บทที่ 45 พี่สะใภ้เก่าก็ยังถือว่าเป็นพี่สะใภ

รักหวานอมเปรี้ยว

“นายไม่มีบ้านเหรอ?” มายมิ้นท์กวาดสายตามองหน้าของเขา จึงพบว่าแก้มข้างซ้ายปูดบวมอย่างเห็นได้ชัด แบบนี้คงมีเรื่องมาแหงๆ

“พอมีเรื่อง ก็เห็นฉันเป็นที่หลบภัยเลยหรือไง?”

“ก็พี่เป็นพี่สะใภ้”

“พี่สะใภ้เก่า”

“พี่สะใภ้เก่าก็ถือว่าเป็นพี่สะใภ้!” ปีโป้พูดอย่างใจดีสู้เสียว่า “พี่รีบเปิดประตูเข้าไปทำอะไรให้ผมกินทีสิ ผมหิวแล้ว!”

“เอาล่ะหุบปากได้แล้ว!”

มายมิ้นท์เปิดประตู กระชากคอเสื้อของปีโป้แล้วลากเข้ามาข้างใน

เธอหยิบกล่องปฐมพยาบาลออกมา แล้วทายาบนแก้มปูดบวมให้ปีโป้

หลังจากที่มายมิ้นท์ทำแผลให้ปีโป้เสร็จ ก็หยิบซุปก้อนออกมาจากตู้เย็น ตั้งไฟอ่อนๆเพื่อทำซุปผักให้เขากิน

ในขณะที่ปีโป้กำลังกินข้าว เธอก็เอ่ยถามขึ้นมาว่า “แผลบนหน้า มาจากการทำตัวเป็นพระเอกขี่ม้าขาวไปช่วยใครเอาไว้อีกแล้วล่ะสิ?”

“ไม่ใช่” ปีโป้ตักข้าวกินเข้าไปสองคำ ก็เอ่ยพูดออกมาด้วยเสียงอื้ออึงในลำคอว่า “แม่ตบผม”

มายมิ้นท์ชะงักนิ่งไป

หกปีที่อยู่ตระกูลนวบดินทร์ เธอรู้ว่าพิศมัยรักปีโป้มากแค่ไหน อยากได้อะไรก็หามาให้ คำก็ลูกรักสองคำก็ลูกรัก ไม่เคยพูดอะไรแรงๆกับปีโป้เลยสักครั้ง และเธอก็ไม่เคยเห็นพิศมัยลงมือตบตีปีโป้เลยสักหน

มายมิ้นท์กัดแอปเปิลเข้าไปคำหนึ่ง แล้วเอ่ยถามว่า “แม่นายรักนายมากไม่ใช่เหรอ ทำไมถึงตบนายล่ะ?”

ปีโป้เบ้ปาก “แม่ไม่ยอมให้ผมออกไปเที่ยวเล่นข้างนอกถ้าไม่จำเป็น บังคับให้ผมไปเรียนรู้งานกับพี่ จะได้เข้า บริษัทตระกูลนวบดินทร์ไวๆ แต่ผมไม่ได้สนใจเรื่องของบริษัทสักหน่อย ผมชอบเล่นบาสแล้วมันทำไมนักหนา? ผมเถียงแม่ แม่โกรธเลยตบผมฉาดใหญ่……..”

มายมิ้นท์พอจะจินตนาการภาพที่พิศมัยโกรธจนตบหน้าปีโป้ออก จึงอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา

“พี่ขำอะไร!” ปีโป้ถลึงตาใส่เธอ

“เมื่อก่อนตอนที่แม่นายสั่งสอนฉัน นายก็ยืนสะใจอยู่ข้างๆไม่ใช่เหรอ? “มายมิ้นท์เอ่ยพูด “คิดไม่ถึงเลยว่าจะมีวันที่นายโดนแม่ตบ แบบนี้ยังไม่อนุญาตให้ฉันสงสารอีกเหรอ?”

ปีโป้ “…………”

หลังจากที่ทานข้าวเสร็จ ปีโป้ก็เก็บจานไปล้างแต่โดยดี

เขาหยิบผลิตภันฑ์ดูแลผิวจากกระเป๋านักเรียนโยนไปให้มายมิ้นท์ น้ำเสียงมีกลิ่นอายเอาอกเอาใจเล็กน้อย ทว่ายังคงเต็มไปด้วยความแข็งกระด้าง “ผมเก็บเงินตั้งสามเดือนเพื่อซื้อสิ่งนี้มาเลยนะ พี่รับไปแล้ว วันเสาร์นี้ก็ไปโรงเรียนให้ผมด้วย!”

มายมิ้นท์หยิบขวดผลิตภัณท์ขึ้นมาดู ก็พบว่าเป็นแบรนด์ดังซะด้วย น้ำตบขวดหนึ่งราคาก็ราวๆห้าพัน ขวดนี้คงประมาณหมื่นต้นๆได้

มายมิ้นท์ก็นึกว่าเขาไม่มีที่ไป ตอนนี้เพิ่งได้รู้จุดประสงค์ในการมาที่นี่ของเขา “ก่อเรื่องก็ไปหาพี่นาย”

“ผมไม่ได้ก่อเรื่อง!” ปีโป้มองมาที่เธอ แล้วจึงผ่อนเสียงลง “วันเสาร์ครูฝึกบาสทีมชาติจะมาเปิดรับสมัครนักบาสไปฝึกกับพวกเขา ถ้าผ่านการทดสอบก็จะสามารถเข้าร่วมทีมได้ แต่ว่าต้องมีผู้ปกครองไปคุยด้วย…..”

มายมิ้นท์เข้าใจ จึงเอ่ยปฏิเสธออกไป “ไม่ได้ ฉันไม่มีความเกี่ยวข้องกับตระกูลนวบดินทร์แล้ว เรื่องนี้ฉันเข้าไปยุ่งไม่ได้ อีกอย่างแม่นายก็อยากให้นายเข้าไปช่วยงานที่บริษัทตระกูลนวบดินทร์ ถ้าฉันช่วยนายเข้าทีมชาติ เธอต้องฆ่าฉันตายแน่ๆ”

“ถ้าเกิดเรื่องผมจะรับผิดชอบเอง จะไม่ให้พี่เดือดร้อนเด็ดขาด!” ปีโป้ยกมือขึ้นปฏิญาณต่อหน้าเธอ “พี่สะใภ้ มีแค่พี่ที่ช่วยผมได้”

“ผมรู้ว่าเมื่อก่อนผมเอาแต่ทำเรื่องแย่ๆกับพี่ ไม่เคารพพี่ แต่ว่าตอนนั้นผมนึกว่าพี่รังแกพี่ส้มเปรี้ยว และแย่งพี่ชายผมไป บวกกับที่แม่ผมเอาแต่คอยว่าพี่เป็นอย่างนั้นว่าพี่เป็นอย่างนี้ ผมก็เลยไม่ชอบพี่ตามไปด้วย……….”

“ดูเหมือนนายจะอยากให้ส้มเปรี้ยวมาเป็นพี่สะใภ้มากล่ะสิท่า ขนาดเรื่องรอยสักฉันนายยังเอาไปบอกเธอเลย”

พูดถึงเรื่องนี้ทีไร มายมิ้นท์ก็เคืองเด็กผีนี่ทุกที “ฉันว่านายไปหาส้มเปรี้ยวจะไม่ดีกว่าเหรอ เธอต้องยินดีช่วยนายแน่ๆ”

“ห๊า?” ปีโป้ชะงักงัน “ผมไม่เคยบอกเรื่องรอยสักกับเธอสักหน่อย!”

มายมิ้นท์จดจ้องมาที่เขา “นายไม่ได้บอกเธอจริงๆเหรอ?”

“ไม่ได้บอกจริงๆ”

มายมิ้นท์จึงพูดขึ้นมาว่า “ในเมื่อนายไม่ได้บอก แล้วเธอไปรู้มาจากไหน?”

“เธออาจจะแอบได้ยินตอนผมคุยโทรศัพท์ “ ปีโป้เอ่ยพูดขึ้นมาอย่างขาดความมั่นใจ “ตอนที่ผมคุยโทรศัพท์กับเพื่อน ผมถามเขาว่าสักลายเจ็บไหม หลังจากนั้นก็พูดแขวะพี่สองสามประโยค พูดแค่ว่าการที่พี่สักชื่อพี่ชายของผมไว้บนร่างกายมันดูโรคจิต ไม่ได้พูดอย่างอื่นเลยนะ”

“เด็กผี” มายมิ้นท์อมยิ้มพร้อมกับมองมาที่เขา “นายเป็นเด็กที่คุณพิศมัยคลอดออกมาเองแน่นอนร้อยเปอร์เซ็นต์ ฉันรับประกัน”

“หมายความว่ายังไง?”

“นายนิสัยแย่เหมือนคุณพิศมัยเปี๊ยบ ปากจัดสุดๆ” แววเหน็บแนมในดวงตาของมายมิ้นท์ทอแววเข้มข้น “ข้อเสียที่พี่ชายไม่มี ตกมาอยู่ที่นายหมดนี่เอง”

“…………”

ปีโป้โกรธจนหน้าแดง กำลังจะเถียงเธอกลับไปว่าตัวเองก็มีข้อดี ขณะนั้นเองโทรศัพท์ที่วางอยู่บนโต๊ะก็ส่งเสียงดังขึ้นมา

เมื่อเห็นว่าเป็นพี่ชายโทรมา ในใจของปีโป้ก็กระตุกวูบ

มายมิ้นท์เองก็เหลือบมองเหมือนกัน จากนั้นก็เดินตัดหน้าเขาไปหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดรับ พร้อมกับเปิดลำโพง “ประธานเปปเปอร์ ที่คุณโทรมา เพราะรู้แล้วใช่ไหมว่าน้องชายของคุณหายตัวไป?”

ปลายสายเงียบไปครู่หนึ่ง จากนั้นเสียงทุ้มต่ำของชายหนุ่มก็ดังขึ้นมา “ปีโป้ ลงมาประตูทิศใต้ ภายในสามนาที”

“พี่ สามนาทีไม่ทันหรอก” ปีโป้โหยหวนออกมา แต่กลับไม่กล้าขึ้นเสียงใส่อีกฝ่าย “ห้องที่เธออยู่ใกล้ประตูทิศเหนือ……”

“สองนาที” น้ำเสียงของชายหนุ่มอึมครึมมากกว่าเดิม