ซูจิ่นซียื่นจอกชาให้ฮูหยินปี้เติมน้ำชา นางดื่มชาโดยไม่สนใจแม่นมจูกับแม่นมเจิ้ง
ท่าทีเช่นนี้ชัดเจนนัก จะอยู่หรือตาย ขึ้นอยู่กับการเลือกของพวกนางเอง
จู่ๆ แม่นมเจิ้งก็กัดฟันกรอด นางใช้กำปั้นทุบไปที่แม่นมจูและพูดว่า “เจ้าพูดจาอันใด? หากให้พวกเราทำเรื่องง่ายๆ จะเรียกว่าทำเพื่อแลกชีวิตหรือ? เพราะพระคุณของพระชายาในครั้งนี้ เรายังสามารถทำเพื่อพระชายาได้อีก นับเป็นโชควาสนาของเจ้า ยังไม่รีบขอบพระทัยพระชายาอีกหรือ? ”
แม่นมเจิ้งพูดพลางจับแม่นมจูโขกศีรษะกับพื้น และพูดว่า “พระชายาโปรดวางพระทัย เรื่องนี้เป็นเรื่องแรกที่พวกเราทั้งสองทำงานให้กับท่าน พวกเราไม่เพียงแต่จะทำให้เรียบร้อยเท่านั้น ยังจะทำออกมาให้แยบยลและงดงามที่สุดด้วยเพคะ”
“ดีมาก! ”
ซูจิ่นซีเหลือบไปมองฮูหยินปี้ จากนั้นฮูหยินปี้ก็หยิบถาดออกมาใบหนึ่ง บนถาดยังมีถ้วยใบเล็กอยู่สองใบ ในถ้วยแต่ละใบมีน้ำใสๆ อยู่ครึ่งหนึ่ง
“พระชายา สิ่งนี้คืออันใดเพคะ? ” ใบหน้าของแม่นมจูซีดเผือด
“นี่คือพิษยันต์เป็นตาย หลังจากที่พวกเจ้าดื่มลงไป หากไม่ได้รับยาถอนพิษภายในสิบสองชั่วยาม อวัยวะภายในจะย่อยสลาย เลือดไหลออกจากทวารทั้งเจ็ดจนตาย”
แม่นมเจิ้งกับแม่นมจูเข้าใจในทันที ซูจิ่นซีทำเช่นนี้เพื่อป้องกันไม่ให้พวกนางหลบหนีไปก่อนจะทำงานสำเร็จ
ความหมายก็คือ พวกนางมีเวลาเพียงสิบสองชั่วยาม หากถึงเวลาแล้วยังไม่กลับมา หรือทำงานไม่สำเร็จ พวกนางต้องตายสถานเดียว
แม่นมจูตกใจจนปากสั่น ตัวอ่อนระทวย ทว่าแม่นมเจิ้งกลับหยิบถ้วยใบหนึ่งขึ้นมาและเงยหน้าดื่มลงไปทันที
“พระชายาโปรดวางพระทัย บ่าวจะต้องทำงานนี้ให้สำเร็จอย่างแน่นอนเพคะ”
ซูจิ่นซีหันไปมองแม่นมจูที่ยังไม่ดื่ม แม่นมจูจึงยื่นมืออันสั่นเทาออกไปหยิบถ้วย กลับคิดไม่ถึงว่า แม่นมเจิ้งจะชิงลงมือก่อน นางหยิบถ้วยอีกใบขึ้นมา และหันมาบีบกรามกรอกยาพิษในถ้วยเข้าปากแม่นมจูทันที
“พระคุณของพระชายามากมายถึงเพียงนี้ เจ้าคิดลังเลอันใด? เจ้าอยากตายหรืออย่างไร? ” แม่นมเจิ้งพูดพลางกรอกยาพิษใส่ปากแม่นมจู
ซูจิ่นซีอดขมวดคิ้วไม่ได้ นางไม่คิดว่าแม่นมเจิ้งจะดุดันเช่นนี้
“ฮองเฮาไม่ได้สิ้นพระชนม์จริง ทว่าพระนางทรงเสวยยาแสร้งตายของข้าเท่านั้น นี่คือยาถอนพิษ” ซูจิ่นซีหยิบกล่องผ้าไหมใบเล็กออกมาจากแขนเสื้อ มอบให้กับแม่นมเจิ้งและพูดว่า “ยามนี้พระโกศของฮองเฮาอยู่ที่ตำหนักจ้งหวา พวกเจ้าต้องทำให้ฮองเฮาฟื้นขึ้นมาเสียก่อน จากนั้นก็ถือโอกาสหลบหนีออกจากวัง”
แม่นมเจิ้งรับกล่องผ้าไหมมาไว้ในมือ นางมองยาเม็ดด้านใน และเก็บไว้ในแขนเสื้อ พูดว่า “พระชายาโปรดวางพระทัย บ่าวจะต้องทำให้สำเร็จเพคะ”
ครั้งนี้ไม่ใช่ครั้งแรกที่แม่นมเจิ้งรับประกันกับซูจิ่นซี
ทว่าซูจิ่นซีไม่ได้สงสัยอันใดในตัวนาง มิฉะนั้น นางคงไม่ใช้งานแม่นมทั้งสอง
“ไปเถิด! หลังทำงานเสร็จแล้ว ข้าจะรออยู่ที่นี่เพื่อมอบยาถอนพิษให้พวกเจ้า ตามฮูหยินปี้ไปเสีย นางจะพาพวกเจ้าไปแปลงโฉม”
จะให้แม่นมเจิ้งกับแม่นมจูเข้าวังอีกครั้ง แน่นอนว่าต้องแปลงโฉม ใบหน้าเช่นนี้ของพวกนางไม่มีผู้ใดไม่รู้จัก หากมีผู้ใดพบเข้า อาจมีปัญหาใหม่แทรกเข้ามาได้
“ขอบพระทัยพระชายาเพคะ” แม่นมเจิ้งคำนับศีรษะให้ซูจิ่นซีด้วยท่าทีมุ่งมั่น แม้แม่นมจูจะกลัวจนตัวสั่นงันงก ทว่านางก็ตามออกไปด้วยเช่นกัน
หลังจากที่ฮูหยินปี้พาแม่นมเจิ้งกับแม่นมจูออกไปแล้ว ภายในห้องก็เหลือเพียงซูอวี้กับซูจิ่นซีสองคน
“พี่จิ่นซี เรื่องนี้ให้พวกนางไปทำ คงจะไม่… เมื่อครู่ข้าเห็นแม่นมเจิ้งผู้นี้โหดเหี้ยมยิ่งนัก” เรื่องอื่นไม่ต้องพูดถึง เพียงเห็นนางกรอกยาพิษใส่ปากแม่นมจู ก็มองออกแล้วว่า แม่นมเจิ้งผู้นี้ใจคอโหดเหี้ยมเพียงใด
“ไม่มีทาง” ซูจิ่นซีพูดขึ้น “พิษนั้น ทุกสามชั่วยามจะกำเริบหนึ่งครั้ง แม้จะไม่รุนแรงมากนัก แต่ก็สามารถตักเตือนและทำให้พวกนางเกรงกลัวได้ พวกนางไม่มีทางคิดไม่ซื่อ อีกทั้ง… เป็นเพราะแม่นมเจิ้งใจคอโหดเหี้ยม ข้าจึงใช้ให้นางไปทำงานนี้”
พวกนางเข้าไปในวังเพื่อลักขโมย ไม่ใช่ลักขโมยสิ่งของอื่นใด ทว่าเป็นพระศพของฮองเฮาองค์ปัจจุบัน เรื่องนี้ไม่ใช่ว่าบุคคลทั่วไปจะสามารถทำได้
“เช่นนั้น… พี่จิ่นซี ท่านยืนยันได้หรือไม่ว่า โยวอ๋องจะไม่ทราบเรื่องนี้? ”
เยี่ยโยวเหยาจะทราบหรือไม่… นางไม่รู้
ทว่านางยืนยันได้อย่างหนึ่ง ไม่ว่าเยี่ยโยวเหยาจะทราบหรือไม่ คืนนี้ การที่แม่นมเจิ้งกับแม่นมจูคิดจะนำตัวฮองเฮาออกมาจากพระราชวังภายใต้การคุมเข้มของเยี่ยโยวเหยานั้น ไม่ใช่เรื่องง่าย
“ข้าไม่กล้ายืนยัน ค่อยเป็นค่อยไปเถิด! หากเขาทราบเรื่องเข้าจริงๆ ตอนนั้นข้าจะไปอธิบายกับเขาเอง เรื่องนี้หากให้เขาเป็นคนทำ คงสะดวกกว่าที่พวกเราแอบทำด้วยความอกสั่นขวัญหายเช่นนี้มากนัก”
“อืม” ซูอวี้พยักหน้า “เช่นนั้นข้าจะไปดูว่าท่านแม่มีอันใดให้ช่วยเหลือ”
“ไปเถิด! ”
สุดท้ายภายในห้องก็เหลือซูจิ่นซีเพียงคนเดียว
นางอดนึกถึงคำพูดของเฒ่าซุนตอนอยู่ที่คุกหลวงไม่ได้
ไม่รู้ว่าเฒ่าซุนผู้นั้นเป็นใครมาจากไหนกันแน่ เขารู้ได้อย่างไรว่าวิญญาณของนางมาสถิตบนร่างกายของผู้อื่น? เขาเห็นอันใดอีก?
ท่ามกลางความเงียบสงบ ซูจิ่นซีอดว้าวุ่นใจไม่ได้ นางรู้สึกราวกับถูกผู้อื่นมองทะลุถึงดวงวิญญาณ
ทุกคืนในเวลายามสาม ภายในพระราชวังจะส่งรถม้าสองคันออกไปตักน้ำที่ธารน้ำจากภูเขานอกเมือง เพื่อนำมาจัดเตรียมพระกระยาหารให้กับฮ่องเต้ และจะกลับมาในยามห้า
ในเวลานี้ แม้ฮ่องเต้จะสูญเสียอำนาจ ทว่ากฎเกณฑ์นี้ยังคงไม่เปลี่ยนแปลง
เมื่อถึงยามห้า รถม้าที่ออกไปตักน้ำจากธารน้ำบนเขาก็กลับมาตามเวลา ที่หน้าประตูวัง องครักษ์ได้ทำการตรวจสอบเหมือนปกติ ทันใดนั้น เงาสีดำสองร่างก็มุดเข้าไปใต้รถม้าอย่างรวดเร็ว
หลังตรวจรถม้าเสร็จ องครักษ์ก็ปล่อยให้เข้าวัง แม่นมเจิ้งกับแม่นมจูแอบเข้าไปพร้อมกับรถม้าได้อย่างปลอดภัย
รถม้าวิ่งมาทางประตูข้างของพระราชวัง เมื่อเข้ามาในวังก็วนไปยังทางเล็กๆ เพื่อมุ่งหน้าไปที่ห้องเครื่อง ระหว่างทาง แม่นมเจิ้งกับแม่นมจูได้ฉวยโอกาสกระโดดออกจากรถม้า และเข้าไปหลบภายในแปลงดอกไม้
“เฮ้ ข้าว่า เมื่อครู่ข้าเห็นเงาคนออกมาจากใต้รถม้า” ขันทีผู้หนึ่งที่ขับรถม้าพูดกับขันทีอีกคนที่มาด้วยกัน
“ตอนนี้ยามห้าแล้ว จะมีเงาอันใดอีก? หากมีจริง มันคงกลับไปประตูผีนานแล้ว เจ้าอย่าพูดจามั่วๆ ”
“บางทีข้าอาจตาฝาดไปเองจริงๆ ”
“ระยะหลังมานี้ ในพระราชวังมีเรื่องมากมาย โยวอ๋องควบคุมอำนาจไว้ทั้งหมดแล้ว ไม่เหมือนเมื่อก่อน เจ้าจงตั้งสติให้ดี อย่าประมาท พวกเราอาจหัวขาดได้”
“ใช่ ใช่ ใช่… ”
เมื่อได้ยินก็เข้าใจในทันที ขันทีที่พูดว่าเห็นเงาคน มีตำแหน่งต่ำกว่าขันทีอีกนาย
รอจนรถม้าวิ่งไปไกลแล้ว และบริเวณโดยรอบไม่มีผู้คน แม่นมเจิ้งกับแม่นมจูจึงรีบถอดเสื้อคลุมสีดำออก เครื่องแต่งกายในวังใหม่เอี่ยมด้านในเสื้อคลุมสีดำปรากฏขึ้นภายใต้แสงจันทร์ แม่นมทั้งสองซุกซ่อนชุดสีดำไว้ในพงหญ้าด้วยความระมัดระวัง ก่อนจะเดินออกมาและมุ่งหน้าไปยังตำหนักจ้งหวาด้วยท่าทางคล่องแคล่วเพราะรู้เส้นทางเป็นอย่างดี
“หยุดก่อน พวกเจ้าทั้งสองเป็นใคร? ” แม่นมเจิ้งกับแม่นมจูกำลังจะเข้าไปในตำหนักจ้งหวา ทันใดนั้นก็มีเสียงเรียกของบุรุษผู้หนึ่งดังขึ้นจากทางด้านหลัง
แม่นมทั้งสองหันหลังกลับไป บุรุษผู้นั้นคือหัวหน้าองครักษ์ เขากำลังพาคนจำนวนหนึ่งเดินลาดตระเวน และบังเอิญเดินลาดตระเวนมาถึงทางเข้าตำหนักจ้งหวาพอดี
แม่นมเจิ้งคุ้นเคยกับเหตุการณ์เช่นนี้ดี นางรีบเดินเข้าไปหาหัวหน้าองครักษ์ผู้นั้น
“พวกข้าทั้งสองเป็นคนจากตำหนักเฉิงเฉียนของฝ่าบาท ฝ่าบาทมีพระบัญชาให้พวกเรามาตรวจดูว่า แม่นมที่ดูแลพระราชพิธีศพนั้น สวมฉลองพระองค์ให้ฮองเฮากี่ชุด และใช้ผ้าคลุมกี่ผืน”