ตอนที่ 221 การแยกชั้นหิน

นี่ถ้าไม่ใช่เพราะเยว่เหยาพาหยางโปมาจนทำให้เขาสังเกตเห็นหินแกะสลักฉินกุ้ยหยางโปคงจะคิดไม่ถึงแน่ๆว่าในหินแกะสลักนั้นจะมีความลับซ่อนอยู่ด้านใน ที่แท้กระบี่จ้านหลูที่เยว่เหยี่ยนตามหามาโดยตลอดกลับถูกซ่อนอยู่ในหินแกะสลักที่คาดไม่ถึงนี้นี่เอง!

หยางโปเองก็ถึงขั้นกับอึ้งไปนานพอสมควร

ถึงแม้ว่าเยว่เหยี่ยนจะไม่เข้าใจว่าทำไมหยางโปถึงเดาเรื่องนี้ได้ แต่ทันทีที่รู้เขาก็รีบให้คนนำรูปแกะสลักนั้นส่งออกไปทันที หลังจากหายไปไม่นานเขาก็ส่งรูปแกะสลักนั้นกลับมาอีกครั้ง

แต่หยางโปรู้ดีว่ากระบี่นั้นจะต้องถูกนำออกไปแล้วแน่ๆ หลังจากที่ตรวจสอบดูมันก็เป็นแบบนั้นจริงๆ

 

หลังจากถึงช่วงบ่าย หยางโปก็กลับมาถึงโรงฝึกศิลปะการต่อสู้ก็พบว่าเจ้าอ้วนหลิวกับกู้จ่างซุ่นกำลังยืนอยู่ด้านนอกและดูเหมือนว่าจะออกไปที่ไหนสักแห่ง

หยางโปเองก็ไม่รู้ว่าจะทำอะไรเขาจึงไปยืนดูเด็กผู้ชายอายุราวๆ 13-14 ปีที่กำลังฝึกศิลปะการต่อสู้กันอยู่ด้านนอก หลังจากที่หยางโปเจอกับคนที่ช่วยเปิดประตูให้พวกเขาเมื่อคืนนี้ก็ขอให้เขาช่วยสอนให้ด้วยความสนใจ

ตอนที่เด็กชายคนนั้นเจอหยางโปเขาก็รู้สึกลำบากใจอยู่ไม่น้อยแต่หลังจากที่เห็นว่าหยางโปดูจริงใจ เขาก็รู้สึกสบายใจขึ้นแถมยังสอนเขาอย่างตั้งใจ

“วิชาที่ผมฝึกมาเป็นวิชาหมัดไท่จู๋จ่างเฉวียนเป็นกระบวนท่าในการชกที่ให้ความสนใจกับการต่อสู้และการป้องกันตัว การโจมตีรวดเร็วราวกับกระแสไฟฟ้า หมัดทั้งสองข้างสลับข้างในการโจมตีภายในครั้งเดียว”

 

พูดจบอีกฝ่ายก็แสดงท่าทางให้เขาดู

หยางโปจ้องอีกฝ่ายที่กำลังขยับเคลื่อนไหวไปมาอย่างคล่องแคล่วว่องไว ท่าทางของเขากลับดูผ่อนคลายและอ่อนโยนแต่กลับทรงพลังเป็นอย่างมาก

เป็นเพราะหยางโปไม่เคยมีความรู้หรือฝึกฝนกระบวนท่าเหล่านี้มาก่อนจึงทำให้เวลาที่เขาทำตามจึงดูไร้เรี่ยวแรงเป็นอย่างมาก

ท่าทางของหยางโปที่ดูอ่อนปวกเปียกทำให้เด็กคนอื่นๆต่างพากันหัวเราะออกมาด้วยความขบขัน

เด็กเหล่านี้ยังอายุน้อยอยู่แต่พวกเขาก็รู้ดีว่าหยางโปเป็นแขกวีไอพีของอาจารย์ของพวกเขา พวกเขาจึงไม่กล้าที่จะหัวเราะเยาะออกมา แถมยังมีคนเดินมาพร้อมกับช่วยจับบ่าหยางโปเพื่อสอนให้เขาเคลื่อนไหวไปพร้อมๆกัน

 

เป็นเพราะหยางโปไม่ค่อยมีแรงเท่าไหร่นักจึงทำให้การเคลื่อนไหวของเขายังดูเก้ๆกังๆแม้ว่าจะมีคนช่วยเหลือก็ตาม

“ออกแรงจากบ่าทั้งสองข้าง ขาทั้งสองข้างเหยียดตรง ลำตัวตั้งตรงให้ดูสง่าเหมือนกับเสือ การเคลื่อนไหวให้เป็นเหมือนกับมังกรและรวดเร็วเหมือนสายฟ้า นี่แหละกระบวนท่าของหมัดไท่จู๋จ่างเฉวียน ” เยว่เหยาเดินเข้ามาพร้อมกับพูดขึ้น

“อาจารย์พี่!” ทันทีที่คนพวกนั้นเห็นเยว่เหยาทุกคนก็รีบโค้งตัวทันที

เยว่เหยาพยักหน้า “ไปฝึกกันต่อเถอะ เดี๋ยวฉันสอนเขาเอง”

หยางโปที่กำลังก้าวเท้าได้ยินแบบนั้นก็ไม่ได้สนใจอะไร แต่เขาคิดไม่ถึงเลยว่าจู่ๆบ่าของเขาก็ถูกตบอย่างแรงจนทำให้เขาลงไปนั่งกองอยู่ที่พื้น

 

ขาทั้งคู่ของเขาเกิดอาการชาขึ้นมาจนทำให้ไม่มีแรงที่จะเคลื่อนไหว เมื่อครู่เขารู้สึกราวกับว่ามีหมัดพุ่งเข้ามาใส่บ่าของเขา จนทำให้เขาเสียการทรงตัวไปในทันที

ทันทีที่เขาเงยหน้าขึ้นมามองเยว่เหยาก็พบว่าเธอกำลังยืนนิ่งราวกับเป็นเทพธิดา “ทักษะพวกนี้ไม่จำเป็นต้องมาใช้กับฉันก็ได้มั้ง?”

เยว่เหยายิ้ม “ฉันไปใช้ตอนไหนเหรอ? มันเป็นเพราะร่างกายของนายอ่อนแอต่างหากล่ะ!” หยางโปส่ายหน้าก่อนที่จะเปลี่ยนหัวข้อสนทนา “เออนี่ ตอนที่เธอเรียนอยู่บนเขาเอ๋อเหมยซานเธอเรียนศิลปะการต่อสู้ทั้งหมดเลยเหรอ?”

“ก็ไม่ได้มีอะไรมากหรอก ฉันก็แค่กินมังสวิรัติแล้วก็บำเพ็ญตบะ ฝึกวิชาดาบเอ๋อเหมยก็แค่นั้นแหละ” เยว่เหยาพูด

 

“แต่ทำไมฉันถึงรู้สึกว่าวิชาศิลปะการต่อสู้ของเธอถึงได้สุดยอดมากขนาดนี้ล่ะ?” หยางโปถาม

“มันก็แน่นอนอยู่แล้ว ฉันเป็นคนมีพรสวรรค์อะนะ!” เยว่เหยาพูดด้วยสีหน้ามั่นใจ

ในเวลาเพียงครู่เดียวเจ้าอ้วนหลิวและกู้ฉางซุ่นก็กลับมาพร้อมกับเยว่เหยี่ยน

ทันทีที่พวกเขากลับมาเยว่เหยาก็รีบเดินไปช่วยเยว่เหยี่ยนถือของทันทีก่อนที่จะรีบใช้มือของเธอบีบนวดไหล่ของเขา

เยว่เหยี่ยนยิ้ม “นี่คงไม่อยากจะได้อะไรใช่ไหมเนี่ย?”

“เปล่าค่ะ วันนี้ไม่มี” เยว่เหยาพูด

 

หยางโปหันไปมองกู้ฉางซุ่น “ไปไหนมาเหรอครับ?”

“ก็ไปกู่ว่านเฉิงมาน่ะสิ” กู้ฉางซุ่นพูด

พูดจบเขาก็หยิบจักจั่นหยกขึ้นมาก่อนที่จะวางลงบนโต๊ะ

หยางโปมองของชิ้นนั้น “ไม่เลวเลยนะครับ เป็นจักจั่นหยกของราชวงศ์ฮั่นตะวันตกซะด้วย”

กู้ฉางซุ่นยิ้ม “ฉันได้มาในราคาสองพันหยวน ถือว่าได้ของดีมาสินะเนี่ย”

“สิบเท่าเลยล่ะครับ” หยางโปยิ้ม

กู้ฉางซุ่นหัวเราะหึหึออกมา สำหรับเขาแล้วเรื่องเงินไม่ได้สำคัญอะไรแต่สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการที่เขาได้ของดีมาครอบครองและการที่เขาได้รู้ว่าเขาสามารถได้ของเหล่านี้มายิ่งทำให้เขารู้สึกมีความสุขมากขึ้นไปอีก

 

เจ้าอ้วนหลิวหันมาหาหยางโป “จะว่าไปนายเอาหินเถียนหวงของนายออกมาดูหน่อยสิ”

หยางโป “ได้สิ”

พูดจบ หยางโปก็หยิบหินเถียนหวงออกมาจากกระเป๋าสามชิ้นก่อนที่จะวางลงบนโต๊ะ

เจ้าอ้วนหลินหัวเราะออกมา “เทคนิคเรื่องพวกนี้ฉันไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่ จะให้ฉันเรียกเถ้าแก่เถียนมาไหม ?”

“ไม่ต้องหรอก เดี๋ยวฉันจัดการเอง” เยว่เหยี่ยนพูด

“ตาเฒ่า…แต่….” เจ้าอ้วนหลิวหันมามอง

“ฉันยังไม่แก่ ฉันยังขยับได้อยู่!”

 

หินทั้งสามก้อนมีขนาดเล็กมาก หลังจากที่เยว่เหยี่ยนจ้องมันอยู่ครู่หนึ่งเขาก็หยิบชิ้นแรกที่อยู่ทางซ้ายมือขึ้นมา “ของชิ้นนี้ด้านนอกดูเป็นสีเหลืองไข่ไก่มันวาว ฉันคิดว่าการที่จะได้เห็นสีเหลืองไข่ไก่จากด้านในมีสูงมาก อย่างน้อยๆภายนอกของมันก็ดูแข็งแรงมากกว่าสองชิ้นที่เหลือ”

หลังจากเครื่องเจียรถูกนำออกมาแล้วก็ยังมีโต๊ะไม้เล็กๆอีกโต๊ะนึงซึ่งมันถูกวางพอดีกับระดับสายตาของ

เยว่เหยี่ยนพอดี

เยว่เหยี่ยนหยิบแว่นที่ใช้สำหรับอ่านหนังสือของเขาขึ้นมาก่อนที่จะใช้มือของเขาจับวัสดุเอาไว้

ด้านในหินเถียนหวงมีโอกาสที่จะเปลี่ยนแปลงได้ ทว่าการเปลี่ยนแปลงโดยปกติแล้วจะไม่ได้เปลี่ยนมากมายเท่าไหร่นักและประมาณแปดสิบเปอร์เซ็นต์หินจะเป็นแบบเดียวกันทั้งภายในและภายนอก ดังนั้นหลังจากที่เห็นเศษหินที่อยู่ด้านนอกแล้ว ทุกคนต่างก็คิดว่ามันไม่มีอะไรแปลกตาไปมากกว่านี้

 

หินเถียนหวงเป็นหินอ่อน จึงทำให้สามารถกรอออกมาได้อย่างรวดเร็ว ขณะที่เครื่องเจียรยังคงทำงานอยู่นั้นเศษหินก็กระจายตกลงสู่พื้นราวกับเกล็ดหิมะ

ในเวลาเพียงอึดใจเดียวเยว่เหยี่ยนก็ปิดเครื่องเจียรในมือของเขาพร้อมกับใช้มือของเขาปัดไปรอบๆตัวหินเพื่อปัดเศษหินที่เกาะอยู่ออกไปจนเห็นสีเหลืองไข่ไก่ที่มันวาวอีกชั้น

เยว่เหยี่ยนชะงักไปก่อนที่จะยิ้มออกมา “วัสดุชิ้นนี้ไม่เลวเลยนะ คิดไม่ถึงเลยว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงแบบนี้ได้ด้วย หยางโปนายนี่โชคดีชะมัดเลยนะเนี่ย บางทีวัสดุที่อยู่ด้านล่างอาจจะมีเงินหุ้มทองอยู่ก็ได้นะ”

หยางโป “ผมก็อยากจะให้มันเป็นแบบนั้นแหละครับ แต่จากที่เห็นตอนนี้การที่มันจะมีเงินหุ้มทองดูเหมือนว่าจะเป็นไปไม่ได้เลยนะครับ”

 

เยว่เหยี่ยนยิ้มก่อนที่จะเริ่มเจียรหินอีกครั้ง

เจ้าอ้วนหลิว “ให้ตายเถอะตาดีขนาดนี้เลยเหรอเนี่ย? วัสดุชิ้นนี้เป็นแค่ของที่มีรูปร่างเล็กๆแต่กลับมีอะไรแบบนี้ด้วย ช่างน่าเหลือเชื่อจริงๆ!”

หลังจากผ่านไปได้ห้านาที ในที่สุดเยว่เหยี่ยนก็หยุดการกรอของเขาลงพร้อมกับหินเถียนหวงที่ถูกแกะออกมา

ตราประทับหินเถียนหวงปรากฎขึ้นตรงหน้าทุกคน หยางโปเองก็รีบหยิบขึ้นมาพร้อมกับยิ้มด้วยสีหน้าและแววตาที่ตื่นเต้น “ไม่ผิดจริงๆด้วย!”

 

กู้ฉางซุ่นเอ่ยปากบ่น “ให้ตายเถอะของเล็กๆแค่นี้ นี่ถ้ารู้เร็วกว่านี้คงจะพานายไปโซ่วซานแล้ว ไม่ต้องซื้อตราประทับหรอกแค่ไปซื้อวัสดุก็พอ บางทีอาจจะได้เงินหุ้มทองก็ได้นะคงจะประหยัดเงินไปเยอะเลย!”

เยว่เหยี่ยน “ใจเย็นก่อน ไม่แน่ถ้าหลังจากนี้ถูกกรอจนเปิดออกมา นายอาจจะเสียใจมากกว่านี้อีกก็ได้ใครจะไปรู้”

พูดจบเยว่เหยี่ยนก็หัวเราะออกมา