่เรื่องดีอะไรเลย  สิ่งที่มู่เฉียนซีใช้เล่นงานพวกเขาก็คือยาพิษ เพียงแต่ผู้ที่รับรู้ได้มีแต่สัตว์วิญญาณเท่านั้น พวกเขาในฐานะนักปรุงยาไม่มีทางรับรู้ได้

คนของหุบเขาหมอเทวดาดึงดูดสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ที่แข็งแกร่งไปมาก ทำให้คนอื่น ๆ เบาแรงไปไม่น้อย

อวิ๋นปู้หลัวทอดถอนใจ เขากล่าวขึ้น “สมกับที่เป็นศิษย์ผู้เป็นอัจฉริยะสำนักระดับสองจริง ๆ  นึกไม่ถึงเลยว่าจะแบกรับหน้าที่นี้ได้   ดึงดูดสัตว์ศักดิ์สิทธิ์มากมายเช่นนั้นออกไปเพื่อช่วยเหลือพวกเราทุกคน”

หากคนของหุบเขาหมอเทวดาได้ยินคำกล่าวนี้มีหวังคงต้องกระอักเลือดเป็นแน่แท้ คิดว่าพวกเขายินยอมด้วยความสมัครใจเช่นนั้นรึ ? สถานการณ์บังคับต่างหากเล่า!

มู่เฉียนซีได้ฆ่าสัตว์วิญญาณจำนวนมากระหว่างทาง การก่อจลาจลของสัตว์วิญญาณทำให้แต่ละกลุ่มนั้นแยกจากกัน  แต่จะว่าไปเป็นเช่นนี้ก็ดีเหมือนกัน การเข้าร่วมกับกลุ่มนักผจญภัยเป็นเพียงแค่การปกปิดตัวตนก็เท่านั้น ตอนนี้แยกกันจะได้ทำอะไรได้อย่างอิสระหน่อย

แต่สิ่งที่น่าแปลกนั่นก็คือ ในตอนที่พวกเขาออกจากพื้นที่นี้ สัตว์วิญญาณก็ไม่ได้ตามเข้ามาโจมตีพวกเขาต่อ

เวลานี้มู่เฉียนซีซ่อนตัวอยู่ในที่ลับ นางลอบฟังศิษย์ของหุบเขาหมอเทวดาผู้ไร้ยางอายเหล่านั้นสนทนากัน

“ศิษย์พี่สาม เรื่องนี้ช่างน่าบัดซบจริง ๆ  หากข้ารู้ว่าใครเป็นคนทำให้พวกเราเป็นเช่นนี้ ข้าจะเอายาพิษเล่นงานมันให้ตายทั้งเป็นเลยคอยดู”

ความแข็งแกร่งของพวกเขานี้ คนในเซี่ยโจวไม่มีทางที่จะต่อกรได้ ใครเลยจะคิดว่าจะมีผู้มีพลังแข็งแกร่งมาลอบเล่นงานให้อับอายขายหน้าถึงเพียงนี้

ศิษย์พี่สามกล่าวเตือน “ศิษย์น้อง พวกเราเป็นศิษย์ของหุบเขาหมอเทวดา อย่าปริปากพูดถึงยาพิษออกมาเด็ดขาด แต่คนผู้นั้นที่ลอบเล่นงานเรา พวกเราจะต้องจับตัวมันมาให้ได้”

แสงประกายวาบผ่านดวงตาของศิษย์พี่สาม “ตราบใดที่พวกเราเข้ามาใกล้บริเวณนั้น แน่นอนว่าจะต้องมีสัตว์วิญญาณออกมาก่อจลาจลเป็นแน่แท้ บริเวณนั้นต้องมีสมบัติล้ำค่า  บางที… มันอาจจะเป็นหม้อเทพนิรันดร์ก็ได้”

คนอื่น ๆ ต่างก็หัวเราะออกมาด้วยความลำพองใจก่อนจะกล่าวว่า “เช่นนั้นศิษย์น้องต้องขอแสดงความยินดีกับศิษย์พี่สามล่วงหน้าแล้ว ศิษย์พี่รองกับศิษย์พี่ใหญ่เดินทางออกตามหาก่อนหน้านี้ จนถึงตอนนี้ก็ยังไร้วี่แวว เกรงว่าจะหาไม่เจออะไร แต่ศิษย์พี่สามมาถึงก็เสมือนจะใกล้กับที่อยู่ของหม้อเทพนิรันดร์แล้ว”

ศิษย์พี่สามโบกมือพลางกล่าว “จะใช่หม้อเทพนิรันดร์หรือไม่เรายังไม่รู้แน่ชัด แต่ต่อให้ไม่ใช่หม้อเทพนิรันดร์ ของล้ำค่าสิ่งนั้นก็คงไม่ธรรมดา”

“แต่หากพวกเราเข้าไปแล้วเจอสัตว์วิญญาณออกมาเล่นงานอีก เราจะทำอย่างไรกันดี ?”

ศิษย์พี่สาม “ท่านอาจารย์ของเรามียาวิญญาณชนิดหนึ่ง มันสามารถซ่อนอำพรางกลิ่นอายของมนุษย์ได้ ทำให้กลิ่นอายของมนุษย์กลายเป็นกลิ่นอายของสัตว์วิญญาณ ถึงตอนนั้นเราก็สามารถลอบเข้าไปได้แล้ว”

“แล้วตอนนี้ศิษย์พี่สามมียานั้นหรือไม่ขอรับ ?”

“ไม่มี เราต้องหลอมยาขึ้นมาเองในตอนนี้ สมุนไพรวิญญาณที่จำเป็นต้องใช้ยังไม่เพียงพอ หากพวกเจ้ามีติดตัวมาก็เอาออกมาให้ข้าเถอะ”

ในขณะที่ศิษย์พี่สามอ่านรายชื่อสมุนไพรวิญญาณ สีหน้าของศิษย์น้องทั้งหลายพลันซีดเผือด ศิษย์พี่สามต้องฉวยโอกาสนี้หาผลประโยชน์จากคนอื่นเป็นแน่

แต่ถึงกระนั้นพวกเขาก็จำใจต้องเอาสมุนไพรวิญญาณออกมาให้เขา เพราะนี่ก็เป็นประโยชน์ของพวกเขาเช่นกัน

ศิษย์น้องทั้งหลายเอาสมุนไพรวิญญาณออกมาให้ศิษย์พี่สาม ศิษย์พี่สามกล่าวว่า “พวกเจ้าเฝ้ารอบ ๆ เอาไว้ให้ดี ป้องกันเอาไว้อย่าให้มีใครเข้ามาใกล้ได้”

“ขอรับ!”

ต่อมาศิษย์พี่สามผู้นั้นก็เริ่มทำการปรุงยา มู่เฉียนซีที่ลอบดูอยู่ก็เข้าใจทุกอย่าง สมุนไพรวิญญาณที่ศิษย์ร่วมสำนักของเขามอบให้นั้น เขาเก็บเอาไว้ครอบครองเป็นของตนเอง ส่วนสมุนไพรวิญญาณที่ต้องใช้ในการปรุงยามีเพียงแค่ไม่กี่ชนิดเท่านั้น

มู่เฉียนซีลอบสังเกตการณ์วิธีการปรุงยาของเขา  เห็นว่าเขาเตรียมเอาสมุนไพรวิญญาณออกมาและแบ่งสมุนไพรวิญญาณในการปรุงอย่างชัดเจน  นางพอจะเข้าใจแล้วว่าปรุงเช่นไรขณะที่ปากก็พึมพำ “สมกับที่เป็นสำนักระดับสองมาหลายพันปีจริง ๆ”

มู่เฉียนซีรู้สึกว่าในหัวสมองของตนเข้าใจการปรุงยานี้ได้อย่างชัดเจน ทว่าทันใดนั้นเอง เกิดเสียงดังขึ้นอย่างน่าตกใจ

— บึ้ม! —

หม้อยาของศิษย์พี่สามผู้นั้นระเบิดขึ้น!

แต่เหล่าบรรดาศิษย์น้องของเขากลับเห็นเป็นเรื่องที่ปกติกันไปเสียอย่างนั้น การหลอมยาสิบครั้งมีโอกาสสำเร็จหนึ่งครั้งก็นับว่าไม่เลวแล้ว โดยเฉพาะในป่าเขาเช่นนี้  มันไม่ใช่สถานที่ที่เหมาะสมแก่การหลอมหรือปรุงยา

— บึ้ม!  บึ้ม!  บึ้ม! —

หม้อยาของศิษย์พี่สามระเบิดนับครั้งไม่ถ้วน อีกทั้งสมุนไพรที่มีอยู่ก็เหลือน้อยเต็มทีแล้ว แต่นับว่าโชคเขายังดีอยู่ เพราะสุดท้ายเขาก็หลอมยานั้นออกมาสำเร็จ

เหล่าบรรดาศิษย์น้องของเขาต่างกล่าวประจบสอพลอ “ศิษย์พี่สามสมแล้วที่เป็นอัจฉริยะของสำนัก เพียงแค่เจ็ดครั้งก็สามารถหลอมยาระดับเก้าออกมาได้สำเร็จ ต่อให้เป็นศิษย์พี่รองก็เทียบศิษย์พี่สามไม่ได้แม้แต่น้อย”

คำกล่าวเหล่านี้ทำให้ศิษย์พี่สามผู้นี้พึงพอใจยิ่งนัก

เขายิ้ม “เจ้าอย่ากล่าวมากความไปหน่อยเลย รีบกินยาแล้วเตรียมตัวเดินทางกันดีกว่า”

“ขอรับ  ว่าแต่ว่า ยางนี้กินยากแท้ ๆ!”

“เอาเถอะ เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาที่จะเกิด จะกินยากอย่างไรก็ต้องกิน”

หลังจากที่พวกเขากินยาเสร็จสิ้น ก็เตรียมพร้อมที่จะออกเดินทางต่อ

ภายในเวลาสั้น ๆ นี้ มู่เฉียนซีก็ได้ปรุงยาชนิดหนึ่งออกมาซึ่งนางปรุงได้ไม่เลวเลย มันเป็นยาสำหรับใช้ฉีดพ่นตามร่างกายคล้ายกับ ‘น้ำหอม’ ก็มิปาน จากนั้นนางก็ตามพวกเขาไป

แน่นอนว่านางไม่ได้หลอมเป็นยาเม็ด เพราะนางรู้อยู่แล้วว่ามันคงจะกินยาก ดังนั้นนางจึงเลือกปรุงเป็นยาน้ำออกมาแล้วใช้ฉีดพ่นทั่วทั้งร่างกายแทน เช่นนี้ง่ายกว่ามาก

หากศิษย์พี่สามผู้นั้นรู้เข้าว่าตนเองโดนคนลอบขโมยวิชาไป และปรุงยาออกมาได้ใช้ง่ายกว่าของเขา อีกทั้งสรรพคุณยังดีกว่า คาดว่าเขาคงจะโกรธเป็นฟืนเป็นไฟจนอยากจะฉีกเนื้อคนผู้นั้นออกเป็นหมื่น ๆ ชิ้น

ครั้นแล้วพวกเขาก็เข้าไปในพื้นที่นั้นอีกครั้ง คนของหุบเขาหมอเทวดาเหล่านั้นดีใจไม่น้อย

“ศิษย์พี่สามปราดเปรื่องยิ่งนัก พวกเจ้าดูสิ เราไม่เป็นอะไรจริง ๆ”

“ในเมื่อไม่เป็นอะไรก็รีบหาของเถอะ เร็วเข้า!”

ศิษย์พี่สามผู้นั้นเอาเข็มทิศออกมา หลังจากที่เข็มทิศหมุนวนไปมารอบหนึ่ง จากนั้นเข็มก็กำหนดทิศทางที่ชัดเจน

“โอ้! ศิษย์พี่สาม ไม่นึกเลยว่าท่านอาจารย์จะมอบอาวุธวิญญาณที่สามารถบ่งบอกตำแหน่งของมหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์ชิ้นนี้ให้ท่าน ดูเหมือนว่าท่านจะเป็นศิษย์รักของท่านอาจารย์”

ศิษย์พี่สาม “ครั้งนี้ก็เพื่อหม้อเทพนิรันดร์ ท่านอาจารย์จึงมอบมันให้กับข้า อีกอย่าง ถ้าหากมหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์สามารถบดบังร่างมันเองได้ทรงพลังเกินไป เข็มทิศนี้ก็ไร้ประโยชน์”

“เพียงแต่ว่า… ครั้งนี้พวกเราโชคดีจริง ๆ ที่เข็มมันชี้ทางแล้ว”

มู่เฉียนซีที่ลอบมองพวกเขาอยู่ พึมพำขึ้นมาว่า “คิดไม่ถึงเลยว่าเขาจะมีของดีเช่นนี้ หึ ๆ ต้องแย่งเอามาสักหน่อยแล้ว”

“นายท่าน ข้าจะไปแย่งมาให้นายท่านเอง” อู๋ตี้กล่าวพลางทำหน้าตาเจ้าเล่ห์

.