แดนนิรมิตเทพ บทที่ 409
เมืองฮ่านหยาง ร้านอาหารในเครือเหม่ยหวากรุ๊ป หอเซียงหม่าน

เหม่ยหวากรุ๊ปเติบโตมาด้วยธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ แต่ช่วงนี้ทางรัฐเข้มงวดในด้านระเบียบข้อบังคับของอสังหาริมทรัพย์อย่างมาก ฟองสบู่อสังหาริมทรัพย์ร้ายแรง ทางเหม่ยหวากรุ๊ปจึงค่อยๆถอนตัวออกมาจากทางด้านอสังหาริมทรัพย์ และดำเนินงานหลายเส้นทาง

ร้านอาหารในเครือหอเซียงหม่าน เป็นอุตสาหกรรมทางหนึ่งที่เหม่ยหวากรุ๊ปจะดำเนินการเป็นหลักในอนาคต ได้ทำการลงทุนไปหลายร้อยล้านแล้ว สถานที่ต่างๆในเมืองฮ่านหยางล้วนเริ่มทำการเปิดสาขาเพิ่มขึ้น

หอเซียงหม่านบริการดีมาก อาหารรสชาติเยี่ยม เน้นผักอาหารใบเขียวเป็นหลัก ในปัจจุบันที่สภาพแวดล้อมมีมลภาวะ หากเป็นพวกสิ่งของที่โฆษณาว่าดีต่อสุขภาพ ปลอดมลภาวะ ก็ล้วนได้รับการยอมรับจากทุกคนในสังคม ทุกสาขาล้วนมีลูกค้าเต็มทุกวัน ระยะเวลาสั้นๆเพียงไม่กี่เดือน เงินทุกที่ทำการลงทุนก่อนหน้านี้ก็ได้กลับคืนมามากถึงเจ็ดสิบเปอร์เซ็นต์แล้ว รายได้ผลกำไรดีมาก

เมื่อหลี่ซู่เฟินและเวินฉิงปรึกษาหารือกันเสร็จแล้ว ถึงขั้นเตรียมที่จะตั้งหอเซียงหม่านเป็นเส้นทางที่เหม่ยหวากรุ๊ปจะลงทมุนเป็นหลักในอนาคต แล้วจะพยายามเปิดสาขาไปทั่วประเทศภายในระยะเวลาสามปี

แต่ว่า ช่วงนี้กลับพบว่าธุรกิจหอเซียงหม่านตกต่ำลงเรื่อยๆ สิบกว่าสาขาภายในเมือง มีลูกค้าน้อยมากติดต่อกันเป็นเวลาถึงสามวันแล้ว

หลี่ซู่เฟินและเวินฉิงตกใจอย่างมาก จึงออกไปสืบหาสาเหตุด้วยตัวเอง

ช่วงเวลาเที่ยง เมืองฮ่านหยาง ถนนเฟิงกวง หอเซียงหม่าน ลูกค้าหญิงคนหนึ่งที่พาเด็กมาด้วยกำลังจะเดินเข้าร้านมาสั่งอาหาร แต่จู่ๆด้านข้างก็มีลูกค้าหญิงอีกท่านหนึ่งมาดึงเธอไว้

“เสี่ยวหยุน ทำไมเธอยังมาที่หอเซียงหม่านอีกละ ตอนนี้ที่นี่มันตกยุคไปแล้วละ ทุกคนล้วนไปที่หอว่านเค่อไหลกันหมดแล้ว”

หญิงสาวที่ชื่อเสี่ยวหยุนถามอย่างสงสัยว่า “ที่นี่เน้นอาหารผักเขียวที่ดีต่อสุขภาพ บริการก็ดี ทำไมถึงได้ตกยุคไปแล้วละ? แล้วหอว่านเค่อไหลมีอะไรดี?”

เสี่ยวหยุนเป็นพนักงานบริษัทคนหนึ่ง ในครอบครัวมีลูกชายหนึ่งคน ฐานะคุณภาพชีวิตถือว่าไม่เลว ให้ความสำคัญกับอาหารการกินมาก ดังนั้นอาหารผักใบเขียวที่ดีต่อสุขภาพจึงเป็นตัวเลือกแรกของเธอเสมอ

หญิงสาวอีกหนึ่งคนอีกเพื่อนร่วมงานของเสี่ยวหยุน เวลาพักเที่ยววันนี้ ออกมาทานข้าวด้วยกันกับเสี่ยวหยุน

“อาหารผักเขียวดีต่อสุขภาพก็จริง แต่ว่าช่วงนี้หอว่านเค่อไหลโฆษณาอาหารสมุนไพรจีนเพื่อสุขภาพ”

เหมือนกับรู้สึกว่าคำศัพท์ทางการพวกนั้นไม่สามารถดึงดูดได้มากพอ เพื่อนร่วมงานของเสี่ยวหยุนจึงเปลี่ยนคำพูดว่า “เสี่ยวหวางในบริษัทเธอรู้จักมั้ย? สองวันก่อนลางานเพราะกระดูกคอเสื่อมไม่ใช่หรือไง?”

เสี่ยวหยุนพยักหน้า มองเพื่อนร่วมงานด้วยสีหน้าสงสัย เธอรู้จักเสี่ยวหวาง เรื่องที่เขาลางานเธอเองก็รู้ แต่ว่าพวกนี้มันไม่เกี่ยวอะไรกับการกินข้าวนี่นา?

เพื่อนร่วมงานคนนั้นพูดต่อว่า “เสี่ยวหวางไปที่โรงพยาบาล ทั้งฉีดยาและนวด แม้ว่าอาการจะดีขึ้นแต่ก็ยังปวดอยู่ สุดท้ายเสี่ยวหวางถูกสามีพาไปกินซุปสมุนไพรบำรุงกระดูกคอที่หอว่านเค่อไหลโดยบังเอิญ แล้วเธอเดาสิว่าเกิดอะไรขึ้น? จู่ๆกระดูกคอของเขาก็ไม่เจ็บไม่ปวดแล้ว!”

“อัศจรรย์ขนาดนี้เลยหรอ!” เสี่ยวหยุนเชื่อบ้างไม่เชื่อบ้าง เพราะว่าในตอนนี้ผลิตภัณฑ์สมุนไพรจีนบำรุงสุขภาพที่ว่านั้น เก้าสิบเปอร์เซ็นต์ล้วนหลอกลวงทั้งนั้น เธอไม่เชื่อว่าเพียงน้ำซุปถ้วยเดียวจะสามารถรักษาอาการเรื้อรังอย่างกระดูกคอเสื่อมให้หายได้

เพื่อนร่วมงานคนนั้นพูดอย่างอลังการว่า “อัศจรรย์ขนาดนี้เลยแหละ! ต่อมาเสี่ยวหวางไปติดต่อกันอีกสองวัน แล้วกระดูกคอของเขาก็หายดีเป็นปกติ วันนี้ที่มาทำงานฉันก็ได้เจอกับเขา นั่งคุยกับเขาอยู่นานเลยละ เขานับถือต่ออาหารสมุนไพรจีนเพื่อสุขภาพที่หอว่านเค่อไหลโฆษณาออกมาอย่างมาก ช่วงเช้านี้เอาแต่ชื่นชมว่านเค่อไหลจนแทบจะลอยขึ้นฟ้าอยู่แล้ว!”

เสี่ยวหยุนรู้สึกหวั่นไหว วันนี้เธอเองก็เจอเสี่ยวหวางเช่นกัน เห็นว่าเสี่ยวหวางดูสดใสมีชีวิตชีวาอย่างมาก เธอยังสงสัยอยู่เลยว่าทำไมอาการกระดูกคอเสื่อมของเสี่ยวหวางถึงได้หายเร็วขนาดนี้?

ไม่คิดเลยว่าเป็นเพราะเหตุนี้นี่เอง

ร่างกายของเสี่ยวหยุนเองก็มีโรคออฟฟิศซินโดรมเช่นกัน เมื่อเพื่อนร่วมงานชมว่านเค่อไหลอัศจรรย์มากเช่นนี้ เธอเองก็อดไม่ได้ที่จะหวั่นไหว “โอเค พวกเราไปลองกินที่หอว่านเค่อไหลกันดู ดูสิว่าอัศจรรย์มากขนาดนั้นจริงไหม!”

มองดูแผ่นหลังของทั้งสองคนจากไป มุมหนึ่งของประตูที่ว่างเปล่า หญิงสาวสองคนที่มีความสง่าลุกขึ้นยืน สีหน้าดูเคร่งเครียด