ตอนที่ 332 การทดสอบอันดุเดือด

ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ

ในเวลาต่อมา ปรมาจารย์ฝึกสัตว์ผู้นี้ปิดกั้นหนทางของมู่เฉียนซีไว้หมดแล้ว

ร่างบางเดินผ่านไป มู่เฉียนซีหมุนตัว นางใช้ทักษะย่างก้าวพันเงาเคลื่อนที่ไปมาในวงล้อมของสัตว์วิญญาณ

“โฮกกกก!” สัตว์วิญญาณเหล่านี้ส่งเสียงร้องคำรามลั่น พวกมันพุ่งโจมตีเข้าหามู่เฉียนซีอย่างมุ่งมั่น

“โล่มังกรวารี!”

มือนางค่อย ๆ ยกขึ้น มังกรวารีทะยานขึ้นตัดผ่านอากาศพุ่งเข้าหาพวกมัน

— ปัง!  ปัง!  ปัง! —

หากสู้แบบตัวต่อตัวแล้วละก็ การจัดการกับสัตว์วิญญาณระดับเจ็ดตัวหนึ่ง… สำหรับมู่เฉียนซีแล้วไม่ได้เป็นเรื่องที่ยากลำบากไปกว่าการออกแรงธรรมดา ๆ เลย  ทว่าพวกมันมาเป็นกลุ่มเป็นพันตัว จะผู้ใดต้องมารับมือก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ยากมากทั้งนั้น

นางไม่อาจใช้กลยุทธ์ในการฆ่าสังหารตั้งแต่ตอนแรกเริ่มได้ หากพลังถูกใช้จนหมดสิ้น ถึงตอนนั้นเกรงว่าต่อให้กินยาวิญญาณเสริมพลังก็ไม่อาจฟื้นฟูพลังขึ้นมาได้ทัน

นี่เป็นสงครามยืดเยื้อ จะเสี่ยงอันตรายไม่ได้เด็ดขาด!

— ตูม! —

เงาร่างสีเหลืองของท่านผู้อาวุโสเห็นมู่เฉียนซีต่อสู้อย่างใจเย็น จึงพยักหน้าขึ้นลงด้วยความพึงพอใจเป็นอย่างมาก เจ้าเด็กผู้นี้อายุยังน้อยแต่กลับมีพลังความแข็งแกร่งถึงเพียงนี้ จะต้องมีไพ่เด็ดให้เขาได้ชมอย่างแน่นอน

ทว่าการต่อสู้เพิ่งจะเริ่ม มู่เฉียนซีนางยังไม่งัดไพ่เด็ดออกมาใช้ นางกลับอาศัยความเพียรพยายามในการต่อสู้กับสัตว์วิญญาณเหล่านี้แทน

— ปัง!  ปัง!  ปัง! —

ตัวมู่เฉียนซีเองก็ไม่รู้ว่านางได้ฆ่าสัตว์วิญญาณไปเท่าไหร่แล้ว นางเห็นแค่เพียงว่ามีสัตว์วิญญาณค่อย ๆ ล้มลงไปอย่างต่อเนื่อง ในขณะเดียวกันก็มีสัตว์วิญญาณพุ่งเข้ามาโจมตีนางอย่างต่อเนื่องเช่นกัน

โชคดีที่จำนวนของสัตว์วิญญาณเหล่านี้ลดน้อยลงไปเรื่อย ๆ ที่เหลือทั้งหมดก็มีเพียงแค่สัตว์วิญญาณตัวใหญ่ ๆ แล้ว

“มังกรวารีพิฆาต!”

— ตูม! —

นางและสัตว์วิญญาณเข้าต่อสู้ปะทะกันชนิดที่ว่าดุเดือดเลือดพล่าน  จากนั้นมู่เฉียนซีก็ตะโกนออกมา “ทักษะตี้ซวน!”

การโจมตีติดต่อกันทั้งสามครั้งของนางทำให้สัตว์วิญญาณเหล่านี้ถูกถล่ม จากนั้นนางก็รีบฟื้นฟูพลังวิญญาณทันที  แต่ถึงกระนั้น พวกมันก็ยังคงพุ่งเข้ามาโจมตีซ้ำแล้วซ้ำเล่าเพื่อที่จะทำให้พลังวิญญาณของนางหมดไป

จำนวนของสัตว์มีมากเกินไป อีกทั้งผิวหนังของพวกมันก็หนา พลังของมู่เฉียนซีในเวลานี้ยากที่จะต่อกรได้ ยาวิญญาณสารพัดอย่างก็ใช่ว่าจะใช้ได้ และสถานการณ์ในตอนนี้ก็ยิ่งแย่ลงไปเรื่อย ๆ

นาง ผู้ที่เพิ่งจะทะลวงพลังปรมาจารย์ภูตระดับห้าได้ กลับไม่มีพลังวิญญาณเพียงพอที่จะโจมตีสัตว์วิญญาณระดับเจ็ดจำนวนนับไม่ถ้วนเหล่านี้ได้หมด นางทำสิ่งใดไม่ได้นอกจากหนี

ต้องหนีก่อนแล้ว!

หากทักษะย่างก้าวพันเงาไม่มีพลังพอ มีหวังนางคงโดนสัตว์วิญญาณเหล่านี้ฉีกเนื้อหนังมังสาออกเป็นหมื่น ๆ ชิ้นไปแล้ว

การหลบหนีนี้ช่างน่าหวาดเสียวเป็นอย่างมาก แต่ถ้าหากนางไม่คิดหาทางออก นางคงต้องสูญเสียพลังวิญญาณไปหมดอย่างไม่ต้องสงสัยเลย

แสงประกายวาบผ่านดวงตาของมู่เฉียนซี…ทักษะตี้ซวน! นางลืมไปได้อย่างไร

ขอเพียงแค่ฝึกฝนทักษะตี้ซวนให้ถึงขีดสูงสุด เช่นนั้นแล้วการจัดการกับสัตว์วิญญาณระดับเจ็ดก็ย่อมทำได้

“ทักษะตี้ซวน!”

ทักษะวิญญาณที่สูงส่งเช่นนี้ ภายใต้การบีบบังคับในการฝึกระดับพื้นฐานของจิ่วเยี่ยทำให้นางสำเร็จในขั้นพื้นฐานแล้ว  แต่ในช่วงเวลาที่คับขันและการบีบบังคับให้นางต้องเป็นอันตรายเช่นนี้ การฝึกฝนทักษะให้สมบูรณ์นั้นเป็นเรื่องที่จำเป็นต้องทำอย่างมาก

“ทักษะตี้ซวน!”

การฝึกฝนอย่างต่อเนื่องนี้แทบจะทำให้นางล้มลง แต่ถึงอย่างไรมู่เฉียนซีก็ต้องอดทนยืนหยัดต่อไป คราก่อนราชาหมื่นพิษได้ทดสอบนางมากมาย นางก็ยังผ่านมาได้  ครั้งนี้นางก็ต้องผ่านไปให้ได้เช่นกัน

— ปัง!  ปัง!  ปัง! —

ในการต่อสู้ที่ไม่สิ้นสุดนี้ ในที่สุดมู่เฉียนซีก็ฝึกฝนทักษะตี้ซวนจนสำเร็จสมบูรณ์ สัตว์วิญญาณทั้งหลายเหล่านี้ก็ถึงคราที่ต้องพินาศย่อยยับไป

สุดท้าย ตรงหน้ามู่เฉียนซีในเวลานี้ก็เหลือสัตว์วิญญาณระดับเจ็ดแค่เพียงตัวเดียว มันมองชายหนุ่ม ‘มู่ซี’ ที่อยู่ตรงหน้าด้วยความหวาดกลัวจับใจ

มันเห็นมู่เฉียนซีมีความก้าวหน้าแข็งแกร่งขึ้นเรื่อย ๆ จนในที่สุดก็สามารถเอาชนะคู่ต่อสู้ทั้งหมดได้

การเติบโตอย่างรวดเร็วเช่นนี้ทำให้สัตว์วิญญาณยากที่จะเชื่อ

เวลานี้มู่เฉียนซีจ้องมองไปที่สัตว์วิญญาณระดับเจ็ดตรงหน้า พลังวิญญาณในร่างกายนางถูกใช้ไปจนถึงขีดจำกัด นางไม่รู้เลยว่าพลังทั้งหมดนี้จะสามารถใช้ทักษะตี้ซวนโจมตีได้หรือไม่

พลังวิญญาณในร่างกายที่เหลืออยู่อันน้อยนิดกำลังทำงานอย่างดุเดือด แต่ก็ไม่สามารถรวบรวมพลังได้มากนัก

“โฮก!”

เสียงร้องคำรามดังขึ้น  สัตว์วิญญาณระดับเจ็ดตัวสุดท้ายพุ่งเข้าโจมตีมู่เฉียนซี

“ทักษะตี้ซวน!”

เห็นได้ชัดว่าพลังโจมตีของนางครั้งนี้ไม่ได้ทรงพลังเท่ากับก่อนหน้านี้ แต่ถึงอย่างไรแล้วก็ต้องต่อสู้ให้ถึงที่สุด!

— ปัง! —

— ปัง! —

เสียงกระแทกพื้นดังสนั่นขึ้นสองครั้ง มู่เฉียนซีล้มลงกับพื้น และในขณะเดียวกันนั้น สัตว์วิญญาณระดับเจ็ดก็ล้มลงไปด้วย

ทันใดนั้นปรมาจารย์ฝึกสัตว์กล่าวขึ้นว่า “ยินดีด้วย เจ้าผ่านการทดสอบรอบนี้แล้ว การเรียนรู้และความเพียรพยายามของเจ้าช่างน่าทึ่งยิ่งนัก”

มู่เฉียนซีพยายามเอามือยันพื้นขึ้นนั่ง นางกล่าวด้วยเสียงเคร่งขรึมว่า “แล้วการทดสอบรอบต่อไปคืออะไรหรือ ?”

มิติแปรเปลี่ยนไปอีกครั้ง และเมื่อมู่เฉียนซีได้เห็นกลุ่มสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ก็แทบจะอยากด่าทอออกมา

“ประเดี๋ยวก่อน  ท่านแน่ใจรึว่าจะให้ข้าจัดการกับสัตว์ศักดิ์สิทธิ์เหล่านี้ ?!”

สัตว์ศักดิ์สิทธิ์ระดับหนึ่ง ระดับสอง ระดับสาม พวกมันล้วนแต่เป็นตัวที่สมบูรณ์ ๆ ทั้งนั้น

“ใช่ ทว่าครานี้ไม่มีข้อยกเว้น เจ้าสามารถใช้สัตว์พันธสัญญาของเจ้าได้ หรือเจ้าจะใช้วิธีการใดก็ย่อมได้ หากเป็นสัตว์พันธสัญญาที่ได้ผู้ฝึกสัตว์มาฝึกเอง พลังก็จะยิ่งแข็งแกร่งมากขึ้น”

ครั้งนี้ไม่ได้เป็นเพียงการทดสอบมู่เฉียนซีเท่านั้น แต่เป็นการทดสอบอู๋ตี้กับเสี่ยวหงด้วย

สามารถให้อู๋ตี้กับเสี่ยวหงมาร่วมต่อสู้ได้ เช่นนี้มู่เฉียนซีจึงโล่งใจขึ้นเล็กน้อย

“เสี่ยวหง อู๋ตี้ ออกมาเถอะ สมรภูมิรบที่สองในครานี้ ข้าต้องพึ่งพาพวกเจ้าทั้งสองแล้ว”

อู๋ตี้ “อู๋ตี้ผู้ไร้เทียมทานหนึ่งเดียวในใต้หล้า มาแล้ว!  นายท่านวางใจเถอะ คอยดูข้าจัดการกับพวกมันพ่ายแพ้ยับเยินได้เลย”

เสี่ยวหง “นายท่านวางใจได้ สำหรับข้าแล้ว จัดการกับเจ้าพวกนี้เป็นเรื่องง่ายเสียยิ่งกว่าง่าย”

ในตอนนี้พวกมันเป็นสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ระดับสอง แต่มู่เฉียนซีมั่นใจในตัวพวกมันมาก

อู๋ตี้เสี่ยวหง สองสัตว์พันธสัญญากล่าวขึ้นว่า “นายท่าน แต่นายท่านต้องรับปากพวกข้าข้อหนึ่ง”

“อะไรรึ ?”

“นายท่าน ครั้งนี้เราจะไม่ใช้ยาพิษ พวกเราจะใช้พลังที่แท้จริงต่อสู้เอาชนะพวกมันให้ได้”

พวกมันรู้ดีว่าหากนายท่านใช้ยาพิษก็คงจะเอาชนะสัตว์ศักดิ์สิทธิ์เหล่านี้ได้อย่างง่ายดาย แต่หากเป็นเช่นนั้น การต่อสู้ครั้งนี้ก็จะไม่ท้าทายสำหรับพวกมัน

ในรอบแรกของการต่อสู้ นายท่านฝึกฝนทักษะตี้ซวนจนสำเร็จ  ฉะนั้นครั้งนี้พวกมันทั้งสองก็จะพยายามใช้พลังกอปรกับความสามารถที่มีอยู่เพื่อเลื่อนขั้นเป็นสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ระดับสามให้จงได้

มุมปากของมู่เฉียนซียกขึ้นเล็กน้อยเป็นรอยยิ้ม “เรื่องนั้นพวกเจ้าไม่ต้องกังวลไป เดิมทีก็เพื่อจะกระตุ้นพวกเจ้าทั้งสอง อีกอย่าง การต่อสู้ในรอบที่สองนี้ข้าก็ไม่อยากให้มันจบง่าย ๆ เช่นกัน”

อู๋ตี้กับเสี่ยวหงกล่าวพร้อมกันว่า “ในเมื่อเป็นเช่นนั้น เรามาเริ่มศึกครั้งนี้กันเลยดีกว่านายท่าน”

— ตูม!  —

กำลังในการสู้รบหลัก มู่เฉียนซีมอบให้เป็นหน้าที่ของอู๋ตี้กับเสี่ยวหง

นางไม่มีทางเลือก เป็นเพราะทักษะตี้ซวนของนางมีผลต่อสัตว์วิญญาณได้ดี แต่กับสัตว์ศักดิ์กลับทำอะไรได้ไม่มากนัก

มู่เฉียนซีใช้ทักษะร่างพันเงาหลบหลีก จากนั้นก็ใช้ประโยชน์จากช่องโหว่ต่าง ๆ ลอบโจมตี

“อู๋ตี้ แปลงร่าง!”

อู๋ตี้แปลงร่างให้ใหญ่ขึ้นอีกครั้ง จากนั้นพลังของมันก็เริ่มทะยานขึ้น!

ขณะเดียวกันเปลวไฟสีแดงเข้มของเสี่ยวหงก็พวยพุ่งออกมา “เพลิงเผาสวรรค์!”

ถึงแม้ว่าพวกมันจะเป็นสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ แต่เมื่อถูกสัตว์ศักดิ์สิทธิ์นับพันรุมล้อมเช่นนี้ ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายในการรับมือเลย  แต่พวกมันก็ต้องสู้ ต้องเอาชนะให้ได้ เพื่อที่นายท่านจะได้ผ่านการทดสอบในรอบที่สองนี้ไปอย่างราบรื่น

ถึงแม้ว่าความแข็งแกร่งของพวกมันจะไม่ได้แตกต่างจากเมื่อก่อนมากนัก แต่หากพวกมันไม่สามารถเอาชนะพวกมดปลวกนี้ ก็อาจทำให้ผู้อื่นหัวเราะเยาะจนฟันร่วงเอาได้

— ตูม! —

ความใจสู้กอปรกับพลังของอู๋ตี้และเสี่ยวหงทำให้สัตว์ศักดิ์สิทธิ์เหล่านี้หวาดกลัวอย่างยิ่ง

.