บทที่ 426 คิดร้าย

บทที่ 426 คิดร้าย

[ประกาศจากอีเวนต์! สนามประลองหมายเลข 17 สิ้นสุดการประลอง ผู้ชนะคือ เทพเจ้าสายฟ้า จากเขตอเมริกาเหนือ!]

ชิวเย่ว่านเฟิงมองไปตามสนามประลองขนาดใหญ่ด้วยความร้อนใจ เธอพยายามหาตัวเซียวเฟิงให้เจอ แม้ว่าระบบเพิ่งจะประกาศเริ่มการประลองได้ไม่นาน ตอนนี้ก็เริ่มมีบางสนามประลองจบกันไปเรียบร้อยแล้ว มันเป็นเวลาเพียงไม่กี่วินาทีเท่านั้น และคนแรกที่เก็บชัยชนะแรกไปก็คือ เทพเจ้าสายฟ้า ยอดฝีมืออันดับ 1 ของเขตอเมริกาเหนือ

เหตุการณ์นี้ทำให้ชิวเย่ว่านเฟิงรู้สึกร้อนใจมากขึ้นไปอีก เธอรู้ดีถึงพลังของเจ้าแห่งฮีลเลอร์ และถ้าหากเธอไม่รีบหาตัวเขาให้เจอก่อน บางทีเขาอาจจะจบการต่อสู้ไปก่อนก็ได้ ดังนั้นแล้วจึงไม่สามารถหยุดพักได้เลย แต่ไม่ว่าสนามประลองไหนก็ไม่เจอเขาเสียที

อันที่จริง เซียวเฟิงก็คิดจะจบการต่อสู้เร็ว ๆ เหมือนกัน ทว่าสถานการณ์ทางเขานั้นกลับไม่ค่อยน่าอภิรมย์ซักเท่าไหร่

การสุ่มคู่ต่อสู้ที่ระบบจัดให้ในแมตช์น็อกเอาต์นั้นจะไม่จับผู้เล่นในเขตเดียวกันมาให้ แต่ปัญหามันดันอยู่ที่ ตอนนี้เซียวเฟิงถือว่าเป็นผู้เล่นของเขตฮันกึลนั่นแหละ

ดังนั้นตอนนี้สิ่งที่เซียวเฟิงไม่อยากจะพบเจอที่สุดมันได้เกิดขึ้นแล้ว! นั่นเพราะคู่ต่อสู้ของเขา คือผู้เล่นจากเขตฮัวเซีย! เขาคือ พาลาดินแห่งการรักษา!

พาลาดินแห่งการรักษา นั้นถือเป็นยอดฝีมือที่รู้จักดีในเขตฮัวเซีย ศักยภาพในการต่อสู้ ป้องกัน และสนับสนุนของเขาถือเป็นเลิศเพราะเป็นคลาสพาลาดิน เขาคือผู้ดึงพลังของคลาสนี้ออกมาได้มากที่สุดคนหนึ่ง จนกลายเป็นต้นแบบให้กับผู้เล่นคลาสพาลาดินคนอื่น ๆ ในเขตฮัวเซียได้ดำเนินรอยตาม

อย่างไรก็ตาม ความสัมพันธ์ระหว่างพาลาดินแห่งการรักษาและเซียวเฟิงนั้นก็ไม่ได้ดีสักเท่าไหร่ เมื่อครั้งที่พบกันครั้งแรกภายในดันเจี้ยนเลเวล 15 ที่รังซาลาแมนเดอร์ไฟที่ต้องช่วยกันเปิดดันเจี้ยน ตั้งแต่วันนั้นเขาก็มองเซียวเฟิงในทางที่ประสงค์ร้ายมาตลอด ทุกอย่างมันเกิดขึ้นจากความมั่นใจในตนเองของเขาล้วน ๆ

เซียวเฟิงไม่ได้รู้เลยว่าพาลาดินแห่งการรักษาวางแผนที่จะแอบลอบโจมตีเขามาตั้งหลายครั้งแล้ว ด้วยความที่ไม่อยากให้เซียวเฟิงได้หน้ามากเกินไป

ทว่าภายในหัวของเซียวเฟิงกลับไม่ได้คิดอะไรแบบพาลาดินแห่งการรักษาเลย เขาแค่มองว่าอีกฝ่ายเป็นยอดฝีมือจากเขตฮัวเซียและเคยมีปัญหากับเขานิดหน่อยเท่านั้น แม้ว่าจะเคยโดนคนคนนี้ดูถูกมาก่อน แต่เซียวเฟิงก็ไม่ได้ติดใจอะไร เขาเพียงแค่เลือกที่จะไม่ยุ่งด้วยเท่านั้น

แต่ไม่ว่าจะมีความคิดกันแบบไหนก็ตาม สถานการณ์ตอนนี้มันก็ไม่ดีจริง ๆ เพราะทั้งเซียวเฟิงและพาลาดินแห่งการรักษาต่างก็เป็นผู้เล่นเขตฮัวเซียกันทั้งคู่ การที่พวกเขาต้องมาเจอกันเองเช่นนี้และมีโอกาสในการเข้าสู่แมตช์โปรโมตเป็นเดิมพัน บางทีเซียวเฟิงอาจจะต้องยอมแพ้เขา แต่ด้วยการที่แมตช์น็อกเอาต์นี้ ผู้เล่นแต่ละคนมีโอกาสเพียงครั้งเดียวเท่านั้น ความพ่ายแพ้ หมายถึง การเสียสิทธิ์ในอีเวนต์นี้ ดังนั้นเซียวเฟิงจึงไม่สามารถยอมแพ้ให้ใครได้

ความเร็วในการวิ่งของชิวเย่ว่านเฟิงนั้นเร็วมาก ๆ ในสถานการณ์เร่งด่วนแบบนี้ และหลังจากที่เธอวิ่งผ่านสนามประลองขนาดใหญ่มากมายมาไม่ถึงสองนาที ในที่สุด เธอก็เจอสนามประลองที่เซียวเฟิงอยู่

“แฮ่ก…แฮ่ก… ในที่สุด…ฉันก็เจอสนามประลองของเจ้าแห่งฮีลเลอร์แล้ว…โชคดีจริง ๆ ที่พวกเขายังไม่เริ่มต่อสู้กัน ไม่งั้นแล้วล่ะก็ ทุก ๆ คนในไลฟ์ได้อดดูการต่อสู้ที่น่าตื่นเต้นนี้แน่ ๆ เลย…เอาล่ะค่ะ! เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา พวกเรามาดูกันดีกว่าว่าคู่ต่อสู้ของเจ้าแห่งฮีลเลอร์จะเป็นใคร! ถึงแม้ว่าเขาจะขึ้นชื่อว่าเป็นผู้ไร้เทียมทาน แต่ในเมื่อการประลองยังไม่จบ แสดงว่าคู่ต่อสู้ในครั้งนี้ต้องไม่ใช่คนที่สามารถเอาชนะได้ง่าย ๆ แน่เลยค่ะ! คนคนนั้นเป็นใครกั…เอ๊ะ!? นะ…นั่น พาลาดินแห่งการรักษาไม่ใช่เร๊อออออ! ไม่น่าเชื่อเลยค่ะคุณผู้ชม! คู่ต่อสู้ของเจ้าแห่งฮีลเลอร์ ก็คือ พาลาดินแห่งการรักษาล่ะค่ะ! นี่มัน…”

ขณะที่ชิวเย่ว่านเฟิงกำลังหอบหายใจด้วยความเหนื่อยและตื่นเต้นนั้น เธอก็ไม่รอช้าที่จะตั้งกล้องบนหัวให้หันไปจับภาพบนสนามประลองไปด้วย ทว่าเมื่อได้เห็นคู่ต่อสู้ของเซียวเฟิง เธอถึงกับไปต่อไม่ถูก เพราะตัวเธอเองก็รู้ดีว่า ภายในแมตช์น็อกเอาต์นี้ ผู้ที่อยู่บนสนามประลอง จะต้องมีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งถูกกำจัดออกไปเพื่อหาผู้ชนะ

ทางด้านพาลาดินแห่งการรักษานั้น ในตอนแรกที่เห็นชิวเย่ว่านเฟิงเข้ามาที่ข้างสนามประลองของตนและพูดเหมือนกล่าวชมเซียวเฟิงตลอด มันก็ทำให้เขาไม่พอใจขึ้นมาทันที แต่หลังจากที่เห็นกล้องของเธอ ความคิดบางอย่างก็ปะทุขึ้นมาในหัวเขา ก่อนจะหันไปพูดกับกล้องเสียงดัง

“นายบอกว่าตัวเองเป็นอันดับ 1 ของเขตฮัวเซีย แต่ในตอนนี้นายกลับยืนอยู่ฝั่งของฮันกึลแล้วเผชิญหน้ากับผู้เล่นเขตฮัวเซียอย่างฉันเนี่ยนะ? นี่นายกำลังวางแผนเป็นศัตรูกับฮัวเซียหรือยังไง?”

แววตาที่เต็มไปด้วยความดูถูกของพาลาดินแห่งการรักษานั้นแสดงออกมาอย่างชัดเจน ตัวเขามั่นใจมาก ๆ ว่าคำพูดของเขาจะทรงพลังมากที่สุดในสถานการณ์เช่นนี้ เพราะที่เหนือหัวของเซียวเฟิงก็มีเครื่องหมายของเขตฮันกึลปรากฏอยู่ด้วย มันทำให้อีกฝ่ายไม่สามารถหนีข้อครหานี้ได้ นี่จึงถือเป็นโอกาสที่ดีที่สุดที่จะทำลายชื่อเสียงของเซียวเฟิงและขับไล่ไม่ให้เซียวเฟิงกลับมายังฮัวเซียได้อีก แม้ว่าเขาอาจจะสู้เซียวเฟิงทางกายภาพไม่ได้ แต่เขาสามารถเล่นงานชื่อเสียงของเซียวเฟิงได้!

พาลาดินแห่งการรักษานั้นมองเซียวเฟิงเป็นศัตรูมาตลอดตั้งแต่ตระหนักได้ถึงพลังที่ยิ่งใหญ่ในตัวอีกฝ่าย สิ่งนี้กัดกินจิตใจของเขาจนตนเองไม่สามารถหยุดความคิดชั่วร้ายที่มีต่อเซียวเฟิงได้อีกต่อไป การเข้าร่วมกับตำหนักขุมทรัพย์ก็เพื่อที่จะได้หาทางขัดขวางเซียวเฟิงได้ แต่ในตอนนี้ ครั้นเมื่อเห็นเซียวเฟิงกำลังยืนคุยอยู่กับนักธนูอายุ 17 ในตอนแรก เขาจึงเลือกที่จะคอยดูสถานการณ์เงียบ ๆ แทน

อันที่จริง แม้ว่าเซียวเฟิงจะเป็นที่รู้จักกันท่ามกลางผู้เล่นระดับท็อปทั้ง 10 ของเขตฮัวเซียก็จริง แต่เมื่อตอนที่แสดงตัวออกไปให้เห็น มีเพียงนักธนูอายุ 17 ที่พูดด้วยความร้อนใจ กับไทแรนนี่ที่เข้ามาแนะนำตนเองเท่านั้น เซียวเฟิงก็แค่พยักหน้าให้ในขณะที่คนอื่น ๆ ในเขตฮัวเซียรวมไปถึงพาลาดินแห่งการรักษาก็ไม่ได้ใส่ใจเซียวเฟิงเลย ขนาดซือเยี่ยจิ๋งยังกลอกตาให้เขาแทนการพูดคุยเสียด้วยซ้ำ

เมื่อได้ยินพาลาดินแห่งการรักษาพูดเช่นนั้น สีหน้าของชิวเย่ว่านเฟิงก็เปลี่ยนไปในทันที ในฐานะที่เป็นผู้ประกาศข่าว เธอย่อมต้องเข้าใจอยู่แล้วว่าพาลาดินแห่งการรักษาตั้งใจจะทำอะไรกับเจ้าแห่งฮีลเลอร์ หากคำพูดของเขาได้ผลล่ะก็ มันสามารถกดดันให้เซียวเฟิงยอมแพ้ได้เลย แถมชื่อเสียงการเป็นอันดับ 1 ของเขตฮัวเซียที่เจ้าแห่งฮีลเลอร์แบกรับไว้ก็จะพลอยดิ่งลงเหวไปด้วย

“โอ้ นายกำลังพูดแทนเขตฮัวเซียทั้งเขตเหรอ?” กระนั้นแล้ว แววตาของเซียวเฟิงก็ยังคงสงบนิ่งและถามกลับด้วยความประหลาดใจ

ถ้อยคำที่กล่าวออกไปของเซียวเฟิงนั้นทำให้หัวใจของชิวเย่ว่านเฟยที่กำลังลุ้นระทึกพลอยสงบลงได้บ้าง เธอถอนหายใจอย่างโล่งอก มันก็จริงตามที่เจ้าแห่งฮีลเลอร์พูด เพราะถ้าหากจะมีใครสักคนมาพูดแทนคนทั้งเขตฮัวเซีย คนคนนั้นย่อมไม่สามารถเป็นพาลาดินแห่งการรักษาได้อยู่แล้ว เขาไม่คู่ควร

“ฉันคงจะพูดแทนคนทั้งเขตไม่ได้หรอกนะ แต่คนที่มีสัญลักษณ์ของเขตฮันกึลขึ้นอยู่เหนือหัวอย่างนายมีสิทธิ์พูดแทนหรือไง?”

“พูดเรื่องนี้กันไปก็เสียเวลาเปล่า รีบ ๆ ทำให้มันจบกันดีกว่า สนามประลองอื่นก็กำลังจะประลองกันเสร็จแล้วเหมือนกัน” เซียวเฟิงส่ายหน้าเบา ๆ การที่ต้องพูดกับคนคนนี้มันเป็นเรื่องเสียเวลาเกินไป

“หืม ก็ดี ฉันเองก็อยากเห็นเหมือนกันว่า คนที่ถูกเรียกว่าเป็นอับดับ 1 ของเขตฮัวเซียนั้น จะยังคงเก่งกาจเหมือนอย่างที่เขาเล่ากันมาหรือเปล่าหลังจากที่ไม่ได้เล่นเกมมาเดือนนึง!”

เพราะเมื่อตอนอีเวนต์แรกของเซิร์ฟเวอร์ อย่างอีเวนต์ล่าสมบัตินั้นเขาไม่ได้เห็นความน่าเกรงขามของเซียวเฟิงด้วยตาตนเอง เนื่องจากตอนนั้นตัวเขาติดภารกิจลับ เลยไม่สามารถเข้าร่วมอีเวนต์ได้ แต่ถึงอย่างนั้น อย่างน้อย ๆ ภารกิจลับที่ว่าก็ให้ของตอบแทนเขาอย่างคุ้มค่า อย่างอาร์ติแฟกต์!

ความคุ้มค่าของมันอยู่ที่ พลังต่อสู้ที่ได้รับจากอาร์ติแฟกต์ครั้งนั้น มันแข็งแกร่งพอที่จะทำให้เขามีสิทธิ์เข้าร่วมในอีเวนต์เซิร์ฟเวอร์ครั้งนี้ได้ และมันก็ทำให้เขาตระหนักได้ถึงความน่ากลัวของอาร์ติแฟกต์ชิ้นอื่น ๆ ด้วย ภายในใจของเขา หากเป็นเจ้าแห่งฮีลเลอร์ในอดีต ยังไง ๆ ก็ไม่สามารถโค่นลงได้ เพราะเขามีชุดอาร์ติแฟกต์ทั้งตัว ซึ่งทำให้เป็นที่มาของฉายา ‘ไร้เทียมทาน’

แต่ตอนนี้มันต่างออกไป เจ้าแห่งฮีลเลอร์ไม่มีอาร์ติแฟกต์ติดตัวอีกต่อไปแล้ว แล้วนอกจากนี้ การที่อีกฝ่ายเหินห่างจากเกมไปนาน ก็น่าจะถือเป็นโอกาสพลิกผันขนาดใหญ่สำหรับพาลาดินแห่งการรักษาได้

บางทีหลังจบการต่อสู้ในครั้งนี้ ตำนานอันดับ 1 ของเขตฮัวเซียอาจจะตกมาอยู่ในมือเขาเลยก็ได้!

บาเรียโล่ศักดิ์สิทธิ์!

ถึงแม้ว่าพาลาดินแห่งการรักษาจะมั่นใจในตนเองมาก ๆ กระนั้นเขาก็ไม่ได้ประมาทคู่ต่อสู้ ถึงตนเองจะได้รับรู้วิธีการต่อสู้ของเซียวเฟิงจากวีดีโอที่บันทึกไว้ แต่นั่นก็แสดงให้เห็นว่าความแข็งแกร่งของเซียวเฟิงไม่ใช่เรื่องโกหก และเขาไม่สามารถประมาทคนคนนี้ได้ หลังจากร่ายสกิลเสร็จ โล่ที่แขนของเขาก็เปล่งแสงสว่างขึ้นมาและกลายเป็นโล่แสงที่ใหญ่พอ ๆ กับครึ่งตัวเขา ในขณะที่คทาที่อยู่มือขวาเองก็เรืองแสงออกมาราวกับพร้อมจะพุ่งเข้าใส่เซียวเฟิงทุกเมื่อ

คลาสพาลาดินนั้นไม่ได้โดดเด่นเรื่องการร่ายบัฟเฉกเช่นนักบวชก็จริง แต่พวกเขาก็ได้เปรียบเรื่องสกิลป้องกันและโจมตี เขารู้ดีว่าพลังโจมตีของเซียวเฟิงนั้นสูงมาก ๆ ยังไงเสียการที่จะเป็นพาลาดินได้ เขาก็ต้องผ่านคลาสนักบวชมาก่อนแล้ว ดังนั้นเขาย่อมเข้าใจกลไกของคลาสนี้ดีเป็นเรื่องธรรมดา เมื่อไหร่ก็ตามที่นักบวชสามารถร่ายบัฟได้สำเร็จ ค่าสถานะของพวกเขาจะเพิ่มขึ้นเป็นอย่างมาก ไม่ต้องพูดถึงคลาสของเซียวเฟิงที่เป็นคลาสลับเลย หลังจากร่ายบัฟ เซียวเฟิงจะแข็งแกร่งได้มากกว่าคนทั่วไปอีกหลายเท่านัก

ด้วยเหตุนี้ เมื่อสัญญาณของการเริ่มประลองได้ถูกกล่าวออกมา เขาจึงรีบร่ายสกิลป้องกันที่แข็งแกร่งที่สุดของตนเองออกมาไว้ก่อน นั่นคือ สกิลบาเรียโล่ศักดิ์สิทธิ์ที่สามารถลดความเสียหายได้มากถึง 50% นี้ อย่างน้อย ๆ สิ่งนี้ก็พอจะซื้อเวลาให้เขาสามารถเข้าหาเซียวเฟิงได้ และเมื่อทำได้ ด้วยความได้เปรียบเรื่องพลังโจมตีของพาลาดินที่มีพลังสูงกว่านักบวช เขาก็จะสามารถกดดันเซียวเฟิงและสามารถทำให้อีกฝ่ายพ่ายแพ้ได้!

อวยพรอาวุธ!

สิ่งนี้ทำให้พาลาดินแห่งการรักษารู้สึกได้ใจมากยิ่งขึ้น เพราะเซียวเฟิงไม่ได้ถอยหนีเขาและเลือกที่จะร่ายบัฟใส่ตนเองแทน ราวกับว่าตั้งใจจะเผชิญหน้าโดยที่ไม่รู้ว่าโล่ของเขาแข็งแกร่งขนาดไหน

มันอดไม่ได้ที่จะยิ้มเยาะเหมือนเห็นชัยชนะมากองวางอยู่ตรงหน้า การกระทำของเซียวเฟิงมันอยู่ในการคาดเดาของเขาหมดแล้ว เริ่มตั้งแต่การที่เขาบัฟให้ตนเองก่อน จากนั้นเซียวเฟิงจะต้องใช้สกิลค้อนสีทองที่สร้างความเสียหายได้มหาศาล รวมถึงมีระยะการโจมตีที่กว้าง การต่อสู้เช่นนี้น่ะ มันซ้ำซากจำเจจนกลายเป็นรูปแบบประจำตัวของเจ้าแห่งฮีลเลอร์ไปแล้ว

ใช่ ไม่ผิดแน่! ฉันมองออกแล้ว!

ความมั่นใจของเขาเพิ่มมากขึ้นกว่าเดิมอีกเมื่อเห็นค้อนสงครามสีทองขนาดยักษ์ปรากฏขึ้นในมือของเซียวเฟิง! เป๊ะทุกอย่าง!

เอาล่ะ เดี๋ยวฉันจะรับมือไอ้ค้อนยักษ์ที่แกชื่นชอบนักหน้านั่นให้ดูเอง!

พาลาดินแห่งการรักษาทะยานตัวเข้าใกล้เซียวเฟิงราวกับจะไขว่คว้ามาซึ่งชัยชนะที่อยู่ตรงหน้า พร้อมกับยกบาเรียโล่ศักดิ์สิทธิ์ขึ้นรับแรงปะทะของค้อนสีทองที่ทุบลงมาใส่ตนอย่างภาคภูมิใจด้วย!

ตู้ม!

-2,017!

[พลังชีวิตของท่านเหลือ 0 ท่านได้ตายแล้ว]

[ความพ่ายแพ้ของท่านในแมตช์น็อกเอาต์ ทำให้ท่านสูญเสียสิทธิ์ในการที่จะเข้าร่วมอีเวนต์เซิร์ฟเวอร์ ชิงชัย ครั้งนี้ไป ดังนั้นระบบจะตอบแทนท่านด้วยการมอบตั๋วสำหรับรับชมให้แทน]

ในหัวของพาลาดินแห่งการรักษามันตื้อไปหมด ร่างของเขานอนหมอบราบอยู่กับพื้นขณะที่สายตาก็ชะงักอยู่กับตัวเลขความเสียหายสี่หลักที่ลอยอยู่เหนือศพตนเอง

2…ไม่สิ มากกว่า 2,000 หน่วยอีกเหรอ? เกิดเรื่องบ้าอะไรขึ้นเนี่ย? เมื่อกี้ก็ยกบาเรียโล่ศักดิ์สิทธิ์รับไว้แล้วนี่! นั่นโล่ศักดิ์สิทธิ์ที่สามารถบั่นความเสียหายออกได้ถึง 50% เลยนะ!

อย่าบอกนะว่า พลังโจมตีของค้อนแห่งการพิพากษานั่น สูงกว่า 4,000 หน่วยอีกงั้นเหรอ!?

แม้แต่ชิวเย่ว่านเฟิงเองก็ยังอึ้ง เธอรู้ว่านี่เป็นการต่อสู้ระหว่างสองยอดฝีมือชื่อดังก็จริง แต่เธอก็ไม่คาดคิดว่ามันจะจบลงภายในเวลาสองวินาทีเช่นนี้ แถมจุดจบยังเป็นของ พาลาดินแห่งการรักษาด้วย

[ประกาศจากอีเวนต์! สนามประลองที่ 83 การประลองได้จบลงแล้ว และผู้ชนะคือ ผู้เข้าแข่งขันจากเขตฮันกึล]

เสียงประกาศจากระบบเป็นตัวช่วยดึงสติของชิวเย่ว่านเฟิงกลับมา เธอรีบกลับไปยังการถ่ายทอดสดของตนเองและรายงานสถานการณ์ทันที

“อะ…เอ่อ ท่านผู้ชมทุกท่านคะ เห็นกันแล้วใช่ไหมคะ เมื่อครู่นี้เจ้าแห่งฮีลเลอร์สามารถจัดการพาลาดินแห่งการรักษาลงได้ด้วยเวลาเพียงไม่กี่วินาทีเท่านั้น! ด้วยความเสียหายที่มากกว่า 2,000 หน่วยนั้นทำให้พลังชีวิตของพาลาดินผู้นี้หายวับไปกับตาเลย! มันถือเป็นความเสียหายที่มากที่สุดเท่าที่เคยมีมาเลยด้วยก็ว่าได้! ไม่หรอก ฉันเชื่อว่าอาจจะมีคนทำความเสียหายได้มากกว่านี้อยู่ แต่อย่างไรก็ตาม ด้วยความเสียหายระดับนี้ ฉันเชื่อว่าไม่มีใครสามารถต้านมันไว้ได้แน่ ๆ! เจ้าแห่งฮีลเลอร์นั้นสมกับที่เป็นบุคคลอันดับ 1 ของเขตฮัวเซียจริง ๆ ค่ะ! ขนาดไม่ได้ออนไลน์มาเป็นเวลานาน เขาก็ยังคงรักษาไว้ได้ซึ่งความไร้เทียมทานนี้ดังเดิม!”

“แกมันก็แค่ขี้ข้าของเขตฮันกึลเท่านั้นแหละ! คอยดูเถอะ ในเขตฮัวเซียจะไม่มีที่ให้แกอยู่อีกต่อไป!”

มีเพียงศพของพาลาดินแห่งการรักษาที่นอนอยู่บนพื้นเท่านั้นที่ยังสงเสียงโวยวายด้วยความโกรธอยู่ มีเวลานิดหน่อยก่อนที่เขาจะไม่สามารถพูดได้ แต่ถึงอย่างนั้นเซียวเฟิงก็ไม่ได้หันมาสนใจเขาแต่อย่างใดจนกระทั่งวินาทีสุดท้าย