บทที่ 49 ใครหย่าแล้วใช้ชีวิตต่อไปไม่ได้กัน

อยากง้อเหรอ คุณสามี(เก่า)

เทาเท่รู้สึกได้จริงๆว่าหลินจือเคยรักเขา เมื่อคืนเขาโกรธเสร็จก็สงบนิ่งลง และรู้ว่าหลินจือกำลังโกหก

อย่างที่โซเมนบอก น้ำใจที่เธอมีให้เขาในหลายปีนั้น เขารู้สึกถึงได้

โซเมนเก็บขาขึ้นมาแล้วเอื้อมไปตรงหน้าโต๊ะ หยิบช้อนขึ้นมากินโจ๊กที่ซูซีเอามา

“ไม่อร่อยเลย!”โซเมนดึงกระดาษมาคายออก จากนั้นติชมไปอย่างไม่เกรงใจ“ฝีมือของซุปตาร์ซูซีนี้ เทียบกับหลินจือแล้วแย่กว่ามาก”

โซเมนเคยกินอาหารที่หลินจือทำ หลายปีนั้นที่เทาเท่แต่งงานกับหลินจือพวกเขาเคยไปรวมตัวที่บ้านของเทาเท่เป็นครั้งคราว ซึ่งเป็นหลินจือทำเองหมด ฝีมือนั้นโซเมนรู้สึกว่าเธอเป็นบล็อกเกอร์อาหารได้เลย

ไม่น่าล่ะเทาเท่ไม่กินสักคำ ก่อนหน้านี้ต้องได้รับพิษจากซูซีมาไม่น้อยแน่

โซเมนกระดกขายาวๆขึ้นมาพิงต่อ จากนั้นถามเทาเท่:“ฉันว่า ในใจนายตอนนี้คิดอย่างไรอยู่กันแน่?”

“เพื่อไล่ซูซีไป ไม่อยากอยู่กับเธอสองต่อสอง เลยให้ฉันมาแกล้งทำเป็นคุยเรื่องงานกับแกตั้งแต่เช้าตรู่เนี่ยนะ?”

ตอนเช้า โซเมนยังนอนอยู่ก็ได้รับสายของเทาเท่ เทาเท่บอกว่าเดี๋ยวซูซีจะมาเยี่ยมเขาในสาย ให้เขารีบมาทำเป็นคุยเรื่องงานกับเขา

ระหว่างคิ้วของเทาเท่มีความไม่อดทน:“ตอนนี้ฉันเห็นใครก็หงุดหงิดทั้งนั้น”

โซเมนจึงบ่น:“ท่าทางนายแบบนี้ ต่อไปแต่งงานกับซูซีไปจะทำไง?”

เทาเท่ขมวดคิ้ว:“ใครบอกว่าฉันจะแต่งกับเธอ?”

โซเมนผายมือออกพูดว่า:“คนทั้งเมืองเจสเวิร์ดต่างรู้ว่าพวกแกจะแต่งงานกัน อย่าบอกนะว่านายไม่รู้ ซูซีประกาศไปทั่วแล้ว”

เทาเท่รู้อยู่แล้ว แต่ขาไม่เคยบอกกับปากเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของเขากับซูซี

โซเมนพูดอีกว่า:“ในเมื่อไม่อยากแต่งกับเธอ งั้นทำไมนายไม่แบไพ่กับเธออย่างชัดเจน?”

เทาเท่พูดอย่างเซ็งๆ:“นายคิดว่าความชัดเจนเป็นเรื่องง่ายขนาดนั้นเชียว?”

โซเมนหัวเราะอย่างถอนหายใจ:“ก็ใช่ ถ้าผู้อำนวยการเบลซรู้ว่าลูกสาวสุดที่รักของเขาถูกนายถีบออก ต้องโกรธแน่”

พื้นเพครอบครัวซูซีดีมาก เบลซผู้เป็นพ่อเป็นประธานของธนาคารต่างประเทศที่มีชื่อเสียง มีความสัมพันธ์ทางธุรกิจที่ใกล้ชิดกับบริษัทใหญ่หลายแห่ง

และนี่ก็เป็นเหตุผลว่าทำไมวีนาเข้าข้างซูซีและดูถูกหลินจือ มีภูมิหลังของครอบครัวซูซีสนับสนุนแบบนี้ ตระกูลฟอเรนาก็จะมีหน้าในหลายด้าน

หลินจือล่ะ?ไม่มีอะไรเลย

พ่อและพี่ชายเธอบริหารบริษัทก่อสร้างเล็กๆ ไม่กี่ปีนี้เพราะว่าพ่อเธอกับพี่ชายเธอไม่เอาการเอางานเท่าไหร่และอันตรายมาก หลังจากหลินจือแต่งเข้าตระกูลฟอเรนา ตระกูลฟอเรนาก็คอยช่วยพ่อเธอกับพี่ชายเธอทั้งวัน

ทั้งสองหาวิธีเอาเงินไม่ซ้ำกันเลย และยังเอาชื่อของตระกูลฟอเรนาทำให้ข้างนอกรู้ไปทั่ว ไม่ต้องบอกเลยว่า วีนารำคาญแค่ไหน

ดังนั้นในสามปีนั้นที่หลินจือแต่งกับเทาเท่ วีนาเคยยิ้มแย้มให้เธอที่ไหนกัน

เทาเท่หันไปมองนอกหน้าต่าง พูดด้วยสายตาลึกซึ้ง:“เดิมทีฉันคิดว่า แต่งงานกับซูซีก็ไม่เป็นไร เธอดีหมดในทุกด้าน และทางบ้านก็พอใจเธอ ……”

โซเมนพูดต่อ:“งั้นทำไมตอนนี้ไม่ได้แล้วล่ะ?”

โซเมนทนไม่ไหว จึงเยาะเย้ยเขาไปอีกที:“หลังจากหย่า พอเจอภรรยาเก่าก็ใช้ชีวิตต่อไปไม่ได้เหรอ?”

เทาเท่ตอบเขาอย่างโมโห:“ใครกันหย่ากับเธอแล้วใช้ชีวิตไม่ได้?”

โซเมนรีบขอโทษ:“โอเคๆๆ ฉันผิดเอง แกหย่ากับเธอแล้ว ยังใช้ชีวิตอย่างดีมากด้วย”

“งั้นทำไมตอนนี้ไม่อยากแต่งงานกับซูซีแล้วล่ะ?”โซเมนถามอีกครั้ง

เทาเท่พูดอย่างครุ่นคิด:“เธอเปลี่ยนไปเยอะมาก อาจพูดได้ว่า เมื่อก่อนฉันมองเธอไม่ออก”

โซเมนลูบคาง:“ก็ใช่ ในขณะที่นายใช้ชีวิตกับหลินจือสามปี ก็เท่ากับว่าแยกกับซูซีสามปี ด้านความรู้สึกแล้วจะต้องไม่คุ้นเคยกับซูซีมากอยู่แล้ว”

ในฐานะเพื่อนรัก โซเมนก็ยังแนะนำจากใจ:“สรุปคือไม่ว่านายจะตัดสินใจอย่างไร รีบตัดสินใจแก้ปัญหาอย่างรวดเร็วและเฉียบขาดจะดีที่สุด”

เทาเท่เม้มปากไม่พูดอะไร

เขาก็อยากรีบตัดสินใจแก้ปัญหา แต่ทางบ้านซูซียังมีพ่อเขาอยู่ จะต้องเกิดการต่อสู้ใหญ่แน่

ไม่ควรมีปัญหากับพ่อซูซี ส่วนแม่เขาต้องสร้างปัญหาอย่างแน่นอน

โซเมนหยิบโทรศัพท์ออกมา:“ในเมื่อนายไม่กินโจ๊กของซุปตาร์ซูซี งั้นฉันจะให้คนเอาอย่างอื่นมาให้”

โซเมนโทรหาผู้จัดการร้านอาหารที่อยู่ภายใต้บริษัทตัวเอง แป๊บเดียวอาหารเช้าแสนอร่อยก็มาส่ง

โซเมนอยู่กินกับเทาเท่จนเสร็จ แล้วจึงลุกขึ้นเตรียมจะไป

เทาเท่เรียกเขาไว้:“ต่อไปไม่มีไรก็อย่าจีบควีน นายไม่เหมาะกับเธอ”

นิสัยของควีนเก็บตัวและจริงจัง โซเมนจีบเธอจนใจเต้น สุดท้ายที่เจ็บปวดก็มีแค่ควีน

โซเมนถามอย่างเกียจคร้าน:“นายรู้ได้ไงว่าฉันจีบเธอ?”

เทาเท่พูดอย่างรังเกียจ:“ตอนแกเข้ามาใบหน้ามีรอยยิ้มเจ้าเล่ห์อยู่”

โซเมนเป็นเพื่อนรักเขามาหลายปี เขาจะไม่รู้ความคิดของโซเมนได้อย่างไร

ควีนกับคิงพี่สาวน้องชายคู่นี้มาทำงานกับเขาสองสามปีแล้ว ช่วงนี้ไม่รู้โซเมนเป็นอะไร เห็นควีนก็จะจีบอย่างเดียว

โซเมนเล่นเกมเรื่องความรู้สึกได้ แต่ควีนเล่นไม่ได้

สองพี่น้องควีนกับคิงภักดีต่อเขามาก เขาก็ดูแลพวกเขาอย่างน้องสาวน้องชาย เทาเท่คิดว่าตัวเองต้องเตือนโซเมนสักหน่อย

โซเมนมองถามไปงั้นๆ:“นายรู้ได้ไงเราสองคนไม่เหมาะกัน?”

เทาเท่เงยมองถามย้อนไปว่า:“พวกนายไม่เหมาะกัน นายไม่รู้เหรอ?หรือนายอยากให้เธอกลายเป็นหลินจือคนที่สอง?”

ไม่ว่าอย่างไรทางบ้านหลินจือก็ถือว่ามั่งคั่งปานกลาง แต่ภูมิหลังควีนแย่จริงๆ

สถานการณ์ของโซเมนที่ตระกูลแมคเคนซีก็ค่อนข้างพิเศษ ถ้าเขาอยากอยู่กับควีนไปนานๆ ก็ไม่ธรรมดาแน่ๆ

เทาเท่พูดเสริมไปอีก:“แน่นอนว่า ถ้านายแค่อยากเล่นกับควีน ฉันไม่เห็นด้วย ไม่ช้าก็เร็วนายก็ต้องยอมแพ้”

ดวงตาดอกท้อของโซเมนหรี่ลง ไม่รู้ว่าฟังคำเตือนของเทาเท่เข้าไปจริงๆหรือไม่

จากนั้นเขาจึงหัวเราะแล้วเปลี่ยนเรื่อง:“นี่ มองไม่ออกเลยนะ ที่แท้นายก็รู้ว่าลับหลังแล้วหลินจือได้รับความน้อยเนื้อต่ำใจเหล่านั้นจากบ้านนาย”

เทาเท่หลบสายตา หลับตาลงไม่พูดอะไร

เขารู้อยู่แล้วว่าหลินจือต่ำต้อยน้อยใจ ไม่รู้ว่าแม่เขาทำตัวรังเกียจต่อหลินจือต่อหน้าเขามากี่ครั้งแล้ว ทำให้หลินจือรู้สึกอับอายต่อหน้ามาไม่น้อย

แต่ตอนนั้นเขาไม่พอใจหลินจือก็มากเหมือนกัน ดังนั้นเลยขี้เกียจสนใจความรู้สึกที่เธอได้รับ

ตอนนี้พอนึกถึงอดีตเหล่านั้นกะทันหัน เทาเท่ก็คิดว่าความรู้สึกถูกขยายออกไปไม่สิ้นสุด ความอับอายเหล่านั้นในตอนนั้นของหลินจือปรากฏอย่างชัดเจนต่อหน้าเขา เขาจึงพบว่า ที่เขาไม่แยแสกับสถานการณ์ในตอนนั้น ช่างเย็นชาและไร้ความปรานีเพียงใด

โซเมนก็หันไปมองที่นอกหน้าต่าง ดวงตาดอกท้อคู่นั้นซ่อนอารมณ์ที่ไม่สิ้นสุดไว้

ควีนทำงานอย่างมีประสิทธิภาพสูง แป๊บเดียวก็จัดประชุมบุคลากรที่เกี่ยวข้อง ส่วนสถานที่อยู่ที่ห้องประชุมเบลดิ้งเอนเตอร์เทนเมนต์

ครั้งนี้ภายใต้คำแนะนำของหลินจือ นานิก็ถูกเชิญเข้าร่วมประชุมครั้งนี้ ในฐานะคนเข้าชิงตัวนางเอกพระชายา

นานิจับหลินจืออย่างไม่อยากจะเชื่อแล้วถามว่า:“เธอคิดว่าฉันสามารถแสดงเป็นตัวละครพระชายานิ่งๆอย่างนั้นได้เหรอ?”

หน้าตานานิดูสดใส มักเล่นบทเป็นคนสดใส เซ็กซี่ หรือเยือกเย็นแข็งกร้าวมาโดยตลอด คนนิ่งๆอย่างพระชายาที่ไม่สนใจอะไร ไม่เคยมีใครมาจ้างเธอ