บทที่ 44 รับบทพระเอกขี่ม้าขาวเหรอ

รักหวานอมเปรี้ยว

เปปเปอร์หลบเลี่ยงโดยอัตโนมัติ

ในตอนนี้เอง ประตูห้องผู้ป่วยก็ถูกเปิดออก เป็นพิศมัยที่ถือกล่องเก็บความร้อนเดินเข้ามา ในตอนที่เห็นภาพเบื้องหน้า เธอก็นิ่งอึ้งก่อนเป็นอันดับแรก จากนั้นก็ยิ้มตาหยีออกมา “ไอหยา ดูเหมือนฉันจะมาผิดเวลา ขัดจังหวะพวกแกเข้าแล้ว งั้นให้ฉันออกไปรอข้างนอกก่อนไหม?”

เธอทำทีเป็นก้าวถอยหลังเตรียมออกไป

ส้มเปรี้ยวถูกพิศมัยเอ่ยแซวจนใบหน้าแดงซ่าน รีบปล่อยชายหนุ่มออกอย่างลนลาน “เปล่าซะหน่อย คุณป้ารีบเข้ามาเถอะค่ะ”

“ไม่ได้ขัดจังหวะพวกแกก็ดีแล้ว” พิศมัยถือกล่องเก็บความร้อนเข้ามา “เมื่อเช้าฉันโทรไปหาแม่แก ถึงได้รู้ว่าเมื่อคืนแกตกบันได ฉันเลยทำซุปขาหมูมาเยี่ยมแก”

เธอเหลือบมองเปปเปอร์ แล้วเอ่ยพูดอย่างเข้าใจว่า “ถึงว่าทำไมเมื่อคืนเปปเปอร์ไม่กลับบ้านแถมยังไม่บอกอะไรสักคำ ที่แท้ก็มาเฝ้าแกอยู่ที่โรงพยาบาลนี่เอง”

ส้มเปรี้ยวนึกถึงข้อความที่ขนมผิงส่งมาเมื่อคืน ก็รู้สึกไม่สบายใจ ทว่ากลับสามารถปกปิดสีหน้าได้อย่างดี

เอ่ยพูดเสียงอ่อนหวานว่า “คุณป้าอย่าว่าเปปเปอร์เลยค่ะ ฉันกลัวก็เลยให้เปปเปอร์อยู่เฝ้าที่โรงพยาบาล”

“ไม่เป็นไร เขาสมควรดูแลแกอยู่แล้ว!” พิศมัยเอ่ยถามอย่างเป็นห่วงว่า “ได้แผลตรงไหนบ้าง ยังเจ็บอยู่ไหม?”

“ที่ขายังเจ็บอยู่นิดหน่อยค่ะ แต่คุณหมอบอกว่าไม่ได้เป็นอะไรมาก”

“แกนี่นะ ต่อไปนี้ก็ระวังหน่อยล่ะ มากินซุปขาหมูดีกว่า ซุปขาหมูน่ะมีสารอาหาร แถมยังช่วยบำรุงผิวพรรณให้สวยด้วย”

พิศมัยยกซุปขาหมูมาให้เธอ

ส้มเปรี้ยวรับมาด้วยรอยยิ้ม “ขอบคุณค่ะคุณป้า”

“ถ้าอยากขอบคุณฉันจริงๆล่ะก็ แกก็ต้องพยายามมีหลานให้ฉันอุ้มเร็วๆ” พิศมัยขยิบตาให้ส้มเปรี้ยว

“คุณป้า……” ส้มเปรี้ยวก้มหน้าลง หน้าแดงจนดูไม่ได้

ส้มเปรี้ยวไม่เพียงแค่หน้าตาดี แต่คำพูดคำจายังไพเราะเพราะพริ้ง อีกทั้งตระกูลภักดีพิศุทธิ์ยังมีพื้นเพที่มั่นคง ถ้าหากทั้งสองตระกูลเกี่ยวดองกันผลประโยชน์ก็จะยิ่งมีมาก

ลูกสะใภ้ที่ทั้งอ่อนหวานและร่ำรวยแบบนี้ พิศมัยอยากจะให้เธอแต่งเข้ามาในตระกูลไวๆ

“ป้าเห็นแกก็รู้สึกชอบแล้ว ก็แกน่าเอ็นดูซะขนาดนี้!” ขณะที่พูดพิศมัยก็เอ่ยถึงมายมิ้นท์ ทว่าใบหน้ากลับเต็มไปด้วยความรังเกียจ “ไม่เหมือนมายมิ้นท์อะไรนั่น อยู่ตระกูลนวบดินทร์มาหกปี มีแต่ทำให้คนอื่นไม่ชอบหน้า”

“เมื่อเช้าฉันยังเห็นข่าวเละเทะพวกนั้นของเธอด้วยนะ มีพ่อแบบนั้น นิสัยเธอเลยแย่ไปด้วย ถึงขนาดถ่ายวิดีโอใส่ร้ายฉัน!”

“หลายปีมานี้ถ้าไม่ได้ตระกูลนวบดินทร์เลี้ยงดูเอาไว้ ชีวิตของเธอก็คงไม่ต่างอะไรกับขอทาน!”

“ส่วนลาเต้ก็แย่พอๆกัน แต่ดีหน่อยที่เก่งเรื่องธุรกิจ แถมมาชอบมายมิ้นท์ได้ยังไงก็ไม่รู้ ถ้าฉันเป็นแม่ของลาเต้นะ ลูกสะใภ้แบบมายมิ้นท์ ให้ฟรีๆฉันก็ไม่เอาหรอก!”

“……….”

เปปเปอร์ยืนอยู่อีกด้านของเตียง เมื่อได้ยินมารดาพูดถึงมายมิ้นท์แบบนี้ หัวคิ้วก็ขมวดมุ่นขึ้นมาเล็กน้อย รู้สึกไม่ดีในใจ

ตระกูลกิตติภัคโสภณล้มละลายก็จริง แต่หลังจากที่ มายมิ้นท์แต่งงานกับเขา เธอก็ไม่เคยร้องขออะไรจากเขา หกปีที่อยู่ในตระกูลนวบดินทร์ เธอก็ทำตัวเป็นภรรยาที่ดี เขาได้ยินคนใช้พูดกันว่ามายมิ้นท์เชื่อฟังพิศมัยตลอด ไม่เคยต่อปากต่อคำกับเธอเลยสักครั้ง

พิศมัยต่างหากที่ตามไปก่อกวนถึงเทนเดอร์กรุ๊ป จนถูกพนักงานถ่ายวิดีโอเอาไว้ หลังจากเกิดเรื่องนี้ขึ้นเขาก็ตามเก็บกวาดทุกอย่าง ทว่าพิศมัยกลับจำฝังใจ

หกปีที่แต่งงานกัน มายมิ้นท์ใช้ชีวิตอยู่ในตระกูลนวบดินทร์และภายใต้กำมือของพิศมัยมาได้ยังไงกันนะ?

คิดมาถึงตรงนี้ ชายหนุ่มก็รู้สึกอึดอัดบริเวณช่วงอกจนปวดหน่วง

“แม่ครับ ผมกับมายมิ้นท์หย่ากันแล้ว แม่หยุดพูดถึงเธอได้แล้ว” เปปเปอร์เริ่มรู้สึกงุ่นง่าน จึงเอ่ยตัดบทพิศมัยที่กำลังพูดเป็นต่อยหอย

เขาหยิบเสื้อตัวคลุมบนเก้าอี้ขึ้นมาใส่ จากนั้นก็พูดอย่างเฉยชาว่า “ในเมื่อแม่ว่าง ก็อยู่เป็นเพื่อนส้มเปรี้ยวหน่อยแล้วกัน ที่บริษัทยังมีงานอีกมากมาย ผมต้องกลับไปจัดการ”

“ได้ๆ แกไปเถอะ” เมื่อเห็นเขาพูดมาอย่างนี้ พิศมัยก็ไม่กล้าจู้จี้ต่อ รีบปิดปากเงียบในทันที

ส้มเปรี้ยวเอ่ยกำชับเสียงหวานว่า “เปปเปอร์ ขับรถระวังด้วยนะ”

“ครับ”

เมื่อมองตามเปปเปอร์เดินออกไปจากห้อง รอยยิ้มในดวงตาของส้มเปรี้ยวก็ค่อยๆหายไป

……

จนกระทั่งเป็นเวลาบ่ายสาม มายมิ้นท์ถึงได้เห็นว่าอีกฝ่ายรับเงินไปแล้ว แถมยังตอบกลับมาแค่ “ได้” คำเดียว

เธอจำไม่ได้จริงๆว่าเมื่อคืนเธอไปให้ท่าผู้ชายคนนี้ได้ยังไง แต่ดูท่าทีแล้ว เขาน่าจะไม่ใช่คนขี้วอแว ซ้ำยังดูเย็นชานิดหน่อย

ดีแล้ว เธอจะได้สบายใจ

แต่ว่ายังมีจุดหนึ่งที่ทำให้มายมิ้นท์สงสัยไม่หาย เธอคิดอยู่สักพัก ก็กดหาเบอร์ของทามทอย จากนั้นก็กดโทรออก

ทามทอยรับสายอย่างรวดเร็ว เอ่ยพูดด้วยน้ำเสียงเนือยๆว่า “ประธานมายมิ้นท์ มีอะไรหรือเปล่า?”

“ฉันรู้ว่านายคือหนึ่งในเจ้าของมูนสตาร์คลับ ฉันมีเรื่องอยากรบกวนให้นายช่วย”มายมิ้นท์ยังพอจะจำบางช่วงได้ จึงเอ่ยพูดขึ้นมาว่า “เมื่อคืนฉันออกไปอวกที่ห้องน้ำ ตอนนั้นมีพนักงานคนหนึ่งเดินผ่านมาและยื่นน้ำเปล่าให้ฉัน””

“หืม?” ทามทอยลากเสียงสูง “ประธานมายมิ้นท์หมายความว่ายังไง?”

“หลังจากที่ฉันดื่มน้ำเข้าไป ฉันก็จำอะไรไม่ได้เลย” มายมิ้นท์เอ่ยพูดว่า “ฉันรู้ลิมิตตัวเองดี อีกอย่างฉันก็เพิ่งเข้าไปอวกในห้องน้ำมา เป็นไปได้ยังไงที่ฉันจะไม่มีสติเลยสักนิด ฉันจึงสงสัยว่าน้ำขวดนั้นอาจจะมีอะไรผิดปกติ”

“เอ๋?” ทามทอยเลิกคิ้วขึ้น รู้สึกเรื่องนี้ชักน่าสนใจเสียแล้วสิ

ห้าทีก่อนหน้านี้ ตอนที่เปปเปอร์ส่งข้อความมาหา เขาถึงได้รู้ว่าสองคนนี้ขึ้นไปทำอะไรกันข้างบน เขาจึงลบภาพในกล้องวงจรปิดช่วงนั้นออกจนหมด

ตอนนี้กลับกลายเป็นว่า มายมิ้นท์มาถามเรื่องนี้กับเขาซะงั้น

หรือว่าพี่เปอร์จะเลือกทำทุกวิถีทางโดยการแอบวางยาในน้ำเพื่อให้ได้เมียเก่าตัวเอง จากนั้นค่อยรับบทพระเอกขี่ม้าขาวมาช่วยอีกทีหนึ่ง?

มายมิ้นท์รู้สึกแปลกใจ “เอาดีๆ นายเอ๋อะไร?”

“ผมก็แค่คิดไม่ถึงว่า ประธานมายมิ้นท์จะสงสัยว่ามีคนติดสินบนพนักงาน” ทามทอยพูดยิ้มๆว่า “เพราะว่าที่คลับมีกล้องวงจรปิดอยู่ทั่วทุกที่ ข้อมูลของพนักงานก็ผ่านการตรวจสอบมาแล้วอย่างเข้มงวด”

“ยังไงก็ลองถามพนักงานคนนั้นให้หน่อยแล้วกัน ได้เรื่องยังไงก็บอกฉันด้วย” มายมิ้นท์กลัวว่าเขาจะเอาไปพูดลับหลัง จึงชิงพูดขึ้นมาก่อนว่า “อะไรที่ไม่ควรถามก็ไม่ต้องถามล่ะ!”

พูดจบก็กดวางสาย

หลังจากเลิกงาน มายมิ้นท์ก็ขับรถกลับคอนโดพราวฟ้า ออกมาจากลิฟต์ได้ไม่ทันไร เธอก็เห็นเด็กวัยรุ่นคนหนึ่งในชุดนักเรียนนั่งขัดสมาธิอยู่ที่หน้าประตู หัวคิ้วของเธอพลันกระตุก

ไอ้เด็กผีนี่มาทำอะไรอีก!

เมื่อปีโป้ได้ยินเสียงเดิน ก็เงยหน้าขึ้นมามอง จากนั้นก็ลุกขึ้นมาจากพื้น เอ่ยพูดอย่างไม่พอใจว่า “พี่เลิกงานกี่โมงเนี่ย ทำไมกลับมาช้าขนาดนี้ ผมนั่งรอพี่มาครึ่งชั่วโมงแล้วนะ!”