ตอนที่ 385 วันมงคล

พลิกชะตาชายาสยบแค้น

ตอนที่ 385 วันมงคล

“คุณหนู พรุ่งนี้ท่านก็ออกเรือนแล้ว นายท่านสั่งคนนับสินเดิมให้เรียบร้อยและชุดเจ้าสาวก็แขวนอยู่ข้างนอกเรียบร้อยเช่นกันเจ้าค่ะ”

หมิงซินตรวจสอบทีละอย่างด้วยความระมัดระวัง

“หมิงซิน ปี้จู พวกเจ้ามานี่สิ”

อันหลิงเกอรู้ดีว่าพอนางแต่งเข้าจวนอ๋อง ทั้งสองคนต้องติดตามนางไปด้วย

แม้จวนอ๋องมิได้มีอันตรายรอบด้าน แต่ภายภาคหน้าก็ยากหลบพ้น ดังนั้นนางจำเป็นต้องบอกพวกนางให้รู้เรื่องเสียก่อน

“คุณหนูมีอันใดหรือเจ้าคะ ? ”

สองคนนี้ติดตามนางตั้งแต่เด็ก นอกจากเป็นเด็กดีแล้วยังเชื่อฟังและรู้เรื่องทุกอย่าง

“หลังเข้าไปจวนอ๋องมู่แล้วต้องจำไว้ว่าชีวิตสำคัญที่สุด มิว่าเกิดอันใดขึ้นพวกเจ้าต้องรักษาชีวิตตนไว้ก่อน เข้าใจหรือไม่ ? ”

อันหลิงเกอกล่าวออกมาอย่างจริงจัง ทั้งสองคนจึงพยักหน้ารับรู้พร้อมตอบรับอย่างจริงใจ

“คุณหนู พวกเราจักปกป้องคุณหนูด้วยชีวิตเจ้าค่ะ ! ”

ดูท่าแล้วเด็กสองคนนี้เข้าใจคลาดเคลื่อนไปหน่อย อันหลิงเกอจึงส่ายหน้าอย่างจนใจ

“ไร้ผู้ใดที่มีค่าพอให้พวกเจ้าเอาชีวิตเข้าปกป้องหรอก พวกเจ้าซื่อสัตย์ต่อข้า เรื่องนี้ข้ารู้ดี แต่ห้ามเอาชีวิตเข้าแลกเด็ดขาด เข้าใจหรือไม่ ? ”

เมื่อได้ยินคำอธิบายของอันหลิงเกอ พวกนางจึงพยักหน้าอย่างเข้าใจบ้างมิเข้าใจบ้าง

“เอาล่ะ พวกเจ้าไปทำงานต่อเถิด”

อันหลิงเกอมิได้ปล่อยเวลาไปโดยเปล่าประโยชน์ นางมิเพียงจัดการเรื่ององครักษ์เงาให้เรียบร้อย ยังจัดการเรื่องต่าง ๆ ในจวนอย่างละเอียดรอบคอบอีกด้วย

“พรุ่งนี้ก็ถึงวันงานแล้ว ตอนนี้นางกำลังทำสิ่งใดอยู่ ? ” มู่จวินฮานเอ่ยถาม

องครักษ์ที่อยู่ด้านข้างมองอย่างจนใจ ท่านอ๋องของตนเป็นเช่นนี้ไปตั้งแต่เมื่อไรกัน คงเป็นเหมือนที่เขาว่ามิพบกันวันเดียวราวกับสามปีกระมัง ?

“ตอนนี้คุณหนูใหญ่กำลังจัดการเรื่องต่าง ๆ ภายในจวนโหวอยู่ขอรับ” ชิงเฟิงรายงานตามที่องครักษ์เงาแจ้งมาอีกที

มู่จวินฮานได้ฟังก็ยิ้มออก สมกับเป็นผู้หญิงของเขาจริง ๆ ช่างละเอียดรอบคอบยิ่งนัก

“เอาล่ะ ออกไปได้”

ชิงเฟิงเห็นท่าทางของท่านอ๋องแล้วก็อดสงสัยมิได้ว่าคืนนี้ท่านจักนอนหลับหรือไม่

งานสมรสในวันรุ่งขึ้น คงเพราะเมื่อคืนนี้อันหลิงเกอหลับสบายมิน้อย แต่มู่จวินฮานเป็นดั่งที่ชิงเฟิงคิดเอาไว้ เขาจึงเปลี่ยนชุดเจ้าบ่าวด้วยท่าทางอ่อนล้า

เมื่อคืนเขาอดคิดถึงทุกเรื่องที่เกี่ยวกับนางมิได้ พริบตาเดียวฟ้าก็สว่างเสียแล้ว

“เรียนท่านโหว จวนอ๋องมู่มารับตัวเจ้าสาวแล้วขอรับ”

ภายในใจของอันหลิงเกอรู้สึกตื่นเต้นยิ่งนักเพราะในที่สุดวันนี้ก็มาถึง

“เกอเอ๋อ…” ฮูหยินผู้เฒ่าก็เดินมาส่งเช่นกัน

“ท่านย่า ถึงอย่างไรวันหน้าเกอเอ๋อก็ยังสามารถมาเยี่ยมพวกท่านได้เจ้าค่ะ” อันหลิงเกอพูดปลอบใจ

ส่วนอันอิงเฉิงได้แต่มองเงาด้านหลังของบุตรีตลอดเวลาโดยมิกล่าวสิ่งใดออกมา

เขารู้ดีว่าช่วงที่ผ่านมาเรื่องต่าง ๆ ในจวนล้วนแต่ผลงานของบุตรีคนนี้ และในอนาคตความรุ่งโรจน์ของจวนส่วนใหญ่ก็จักขึ้นอยู่กับอันหลิงเกอเช่นกัน

แขกทั้งหลายรวมตัวอยู่ที่จวนอ๋องมู่แล้ว อีกทั้งแขกที่มาร่วมงานครั้งนี้ยังมีคนของจวนอ๋องอี้เยี่ยงอี้หมิงกับอันหลิงอีด้วย

สำหรับอันหลิงเกอแล้ว การได้เผชิญหน้ากับอันหลิงอีในยามที่นางสวมชุดแต่งงานอีกครั้งถือเป็นเรื่องน่าขันที่สุด

“ยินดีกับพี่หญิงใหญ่ด้วย ท่านกับท่านอ๋องช่างเป็นคู่ที่เหมาะสมกันราวกิ่งทองใบหยกจริง ๆ ”

หลังเสร็จสิ้นพิธีการ อันหลิงอีจึงเดินมาข้างกายของอันหลิงเกอแล้วเอ่ยอย่างยิ้มแย้ม

อันหลิงเกอก็มองออกว่าหลายวันมานี้อันหลิงอีลำบากมิน้อยเพราะร่างกายที่ดูซูบผอมและสีหน้ายังมิดีอีกด้วย

รอยยิ้มที่ส่งให้นางก็ดูเสแสร้งอย่างเห็นได้ชัด

“น้องหญิงกล่าวเกินไปแล้ว เจ้าและซื่อจื่อต่างหากที่เป็นคู่สวรรค์สร้าง”

คำพูดของอันหลิงเกอยิ่งทำให้สีหน้าของอันหลิงอีแย่กว่าเดิม สตรีที่งดงามเช่นตนสวรรค์จักสร้างให้มาคู่กับคนโง่งมได้อย่างไร ?

“ซื่อจื่อดีต่อข้ามาก พี่หญิงใหญ่มิต้องกังวล แต่จวนอ๋องมู่เต็มไปด้วยอันตราย พี่หญิงใหญ่ควรระวังตัวไว้ให้ดี” คำพูดของอันหลิงอีเต็มไปด้วยการข่มขู่ ส่วนอันหลิงเกอฟังออกก็มิได้แสดงท่าทีใดออกมา

“มิทราบว่าช่วงนี้น้องหญิงจักกลับไปเยี่ยมอี๋เหนียงที่จวนหรือไม่ ? ร่างกายของนางอ่อนแอลงทุกวัน”

คำถามของอันหลิงเกอทำให้อันหลิงอีรู้สึกสะท้านไปทั้งกาย ตอนนี้นางยังเอาตัวมิรอดแล้วจักไปช่วยท่านแม่ออกมาได้อย่างไร

“เจ้า ! ”

สุดท้ายก็ทำให้อันหลิงอีระเบิดอารมณ์ออกมาจริง ๆ

“เกอเอ๋อ” มู่จวินฮานที่สนทนากับแขกเรียบร้อยแล้วก็เดินมาหา “เหตุใดยังมิเข้าห้องหออีกเล่า ? ”

ใช่แล้ว วันนี้เป็นวันมงคลของนางจึงมิควรมาเสียเวลาอยู่ตรงนี้กับคนเยี่ยงอันหลิงอี

“เชิญน้องหญิงตามสบาย”

กล่าวจบอันหลิงเกอก็ถูกสาวใช้ประคองจากไป

อันหลิงอีที่ยืนมองทางด้านหลัง ใบหน้าเต็มไปด้วยความโกรธแค้นและริษยา เหตุใดอันหลิงเกอจึงมีคู่ครองดี ๆ เช่นนี้ ส่วนนางกลับได้คู่ครองเป็นเจ้าโง่คนหนึ่ง !

นางกำหมัดแน่นแต่มิได้ทำให้รู้สึกดีขึ้นบ้างเลย

ราตรีเดียวกันนั้น อันหลิงเกอรอจนแทบหลับอยู่แล้ว ในที่สุดมู่จวินฮานก็ผลักประตูเข้ามา

เมื่อครู่นางเห็นเขาดื่มสุราไปมิน้อย แต่ยามที่เขาเดินเข้ามาแล้วมองผ่านผ้าคลุมศีรษะของเจ้าสาวก็ได้เห็นว่าดวงตาของเขายังแจ่มใสอยู่

นางรู้ว่ามู่จวินฮานฝึกวรยุทธเป็นประจำจึงมีหลายวิชาที่สามารถทำให้หลีกเลี่ยงความมึนเมาได้

“ปล่อยให้ฮูหยินรอนานหรือไม่ ? ” คำถามของเขาทำให้อันหลิงเกอหน้าแดงเรื่อทันที ดีที่ตอนนี้มีผ้าคลุมศีรษะปิดบังอยู่ มิเช่นนั้นคงได้ขายหน้าเป็นแน่

“เปล่า เปล่าเจ้าค่ะ” อันหลิงเกออดตื่นเต้นมิได้

“เมื่อเป็นเช่นนี้…” มู่จวินฮานก้าวเข้ามาพร้อมกลิ่นสุราเบาบางบนกายของเขา

“พวกเราก็พักผ่อนกันเถิด” กล่าวจบเขาก็ยกมือเปิดผ้าคลุมศีรษะของนางออก แม้รู้ว่านางงดงามอยู่แล้ว แต่ยามอยู่ใต้แสงเทียนเช่นนี้เขาก็ยังอดตกตะลึงมิได้

“ท่านอ๋องมองอันใดเจ้าคะ ? ” ปกติแล้วอันหลิงเกอมิใช่สตรีขี้อาย ทว่าวันนี้โดนเขาจ้องจนรู้สึกทำตัวมิถูกเลย

“มอง…เจ้า” เขาสูดลมหายใจเข้าลึก เมื่อครู่เขามิได้รู้สึกมึนเมาสักนิด แต่ผู้ใดจักคิดว่ายามที่เห็นใบหน้าของอันหลิงเกอก็ทำให้เขารู้สึกเมามายขึ้นมาได้

“ท่านอ๋อง” อันหลิงเกอยังมิทันขยับก็ถูกมู่จวินฮานยึดไหล่เอาไว้จนนางเผลออุทานออกมา

“พระชายาคิดว่าเราควรทำอันใดบางอย่างหรือไม่ ? ”

กล่าวจบเขาก็ดึงผ้าคลุมศีรษะลงมา ทำให้ตอนนี้ใบหน้าของทั้งสองอยู่ใต้ผ้าคลุมศีรษะผืนเดียวกัน

สีแดงของงานมงคลมิสามารถปิดบังความรักที่เกิดขึ้นในห้องได้ ในที่สุดอันหลิงเกอก็ได้ก้าวผ่านค่ำคืนที่นางมิเคยพานพบมาก่อนในชีวิต

เช้าวันแรกของชีวิตสมรส เดิมทีทั้งคู่ควรเข้าวังเพื่อเข้าเฝ้าฝ่าบาท แต่ผู้ใดจักคิดว่าภายในวังแจ้งมาว่ายกเว้นให้ทั้งสองคนมิต้องเข้าเฝ้า

“ฝ่าบาทของเราทรงพระปรีชาเสียจริง ทรงทราบว่าข้าอยากมีความสุขต่อเป็นแน่”

กล่าวจบเขาก็ดึงอันหลิงเกอเข้าไปหลังม่านคลุมเตียง

กระทั่งสายจนตะวันขึ้นสูงแล้วเขาถึงปล่อยนางเป็นอิสระ ตอนนี้มู่จวินฮานออกไปข้างนอกและก็มีพ่อบ้านนำสมุดบัญชีต่าง ๆ ภายในจวนอ๋องมามอบให้นาง

“คุณหนู เอ่อ มิใช่ พระชายา พวกนี้เป็นของที่ท่านอ๋องมอบให้ท่านเจ้าค่ะ ! ” หมิงซินดูมีความสุขมากเพราะการกระทำเหล่านี้แสดงให้เห็นว่าท่านอ๋องให้ความสำคัญต่อพระชายามากเพียงใด

“เอาเถิด วันนี้ข้าเพลียมากจริง ๆ พรุ่งนี้ค่อยจัดการแล้วกัน” อันหลิงเกอรู้สึกว่านอนเท่าไรก็มิพอสักทีเพราะเมื่อคืนมู่จวินฮานช่าง…มีพลังเหลือล้นจริง ๆ

“เจ้าค่ะ ! ” หมิงซินและปี้จูสบตากันก็เข้าใจทันทีจนต้องวิ่งออกมาพร้อมใบหน้าแดงเรื่อ