ตอนที่ 223 สนทนา

หลานเยว่นอนเอนตัวอยู่ในอ้อมกอดของหยางหลางพร้อมกับพูดคุยกันเรื่อยเปื่อย

หยางหลางใช้เวลาหนึ่งคืนนอนอยู่ในโรงพยาบาลถึงแม้ว่าเขาจะหลับไปตลอดทั้งคืนแต่เขาก็ยังรู้สึกเหนื่อยมากอยู่ดี

“น้องชายของนายดูเหมือนว่าจะหายไปสองวันแล้วนะ?” หลานเยว่ถาม

หลางหยางขมวดคิ้วเข้าหากัน ตอนนี้เขาเกลียดน้องชายของเขาเข้าไส้เพราะอีกฝ่ายไม่เชื่อฟังคำพูดของเขาเหมือนเมื่อก่อนอีกต่อไปแล้ว แถมเขายังรู้สึกว่าหยางโปเองก็มักจะหักหน้าแถมยังทำตัวเหนือกว่าเขาจนทำให้เขาต้องอับอาย นี่สินะข้อดีของคนมีเงิน

“แล้วเธอจะพูดถึงหมอนั่นทำไม?”

 

หลายเยว่ดูเหมือนว่าจะเข้าใจความรู้สึกของอีกฝ่ายในเวลานี้เธอจึงยิ้มออกมา “ครั้งก่อนที่พวกนายคุยกันได้เรื่องว่ายังไงบ้าง? หรือว่าจนถึงตอนนี้เขาก็ยังไม่ยอมออกเงินให้?”

หยางหลางส่ายหน้า “เขาไม่ยอมออกเงินให้แต่ฉันก็ต้องหาวิธีให้ได้ พวกเราขายบ้านไปแล้วหลังจากนี้จะไปอยู่ที่ไหนล่ะ? ฉันว่าให้เขาออกเงินให้แล้วค่อยซื้อใหม่ดีกว่าไหม?”

หลานเยว่ยิ้ม “ใช่ ควรจะให้เขาเป็นคนซื้อ”

ระหว่างที่พูดอยู่นั้น หลานเยว่ก็ใช้มือข้างนึงของเธอลูบเข้าไปในเสื้อของเขาพร้อมกับลูบไล้ไปเรื่อยๆ

หลางหยางกระตุก “อย่าลูบมั่วๆสิ”

หลานเยว่ยิ้ม “ครั้งก่อนที่ขายบ้านไปยังเหลือเงินอีกห้าแสน ฉันว่านายเอามาให้ฉันดีกว่าน่า”

 

หยางหลางชะงักไปทว่าเขาก็ยิ้มออกมาแต่กลับเป็นรอยยิ้มเจื่อนๆราวกับว่าไม่รู้จะตอบไปว่าอะไร

หลานเยว่ยิ้มก่อนที่จะใช้มือของเธอลูบไปที่เอวของหยางหลางพร้อมกับยิ้ม “นายคิดว่าฉันอยากจะขโมยเงินแค่เล็กน้อยพวกนั้นจากนายเหรอ? ฉันก็แค่อยากจะเก็บเงินให้ไม่อยากให้นายไปเจ้าชู้ใช้เงินกับคนอื่นต่างหากล่ะ”

หยางหลางยิ้ม “เธอไม่ยอมให้ฉัน ยังจะมาห้ามไม่ให้ฉันเจ้าชู้อีกเหรอ?”

หลานเยว่ใช้มือเขกหัวเขาพร้อมกับพูด “มันยังไม่ถึงเวลา ถ้าถึงเวลาเมื่อไหร่ฉันจะทำให้นายลืมไม่ลงเลยล่ะ”

หยางหลางยิ้มขึ้นมาด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ในทันที

หลังจากนอนพักไปจนถึงช่วงเที่ยง หยางหลางก็ตื่นขึ้นมาอีกครั้งก่อนที่จะออกไปกินข้าวพร้อมกับนำอาหารไปที่โรงพยาบาลอีกครั้ง

 

หลังจากพ่อของหยางหลางกินข้าวเสร็จแล้วเขาก็นอนอยู่บนเตียงโดยไม่ยอมขยับตัวไปไหน

หยางหลางลากเก้าอี้สำหรับเอนนอนมาข้างๆก่อนที่จะเอนตัวนอน ซึ่งมันเป็นเก้าอี้ที่เขาเพิ่งจะซื้อมาเมื่อวานนี้และเขารู้ดีว่ามันอาจจะต้องใช้เวลาอีกนาน ถ้าหากหยางโปไม่ยอมออกเงินให้เขาเขาก็คงจะต้องอดทนและพยายามต่อไป

หลังจากเงียบไปครู่หนึ่งพ่อของหยางหลางก็พูดขึ้นมาว่า “เสี่ยวหลาง ช่วงสองวันนี้มานี้ไม่เห็นหยางโปเลยเหรอว่าเขาไปไหน?”

หยางหลางส่ายหน้า “ไม่รู้สิ ผมก็ไม่ได้เห็นเขามาสองวันแล้วเหมือนกัน เขาเองก็ไม่ได้ติดต่อพ่อมาเหมือนกันเหรอ?”

 

“ไม่ได้มา เอ๊ะว่าแต่เขาทำงานอยู่ที่ร้านขายวัตถุโบราณนิบางทีเขาอาจจะไปทำงานก็ได้ ไม่ได้ไปทำงานตั้งหลายวันแล้วเถ้าแกคงจะหักเงินไปเยอะเลย! เฮ้อ ผู้ชายก็งี้แหละต้องทำงานหาเงินเลี้ยงครอบครัว ลูกชายเลี้ยงดูพ่อแม่เป็นเรื่องที่ถูกต้องที่สุดแล้วล่ะ” พ่อหยางพูด

หยางหลางพยักหน้า “ครับ”

แม่ของเขาที่นั่งอยู่ข้างๆที่นั่งฟังบทสนทนาของพวกเขาก็ขมวดคิ้วเข้าหากันพร้อมกับหันไปพูดกับหยางหลาง “ลูกชายควรจะเลี้ยงพ่อแม่ หรือว่าลูกจะไม่เลี้ยงพวกเรา?”

“แม่! มันไม่เหมือนกันซะหน่อย! ผมไม่ได้มีเงินนิ ถ้าผมมีเงินเยอะๆแบบเสี่ยวหยางแบบนั้นผมก็ต้องส่งเงินเดือนของผมมาให้ที่บ้านใช้อยู่แล้ว”

 

“ใช่! นี่แหละลูกชายสุดที่รักของฉัน” พ่อของหยางพูด

หยางหลางยิ้ม

ในเวลานั้นเองจู่ๆหยางหลางก็ก็เงยหน้าขึ้นมา “พ่อ ผมว่าหยางโปดูเหมือนว่ากำลังโกหกพวกเราอยู่นะ”

“ทำไม? แกไปรู้อะไรมา?”

“คราวก่อนตอนที่ผมกับหลานเยว่ไปกินข้าวเช้าด้วยกัน เห็นหยางโปกำลังคุยเรื่องเงินๆทองๆกับคนอื่นอยู่ ดูเหมือนว่าจะเอาเครื่องพอร์ชเลนมาขายแถมราคาก็อยู่ที่ 2-3 ล้านเลยนะ อีกอย่างเถ้าแก่อีกคนก็พูดด้วยว่าของชิ้นนั้นเป็นของหยางโป”

 

“ว่าไงนะ? มันมีของมีราคาขนาดนั้นเลยเหรอ?” พ่อหยางลุกขึ้นมานั่งด้วยความตกใจ แต่จู่ๆเขาก็กลับมาสงบลงอีกครั้ง “แต่ไม่แน่มันอาจจะเป็นของจากที่ร้านก็ได้”

“พ่อ ผมมั่นใจว่าของมันแน่ๆ”

“ตอนนี้ไม่ต้องสนใจหรอกว่ามันจะมีเงินไหม แต่ตอนนี้ฉันต้องคิดก่อนว่าครั้งหน้าพวกเราจะขอเงินจากมันเท่าไหร่ดี”

หยางหลางพูด “ต้องขอให้เยอะๆเลยนะพ่อ อย่างน้อยๆก็ต้องพอที่จะซื้อบ้านได้สองหลัง ถ้าให้ดีต้องแถมเงินให้อีกสักสองล้าน ถึงเวลานั้นพวกเราต้องมาแบ่งกันนะ”

 

“ถุ้ย! ไสหัวไปเลย!” พ่อของเขาพูดคนจนทำให้หยางหลางสะดุ้งตกใจขึ้นมาจนต้องรีบลุกขึ้น

“แกมันโลภเกินไป! จะไปขอเยอะแบบนั้นได้ยังไงกัน ถ้าขอขนาดนั้นแล้วเกิดหยางโปหนีไปพวกเราจะไปหาตัวมันจากที่ไหน?”

“ถ้าไม่อยู่จินหลิงมันจะมีปัญญาไปอยู่ที่ไหนอีกล่ะพ่อ?” หยางหลางพูด

“ไอ้เด็กบ้า! แกคิดว่าคนอื่นเขาจะเป็นแบบแกเหรอ? คนแบบมันไม่ว่าจะไปที่ไหนก็มีแต่คนอยากได้ทั้งนั้นแหละ!” พ่อหยางพูด

หลังจากผ่านไปครู่หนึ่งในที่สุดพ่อของเขาก็พูดขึ้นมาว่า “ฉันตัดสินใจแล้วว่าฉันจะขอให้มันยกบ้านในเมืองนั่นให้พวกเราแล้วให้มันเช่าร้านวัตถุโบราณให้สักร้านให้พวกเราทำธุรกิจกัน”

 

พูดจบพ่อหยางก็หัวเราะออกมาด้วยความดีใจ

หยางหลาง “พ่อ บ้านในเมืองนั่นผมพอเข้าใจนะ แต่ที่พ่อบอกว่าจะให้เช่าร้าน พวกเราไม่ได้มีความรู้พวกนั้นซะหน่อย”

“นี่แกแกล้งโง่หรือว่าแกโง่กันแน่ห๊ะ! พวกเราก็ไปเอาของพวกนั้นมาจากร้านของหยางโปสิ! ได้เงินมาง่ายๆแถมยังไม่ต้องออกเงินสักหยวนเดียว”

หยางหลางได้ยินแบบนั้นก็รีบพยักหน้าเห็นด้วยทันที

ระหว่างที่ทั้งสองคนกำลังพูดกันอยู่นั้นเสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น แม่ของหยางหลางจึงรีบเดินไปเปิดทันที

 

“อ้าวเสี่ยวซวน ไม่เจอกันนานเลยนะ” แม่ของหยางพูดด้วยท่าทางดีใจ

หยางหลางหันไปมองก่อนที่จะพบพยาบาลสาวเดินเข้ามา เขาจ้องมองอยู่ครู่หนึ่งหลังจากที่เห็นแม่ของเขากำลังแสดงท่าทางกระตือรือร้นแถมยังต้อนรับอย่างดีเขาจึงหันไปมองพ่อของเขาราวกับกำลังสงสัย

เสี่ยวซวนยิ้ม “ต้องขอโทษจริงๆนะคะคุณป้า ก่อนหน้านี้หนูหยุดงานน่ะค่ะ แต่พอกลับมาทำงานก็เพิ่งรู้ว่าคุณลุงมาพักอยู่ที่นี่ ก็รีบมาดูเลยต้องขอโทษด้วยนะคะที่มาช้า”

แม่ของหยางหลางรีบพูด “อย่าพูดแบบนั้นสิลูก คุณลุงก็ไม่ได้เป็นอะไรมากหรอก”

 

เสี่ยวซวนหันมามองพ่อของหยางหลางแต่หลังจากที่เห็นว่าอีกฝ่ายกำลังนอนหันไปอีกฝั่งเธอก็เข้าใจว่าพ่อของเขากำลังหลับอยู่จึงกระซิบขึ้นมาว่า “คุณลุงหลับอยู่ใช่ไหมคะ? งั้นให้คุณลุงพักก่อนก็แล้วกันไว้หนูค่อยมาใหม่นะคะ”

 

“ฉันยังไม่หลับ” พ่อของหยางหลางหันมาก่อนที่จะถาม “เด็กนอกคอกนั่นให้เธอมาใช่ไหม?”

เสี่ยวซวนหันมาถามด้วยความสงสัย “เด็กนอกคอก?”

แม่หยางรีบพูด “คุณลุงหมายถึงหยางโปน่ะจ้ะ”

เสี่ยวซวนเองก็เคยได้ยินเรื่องที่บ้านของหยางโปมาก่อนแต่หลังจากที่ได้ยินพ่อหยางพูดแบบนั้นเธอเองก็อดโกรธแทนไม่ได้ “คุณลุงคะ หยางโปกตัญญูกับคุณลุงขนาดนี้ หนูว่าที่คุณลุงพูดก็ไม่ถูกนะคะ”

“กตัญญู? ชิ! น่าตลกสิ้นดี!”

“คุณลุงคะ ก่อนหน้านี้หยางโปเองก็ออกเงินไปตั้งเยอะเพื่อที่จะรักษาคุณลุง แบบนั้นยังไม่เรียกว่ากตัญญูอีกเหรอคะ?”

 

“ไม่ต้องมาแก้ตัวแทน! เธอเองก็ไม่ได้รู้จักเขาดีสักเท่าไหร่หรอก ดูตอนนี้สิไอ้เด็กนั่นหายหัวไปไหนแล้ว? พ่อตัวเองป่วยอยู่แท้ๆแต่กลับหายหัวไปไม่โผล่หน้ามาเยี่ยมเลยสักนิด!”

เสี่ยวซวน “แต่เขาต้องหาเงินมารักษาคุณลุงนี่คะ แถมเขาเองก็จ่ายเงินค่ารักษาล่วงหน้าให้ตั้งสิบวันแล้วด้วย”

“ว่าไงนะ?” พ่อหยางตกตะลึงพร้อมกับดีดตัวขึ้นมาอีกครั้ง