ตอนที่ 222 หินเถียนหวงต้งสือ

เยว่เหยี่ยนหยิบวัสดุชิ้นตรงกลางขึ้นมาพร้อมกับหันไปยิ้มให้กับหยางโป “ชิ้นนี้ถ้ากรอแล้วจะมีเถียนหวงดีๆด้านในรึเปล่า?”

หยางโปรู้ดีว่าของชิ้นนี้เป็นเป็นแค่เศษหินเท่านั้น เขาจึงพูดตอบกลับไปว่า “ผมเองก็ไม่รู้เหมือนกัน ตอนที่เลือกก็เลือกตามความรู้สึกแค่นั้นแหละครับ”

เยว่เหยี่ยนยิ้มออกมา อันที่จริงเขาเองก็รู้ดีว่าหยางโปคงจะไม่ได้ของดีอะไร ตอนที่ปรากฏหินสีเหลืองไข่ไก่เมื่อครู่ สำหรับทุกคนแล้วมันเป็นแค่เรื่องน่าประหลาดใจเพียงเล็กน้อยเท่านั้น

ตราประทับหินสีเหลืองไข่ไก่นั้นสามารถใช้เงินซื้อมาได้แถมมันก็ยังเป็นวัสดุระดับกลางด้วย ถ้าหากพวกเขาเจอเงินหุ้มทองนั่นแหละพวกเขาถึงจะรู้สึกประหลาดใจ

 

เจ้าอ้วนหลิวรับของชิ้นนั้นมาดูแต่ก็ไม่ได้รู้สึกสนใจกับของตรงหน้าเท่าไหร่นัก “ของชิ้นนี้ก็ไม่เลวนะแต่ฉันว่ามันดูธรรมดาไปหน่อย เกรงว่ามันคงจะไม่มีอะไรน่าตื่นเต้นน่ะสิ”

เยว่เหยี่ยนได้ยินแบบนั้นก็วางหินเถียนหวงลงก่อนที่จะใช้เครื่องเจียรหินเริ่มเจียรอีกครั้ง เสียงที่ดังจนแสบแก้วหูทำให้เยว่เหยาต้องรีบเดินออกไปในทันที

หลังจากผ่านไปได้ไม่กี่นาที เยว่เหยี่ยนก็หยิบหินขึ้นมาเป่าเพื่อเอาฝุ่นที่เกาะอยู่บนนั้นออกไป หลังจากที่หินในมือเริ่มกลับมาสะอาดอีกครั้งพวกเขาก็พบว่ามีหินสีเทาอยู่ด้านใน เยว่เหยี่ยนจึงส่ายหน้าพร้อมกับพูด “แค่เศษหินเท่านั้น”

พูดจบเยว่เหยี่ยนก็นำหินเถียนหวงวางเอาไว้ข้างๆก่อนที่จะหยิบหินอีกก้อนขึ้นมา

 

ทุกคนไม่ได้พูดอะไรและหยางโปเองก็ไม่คิดที่จะหยุดอีกฝ่ายด้วยเช่นกัน

หลังจากที่หยิบหินชิ้นสุดท้ายขึ้นมาหยางโปก็ยืดตัวขึ้นพร้อมกับมองไปที่หินชิ้นนั้น แต่หลังจากที่เห็นท่าทางของเยว่เหยี่ยนที่ดูไม่ค่อยระมัดระวังเท่าไหร่นัก เขาก็รู้สึกไม่สบายใจจนอยากจะเอ่ยปากพูดขึ้นมาทว่าเขาก็ตัดสินใจที่จะเงียบเสียงโดยไม่พูดอะไรออกมา

หลังจากเศษหินฟุ้งกระจายอีกครั้งพร้อมกับชิ้นหินที่ถูกเจียรออกไป เยว่เหยี่ยนก็หยุดการเจียรก่อนที่จะหยิบหินเถียนหวงขึ้นมาพร้อมกับยิ้ม “ชิ้นนี้ก็ไม่มีอะไรเหมือนกัน งั้นฉันไม่ต้องเจียรต่อแล้วนะ”

หยางโปมองหินในมือของอีกฝ่ายก่อนที่จะพบว่าด้านในนั้นเป็นหินสีเทาที่ปรากฏออกมา เขาก็อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วเข้าหากัน เพราะเขาเองก็มองออกว่าด้านในนั้นยังมีอีกชั้นแถมมันยังมีสีเหลืองสะท้อนออกมาด้วย

 

หยางโปลุกขึ้นก่อนที่จะหยิบหินมาไว้ในมือเขา “งั้นผมขอลองหน่อย”

เยว่เหยี่ยนยิ้มโดยไม่ได้ใส่ใจอะไร “นี่ก็ใกล้จะค่ำแล้ว นายรีบหน่อยก็แล้วกัน มันถึงเวลากินข้าวแล้ว”

กู้ฉางซุ่น “นี่ถ้านายได้หินจีโหย๋วหวงอีกชิ้นฉันยอมให้นายแปดแสนเลยแลกกับของสองชิ้นนี้ “

หยางโปส่ายหน้า “ผมไม่ได้อยากได้เงินแปดแสนของคุณซะหน่อย”

หินที่อยู่ในมือของเขามีขนาดเท่าหัวแม่มือเท่านั้น และจากที่เห็นด้วยตาเปล่าอันที่จริงหินชิ้นนี้ก็แทบจะไม่สามารถที่จะปรากฏหินเถียนหวงได้แน่ๆ

 

เจ้าอ้วนหลินเองก็พูดขึ้นมาว่า “ฉันเห็นแต่แรกแล้วแหละแต่เห็นว่านายสนใจฉันก็เลยไม่ได้พูดอะไร หินของนายชิ้นนี้เป็นชิ้นส่วนที่มาจากหินก้อนใหญ่แถมอยู่ท่ามกลางทะเลทราย มันเป็นเถียนหวงที่ไม่ค่อยจะเป็นที่รู้จักเท่าไหร่ แถมมันยังซ่อนอยู่ในดินที่มีความชื้นด้วย ความสวยของมันก็ใกล้เคียงกับเถียนหวงนั่นแหละ ความมันวาวแล้วก็ความสว่างของมันก็ไม่ได้ต่างกับเถียนหวงเท่าไหร่”

“แต่เนื่องจากกรดทำให้มันมีความโปร่งมากขึ้นจึงทำให้มันมีความคล้ายคลึงกันกับเถียนหวง มันมีลักษณะคล้ายกับรูปทรงของหัวไชเท้า พื้นผิวของมันก็ดูบอบบางมากกว่าด้วย มากสุดก็คงจะขายได้ในราคาของหินระดับต่ำๆนั่นแหละ”

หยางโปยิ้ม “ไม่เป็นไรหรอก”

 

พูดจบหยางโปก็ย่อตัวลงก่อนที่จะเปิดเครื่องเจียรพร้อมกับเริ่มเจียรหินอีกครั้ง หลังจากที่เริ่มเจียรก็พบว่ายังมีอีกชั้นที่ยังไม่ถูกเจียรให้เปิดออก หยางโปจึงใช้แรงเพื่อเจียรมันให้เผยอีกชั้นนึงออกมา

ในเวลานี้ทุกคนต่างมองหยางโปพร้อมกับหัวเราะออกมาราวกับมองว่ามันเป็นความพยายามที่ไร้ประโยชน์

หลังจากที่หยางโปพยายามจะเจียรต่อไปในเวลาอันรวดเร็วเขาก็พบแสงสีเหลืองที่ปรากฏขึ้นตรงหน้า จนทำให้ใบหน้าของหยางโปเริ่มมีรอยยิ้มปรากฎขึ้นมาด้วยความดีใจ

เยว่เหยี่ยนที่ยืนอยู่ตรงข้ามหยางโปเองก็เห็นแสงสีเหลืองเช่นเดียวกัน จนทำให้เขาต้องรีบก้มลงไปดูก่อนที่จะพบว่ามันมีหินสีเหลืองทองที่ดูเหมือนกับน้ำผึ้งที่แข็งตัว ในเวลานี้เองที่ทุกคนต่างพากันตกตะลึงขึ้นมาอีกครั้ง

 

“นี่มันหินเถียนหวงต้งสือหนิ!” เยว่เหยี่ยนพูดขึ้น

พูดจบเขาก็รีบแย่งหินในมือของหยางโปมา “เดี๋ยวฉันจัดการเอง”

หยางโปรู้ดีว่าตัวเองไม่สามารถที่จะทำมันได้อย่างช่ำชองเพราะเขาไม่ได้ถนัดเรื่องนี้และเขาเองก็กลัวว่าจะทำให้หินในมือเสีย เขาจึงปล่อยให้เยว่เหยี่ยนเป็นคนรับช่วงต่อ

เจ้าอ้วนหลิวได้ยินคำพูดของเยว่เหยี่ยนก็ตกตะลึงขึ้นมาในทันทีก่อนที่จะรีบวิ่งเข้ามาดู

เจ้าอ้วนหลิว “หยางโปรีบบอกฉันมาเดี๋ยวนี้เลยนะว่านายรู้ว่ามันจะเป็นแบบนี้แต่แรกแล้วใช่ไหม?”

หยางโปส่ายหน้า “ฉันจะไปรู้ได้ยังไงกัน?”

 

“นี่เป็นหินเถียนหวงต้งสือเป็นหินเถียนหวงระดับสูงสุดเลยนะ!” เจ้าอ้วนหลิวรีบพูดขึ้น

แม้ว่ากู้ฉางซุ่นจะไม่ได้รู้เรื่องพวกนี้แต่หลังจากที่เห็นท่าทางของเจ้าอ้วนหลิวและเยว่เหยี่ยนแล้วเขาก็พอจะรู้ได้ว่าครั้งนี้คงมีเรื่องประหลาดใจอย่างมากแน่ๆ เขาจึงรีบเดินเข้ามา “หินเถียนหวงต้งสือกับเงินหุ้มทองต่างกันยังไง?”

เจ้าอ้วนหลิวพูด “หินเงินหุ้มทองเป็นหินระดับกลางที่ดีที่สุด แต่ก็ยังมีของที่ดีกว่าหินเงินหุ้มทองก็คือหิน

เถียนหวงต้งสือเนี่ยแหละครับ”

กู้ฉางซุ่นหันไปมองหยางโปพร้อมกับยิ้ม “หยางโปพวกเรามาทำการแลกเปลี่ยนกันเถอะ”

 

หยางโปส่ายหน้า “ไม่ดีกว่าครับ ของชิ้นนี้เป็นหินที่มีเพียงไม่กี่ชิ้นจากทั่วทั้งประเทศ ผมกะว่าจะเก็บมันไว้น่ะครับ”

“ฉันให้นายสามสิบล้านเลยก็ได้แลกกับของชิ้นนี้” กู้ฉางซุ่นเสนอราคาขึ้นมา

หยางโปส่ายหน้า “ไม่ดีกว่าครับ”

“ห้าสิบล้านล่ะ?” กู้จ่างซุ่นยังคงไม่ลดละความพยายามของเขา

หยางโปได้ยินแบบนั้นก็แอบลังเลอยู่ครู่หนึ่งแต่เขาก็ตัดสินใจที่จะส่ายหน้าปฏิเสธอีกครั้ง อันที่จริงในมือของเขาก็ยังพอจะมีเงินอยู่และตอนนี้เขาก็ไม่ได้ร้อนเงินอะไร อีกอย่างหินนี้ก็มีอยู่เพียงไม่กี่ชิ้นเท่านั้น แถมโอกาสที่จะได้มันอีกในอนาคตก็แทบจะเป็นศูนย์ ถ้าหากเอาหินชิ้นนี้ไปขายที่ตลาดก็คงจะไม่ได้ราคาสูงขนาดนี้ แต่หลังจากนี้อาจจะยังมีโอกาสที่จะเพิ่มราคาให้สูงได้ เขาจึงไม่คิดที่จะรีบร้อนอะไร

 

เยว่เหยี่ยนยังคงเจียรหินอย่างระมัดระวังและดูเหมือนว่าจะระวังมากกว่าก่อนหน้านี้เสียอีกเพราะหากเขาประมาทมันอาจจะทำให้ของที่อยู่ด้านในเสียรูปได้ในทันที

เขาใช้เวลาไปเกือบครึ่งชั่วโมงเพื่อที่จะเจียรมันให้สมบูรณ์ ในขณะที่หินเถียงจีโหยวหวงก่อนหน้านี้เขาใช้เวลาเพียงแค่สิบกว่านาทีเท่านั้น

หินเถียนหวงต้งสือถูกวางอยู่ตรงหน้าทุกคนพร้อมกับส่องแสงราวกับสีของน้ำผึ้ง ยิ่งอยู่ภายใต้แสงไฟยิ่งทำให้มันส่องแสงแวววาวออกมามากกว่าปกติ

ทั้งสี่คนนั่งมองหินตรงหน้าครู่หนึ่งโดยไม่พูดอะไร

 

ในที่สุดเจ้าอ้วนหลิวก็พูดขึ้นมาว่า “ไม่ได้การล่ะ ฉันต้องไปติดต่อเหล่าเถียนตอนนี้เลย ฉันจะซื้อเศษหินที่เหลืออยู่ให้หมด ถ้าหากได้หินจีโหยวหวงสักชิ้นก็น่าจะคืนทุนอยู่นะ”

เยว่เหยี่ยนส่ายหน้า “ที่นายพูดหมายถึงเหล่าเถียนของชางหลางเก๋อนั่นน่ะเหรอ?”

เจ้าอ้วนหลิวพยักหน้า ทว่าเยว่เหยี่ยนก็เอ่ยขึ้นมาต่อว่า “ฉันเองก็เคยไปห้องสะสมวัตถุโบราณของเขามาก่อนเหมือนกันแถมยังเห็นเศษหินกองนั้นที่อยู่ตรงมุมห้องด้วย แต่คิดไม่ถึงเลยว่าในกองเศษหินพวกนั้นจะมีของดีๆซ่อนอยู่ในนั้นด้วย น่าทึ่งชะมัด นี่ถ้าฉันซื้อมันมาคงจะไม่ได้โชคดีเหมือนหยางโปหรอก”

 

กู่ฉางซุ่นหยิบหินเงินเคลือบทองออกมาก่อนที่จะวางลงข้างๆหินเถียนหวงต้งสือพร้อมกับพูด “น่าโมโหชะมัดของที่ฉันอุตส่าห์ซื้อมายังเทียบกับเศษหินแค่ชิ้นเดียวไม่ได้ด้วยซ้ำ นี่ฉันรู้สึกเหมือนหัวใจของฉันถูกฟาดแล้วก็กระแทกอย่างแรงเลยนะเนี่ย นี่หยางโป นายขายหินนี่ให้ฉันได้ไหม? “